Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1442

ตอนที่ 1442

บทที่ 1442 หน้ากากหนังคน

โจวเอ้อสีหน้าสงสัยยื่นมือไปรับ เปิดกล่องสีดำลึกลับนั่น

เมื่อโจวเอ้อเห็นของที่อยู่ข้างใน ก็อึ้งไป

เขาเงยหน้าตื่นเต้น สายตาจ้องมองลู่เซิ่น “นี่มัน…”

น้ำเสียงโจวเอ้ออึกอัก ไม่กล้ายืนยันออกไป

เขาเคยได้ยินคนอื่นพูดถึงของสิ่งนี้ แต่ไม่เคยเห็นมันกับตาตัวเอง

“ถูกแล้ว มันคือของที่นายคิดนั่นแหละ”

ลู่เซิ่นพูดเรียบๆ มองการแสดงออกของโจวเอ้อยิ้มๆ หลังจากคำพูดของเขา ยิ่งทียิ่งรู้สึกไม่เชื่อสายตา

“มันคือหน้ากากหนังคนจริงๆ”

หน้ากากหนังคนที่เคยพูดต่อๆ กันทำได้บางเหมือนผิวหนังคน จึงเรียกกันว่า “หน้ากากหนังคน”

เขาไม่ได้ฆ่าคนแล้ว ลอกหนังออก มาทำหน้ากาก มันเป็นเพียงชื่อเท่านั้น

“หน้ากากหนังคน” ทำได้บางเท่าไร ก็ยิ่งพิสูจน์ว่าช่างมีฝีมือสูงมาก

โจวเอ้อนึกไม่ถึง เขาจะได้เห็น “หน้ากากหนังคน” จริงๆ

เขาอดไม่ได้ที่จะหยิบหน้ากากหนังคนมาดูอย่างแปลกใจ

หน้ากากหนังคนบางเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่ง โจวเอ้อหยิบมันส่องกับแสงอาทิตย์ก็ยังโปร่งใสด้วย ริ้วรอยราวกับหายใจได้จริงๆ

“ประณีตจริงๆ”

โจวเอ้ออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา สีหน้านับถือช่างฝีมือ

แม้เขาจะไม่เคยเห็นหน้ากากหนังคนอันอื่น แต่ก็มั่นใจได้ หน้ากากหนังคนอันนี้จะต้องเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง

ช่างที่สามารถประดิษฐ์งานได้ละเอียดประณีตถึงขั้นนี้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่

หน้ากากที่บางเหมือนปีกจักจั่น ทำให้โจวเอ้ออดไม่ได้ที่จะจับอย่างระมัดระวัง กลัวว่าจะทำให้มันเสียหาย

ของชิ้นนี้ลู่เซิ่นคงจะไม่ได้มาง่ายๆ

โจวเอ้อประคองหน้ากากหนังคน เดินไปหาลู่เซิ่นอย่างระมัดระวังถามเขา “ลู่เซิ่น นายได้ของดีขนาดนี้มาจากไหนกัน”

มีหน้ากากหนังคนสองอันนี้ ต่อให้เดินสวนไหล่กับจ้านเซิน ก็ไม่แน่ว่าเขาจะจำได้ นอกเสียจากจ้านเซินจะมีสายตาแยกแยะปีศาจของซุนหงอคงมองทะลุผิวด้านนอกมองเห็นคนด้านใน

ลู่เซิ่นเผยอริมฝีปาก เผยรอยยิ้มลึกลับจนคาดเดาไม่ถูก

เขาจ้องมองโจวเอ้อพูดเสียงต่ำ “นายเอาไปลองดูก่อนใส่ได้ไหม มีตรงไหนต้องแก้ไขบ้าง”

ลู่เซิ่นไม่ได้บอกเขาตรงๆ แต่กลับอุบไว้ไม่ยอมบอก

เมื่อได้ยินลู่เซิ่นพูดอย่างนี้ โจวเอ้อยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น

ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะรู้จักคนประดิษฐ์หน้ากากหนังคนจริงๆ

“โอเค”

ที่จริงโจวเอ้ออยากจะลองใส่แต่แรกแล้ว แต่เพื่อไม่ให้ทำเสียหาย เมื่อลู่เซิ่นยังไม่อนุญาต เขาจึงไม่กล้าลองใส่ดู

สีหน้าโจวเอ้อจึงปรากฏความยินดี เขาถือหน้ากากหนังคนเดินไปหน้ากระจก ใส่อย่างระมัดระวัง

หลังจากใส่แล้วโจวเอ้อไม่รู้สึกความผิดปกติใดๆ เขาถึงกับรู้สึกว่าหน้ากากหนังคนอันนี้ คือผิวของเขาจริงๆ เมื่อสวมแล้วก็กลายเป็นเนื้อเดียวกัน

“เจ๋งมากๆ!”

โจวเอ้ออดใจไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ส่องดูไปมาหน้ากระจก

ถ้าไม่ใช่เห็นกับตาตนเองเขาคงไม่กล้าเชื่อ ในโลกใบนี้จะมีเทคนิคที่ล้ำเลิศขนาดนี้

โจวเอ้อมองตัวเองที่กลายเป็นคนแปลกหน้าในกระจก อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ตอนที่เขาหัวเราะ หน้ากากหนังคนที่อยู่บนหน้าก็หัวเราะด้วย

โจวเอ้อหันไปมองก็เห็นว่าลู่เซิ่นใส่หน้ากากหนังคนอีกอันหนึ่งเช่นกัน

หลังจากลู่เซิ่นใส่หน้ากากแล้ว ใบหน้าที่หล่อขั้นเทพ ก็เปลี่ยนเป็นคนธรรมดาๆ ทันที

โจวเอ้อรีบเดินเข้าไปตรงหน้าเขา “ลู่เซิ่น นายรีบบอกฉัน ของนี่มาจากไหนกันแน่”

เขารู้สึกประหลาดใจมาก

โจวเอ้อจับแขนลู่เซิ่นแน่น สายตามีประกายของความอยากรู้

เห็นเขาอยากรู้ขนาดนี้ ลู่เซิ่นก็ไม่ปิดบังอีก “ฉันทำเองแหละ”

ลู่เซิ่นพูดเรียบๆ ราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา

แต่เขาไม่รู้ว่า คำพูดของเขาทำให้โจวเอ้อใจเต้นด้วยความตื่นเต้น

โจวเอ้อมองเขาตกตะลึง อ้าปากค้าง

เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พบว่าตัวเองไม่มีเสียงออกมา

ผ่านไปครู่หนึ่ง โจวเอ้อถึงหุบปากที่อ้าค้างเพราะไม่อยากเชื่อ ถามอึกๆ อักๆ “ลู่เซิ่น นายทำเองจริงๆ หรือ”

สายตาของเขามีแต่ความประหลาดใจ แม้เขาจะรู้ว่าลู่เซิ่นเก่งกาจ แต่ไม่เคยคิดมาก่อน แม้แต่ด้านนี้เขาก็จะทำได้

ลู่เซิ่นยืนสุขุมเยือกเย็นอยู่ที่เดิม ดวงตาดำขลับฉายรอยยิ้มจางๆ “ไม่ใช่ฉันทำ หรือว่านายเป็นคนทำล่ะ”

น้ำเสียงย้อนถามเรียบๆ ของเขา หลังจากนั้นก็ถอดหน้ากากหนังคนออก วางกลับลงไปในกล่องตามเดิม

อย่างนี้ โจวเอ้อเชื่อคำพูดของเขาหมดใจ

โจวเอ้อขับแขนเขาแน่น ถามอย่างตื่นเต้น “ลู่เซิ่น นายไปเรียนตอนไหนมา ทำไมฉันไม่เห็นรู้”

พวกเขารู้จักกันมานานหลายปี ไม่เคยได้ยินลู่เซิ่นพูดถึงเรื่องนี้

ลู่เซิ่นก้มมองเขา ริมฝีปากบางขยับนิดหนึ่ง “นี่เป็นความลับ”

อันที่จริงนี่เป็นโอกาสที่ลู่เซิ่นบังเอิญได้มาตอนเป็นเด็ก

ตอนนั้นลู่เซิ่นถูกวางแผนลอบฆ่า พลัดหลงเข้าไปในภูเขาลึก เขาคิดว่าตัวเองต้องตายแน่ แต่นึกไม่ถึงจะบังเอิญพบกับสุดยอดฝีมือคนหนึ่งเข้า

ยอดฝีมือคนนั้นช่วยชีวิตลู่เซิ่น และยังสอนวิธีประดิษฐ์หน้ากากหนังคนที่ไม่มีคนสืบทอดมานานด้วย หวังว่าภายภาคหน้าลู่เซิ่นจะหาลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นได้ เพื่อสืบทอดงานฝีมือนี้ต่อไป

แต่ยอดฝีมือคนนั้นกำชับกับเขา ไม่อนุญาตให้ลู่เซิ่นแพร่งพรายชื่อสกุลของเขา และจะต้องใช้งานฝีมือนี้ในทางที่ถูกต้อง จะนำไปทำเรื่องผิดกฎหมายไม่ได้

หลายปีมานี้ ลู่เซิ่นจำขึ้นใจ ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง

ถ้าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องของฉินซี ชาตินี้เขาคงไม่บอกกับใครว่าเขาทำหน้ากากหนังคนได้

โจวเอ้อก็รู้ว่าเรื่องนี้คนรู้ยิ่งน้อยยิ่งดี เมื่อเห็นลู่เซิ่นไม่อยากบอกก็ไม่ซักถามอีก

“โอเค ถอดหน้ากากคืนให้ฉันได้ละ”

ลู่เซิ่นยื่นมือ แสดงท่าทางให้เขาถอดหน้ากาก วางลงในกล่อง

การทำหน้ากากหนังคนที่ประณีตละเอียดอ่อน ต้องทุ่มเทกำลังกายใจมาก ตอนนี้เวลารีบเร่ง ถ้าหากทำพังล่ะก็ ลู่เซิ่นไม่มีเวลาพอที่จะทำใหม่อีกอัน จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

“โอเค”

โจวเอ้อพยักหน้า ถอดหน้ากากหนังคนออกด้วยความเสียดาย

เขาวางหน้ากากหนังคนลงในกล่องอย่างเบามือ กลัวว่าจะทำให้มุมไหนเสียหาย สายตาจับจ้องตลอด

โจวเอ้อมีรอยยิ้มยินดีบนใบหน้า “ตอนแรกฉันคิดว่างานเลี้ยงครั้งนี้อาจจะถูกจับได้ ดูท่าครั้งนี้น่าจะไม่พลาดแน่”

เดิมทีเขาไม่กล้าคุยอวด แต่ตอนนี้เมื่อเห็นลู่เซิ่นหยิบหน้ากากหนังคนขึ้นมา ความหวั่นใจจึงผ่อนคลายลงไปสิ้น

มีหน้ากากหนังคนที่ประณีตเหมือนเนรมิต โจวเอ้อไม่เชื่อจ้านเซินจะยังจำได้

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท