Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1441

ตอนที่ 1441

บทที่ 1441 เสี่ยงเพราะเข้าตาจน

ถ้าลู่เซิ่นกับฉินซีอยากจะพูดคุยกัน มีแต่ที่นี่เท่านั้นที่เหมาะสม

แต่ พวกเขาไม่มั่นใจว่าถึงเวลาแล้วจะมีโอกาสพูดคุยกัน

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว “โจวเอ้อ ตอนนี้นายช่วยฉันหาโอกาสละกัน”

แม้วิธีนี้จะเสี่ยงอันตรายมาก แต่ลู่เซิ่นยังอยากจะลองดู

“ฉันจะพยายามละกัน”

โจวเอ้อพูดอย่างลำบากใจ ใช่ว่าเขาไม่เต็มใจช่วยเหลือ แต่เขาไม่มั่นใจว่าฝ่ายจ้านเซินจะมีคนมาเท่าไร

เหยาจ้าวแม้จะอยู่ในองค์กร แต่เขารู้ข้อมูลน้อยมาก

จ้านเซินเป็นคนระมัดระวังมากอยู่แล้ว ครั้งก่อนเพราะคำพูดของถังย่า เขาเริ่มสงสัยเหยาจ้าวแล้ว

ตอนนี้เรื่องสำคัญอย่างนี้ เขาไม่น่าจะให้เหยาจ้าวเข้าร่วมแน่

ลู่เซิ่นเองก็รู้ดี เรื่องนี้ทำได้ยากมาก

เขาถอนหายใจ ตบบ่าโจวเอ้อ “โจวเอ้อ ลำบากนายแล้ว”

ช่วงนี้ที่ลู่เซิ่นอยู่โรงพยาบาล โจวเอ้อเป็นคนที่ต้องทำงานหนัก

เขาต้องช่วยดูแลลู่เซิ่น และยังต้องไปประสานงานกับเหยาจ้าว เพื่อสืบข่าวคราวอีก

ลู่เซิ่นเข้าใจเขาลำบาก จึงรู้สึกขอบคุณเขามาก

โจวเอ้อเห็นสายตาลึกซึ้งของเขา ก็ส่ายหน้า “ลู่เซิ่น นายอย่าพูดอย่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนาย หรือเป็นลูกน้อง นี่เป็นเรื่องที่ฉันควรทำ”

เขาพูดอย่างจริงใจ ไม่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องหนักหนาอะไร

ลู่เซิ่นพยักหน้า “เหยาจ้าวทางนั้นมีข่าวอะไรมั้ย ช่วงนี้ ฉินซีใกล้มาถึงแล้วยัง”

ตอนนี้พวกเขาติดต่อฉินซีโดยตรงไม่ได้ จึงต้องผ่านเหยาจ้าวเท่านั้น

แม้ว่าฉินซีจะออกมาปฏิบัติภารกิจ แต่จ้านเซินเก็บอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมดไปหมดแล้ว เธออยากจะส่งข่าวให้ลู่เซิ่นนั้นเป็นไปไม่ได้

“อ้อ อีกชั่วโมงก็ถึงแล้ว”

โจวเอ้อบอกข่าวที่รู้มากับเขา “เท่าที่เหยาจ้าวบอก พอฉินซีมาถึงแล้ว จะตรงไปงานเลี้ยง สำรวจลักษณะพื้นที่รอบหนึ่ง เพื่อเตรียมทำงานคืนพรุ่งนี้”

เขาไม่ปิดบังอะไร เพื่อไม่ให้ลู่เซิ่นโกรธ

ลู่เซิ่นครุ่นคิด “โจวเอ้อ นายว่าไง วันนี้คนน้อย ฉวยจังหวะตอนที่สปายของจ้านเซินยังไม่เข้าพื้นที่ ไปเจอหน้าฉินซีก่อนเป็นยังไง”

เขารู้สึก วิธีนี้เป็นวิธีที่คาดไม่ถึงมากที่สุด

ถ้าเป็นคนปกติ จะต้องอาศัยจังหวะที่เริ่มงานเลี้ยงไปแล้วลงมือ

ในเมื่อตอนนั้นคนเยอะ เคลื่อนไหวสะดวก

แต่ เพราะอย่างนี้ จ้านเซินจะต้องกระชับการป้องกันแน่

เมื่อเทียบกับการเสี่ยงอันตรายตอนนั้น สู้ไปตอนนี้ไม่ได้

จ้านเซินคิดไม่ถึงจุดนี้แน่ เขาจะต้องรู้สึกตามเหตุผลว่า ลู่เซิ่นจะต้องปรากฏตัวคืนวันงานแน่

โจวเอ้อฟังเขาพูดอย่างนี้แล้ว ชะงักไป

เขาครุ่นคิด ก่อนที่จะพยักหน้า “ก็มีเหตุผล”

โจวเอ้อสีหน้าลังเล “แต่ไปอย่างนี้ จะอันตรายไปมั้ย”

ตอนนี้ที่นั่นคนน้อยมาก

ถ้าถูกจับได้ล่ะก็ คงจะยุ่งยากมาก

ลู่เซิ่นเม้มริมฝีปาก “ไม่เข้าถ้ำเสือจะจับเสือได้ยังไง”

ไม่ว่าจะเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหน ครั้งนี้ เขาจะต้องเจอฉินซีให้ได้

“ต่อให้ไปพรุ่งนี้ ก็เสี่ยงเหมือนกันอยู่ดี ใช่มั้ยล่ะ”

ลู่เซิ่นจ้องมองเขา ย้อนถาม

เขาอยากเจอฉินซีจริงๆ ต่อให้ต้องสละชีวิต ก็ไม่เสียดายสักนิด

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คำพูดของลู่เซิ่น มีเหตุผลจริงๆ

ทำให้โจวเอ้อตอบโต้ไม่ได้

ใช่แล้ว!

ในเมื่อตัดสินใจทำแล้ว จะมัวแต่ห่วงหน้าพะวงหลังอยู่ที่นี่ทำไมกัน

ไม่ว่าตอนไหน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ปลอดภัยทั้งนั้น

โจวเอ้อไม่อยากชักช้าร่ำไรอีกแล้ว

“ดี งั้นตอนนี้พวกเราควรทำยังไง”

โจวเอ้อครุ่นคิด ก่อนที่จะตอบตกลงในที่สุด

ความคิดที่สวนทางกับคนทั่วไป ไม่แน่อาจจะเป็นแผนที่ดีก็ได้

ลู่เซิ่นเห็นเขาเห็นดีด้วยกับความคิดของตน ดวงตาคู่นั้นก็มีรอยยิ้ม “โจวเอ้อ นายไปเอาชุดพนักงานเสิร์ฟที่เตรียมไว้มา เราเปลี่ยนชุดแล้วไปกันเลย”

พวกเขาต้องรีบก่อนที่ฉินซีและคนขององค์กรจะไปถึง ถึงสถานที่จัดงานเลี้ยงก่อน

ลู่เซิ่นเตรียมปลอมเป็นพนักงานข้างใน หาโอกาสเข้าใกล้ฉินซี

“โอเค”

โจวเอ้อตอบรับ แล้วลุกขึ้นออกไปจากห้อง

เดิมเขาคิดว่าลู่เซิ่นจะรอเขาที่ห้องรับแขก แต่นึกไม่ถึง ตอนที่เขาออกมา อยู่ๆ ลู่เซิ่นก็หายไปแล้ว

โจวเอ้อขมวดคิ้ว สีหน้าสับสน

ลู่เซิ่นคงเกรงว่าจะทำให้ตัวเองลำบาก ถึงได้ทิ้งเขาไว้ไปคนเดียว

โจวเอ้อเกิดความคิดในทางร้ายแวบเข้ามาในหัว ในใจเริ่มรู้สึกถึงสัญญาณเตือนภัย

เขาลนลานทิ้งเสื้อผ้าในมือ รีบสาวเท้าออกไปข้างนอก

ไม่ได้ เขาจะปล่อยให้ลู่เซิ่นไปเสี่ยงตายคนเดียวไม่ได้

ขณะที่โจวเอ้อจะผลักประตูนั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังออกมาจากในห้อง

ลู่เซิ่นเห็นท่าทางโจวเอ้อรีบร้อนอย่างนั้น ขมวดคิ้ว

“โจวเอ้อ นายจะทำอะไร”

ใบหน้าของลู่เซิ่นบ่งบอกว่างงงวย เขาไม่เข้าใจ เขาแค่ให้โจวเอ้อไปหยิบเสื้อผ้าเท่านั้น ทำไมเขาถึงมีท่าทีสับสน

โจวเอ้อคิดจะออกไปตามลู่เซิ่น เขาคิดจะรีบไปห้ามลู่เซิ่น ไม่ทันได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง

เสียงที่ดังขึ้นกะทันหันทำให้โจวเอ้อตกใจ เสียงนี้คุ้นหูมาก เขาหันไปสีหน้าท่าทางเซ่อซ่า ก็เจอเข้ากับดวงตาของลู่เซิ่นลึกซึ้งเหมือนถ้ำมืด

“ลู่เซิ่น”

โจวเอ้อยืนนิ่งอึ้งพึมพำกับตัวเอง

สามวินาทีต่อมา โจวเอ้อก็รู้สึกตัวในที่สุด

โจวเอ้อรีบเดินเข้าไปหาลู่เซิ่น รีบพูดขึ้น “ลู่เซิ่น นายทำฉันตกใจแทบตาย ฉันนึกว่านายหนีไปคนเดียวแล้ว”

ใบหน้าของเขามีความโกรธบางๆ ถ้าหากลู่เซิ่นทิ้งเขาไปจริงๆ ล่ะก็ เขาจะต้องโกรธมากแน่

ลู่เซิ่นมองสายตาวิตกกังวลของเขา มุมปากเผยอนิดหนึ่ง เขาพูดติดตลก “ฉันจะไปคนเดียวได้ไง ฉันต้องการความช่วยเหลือจากนายนะ”

เขาตั้งใจใช้น้ำเสียงสบายๆ ทำให้โจวเอ้อโล่งอก

“งั้นก็ดี!”

โจวเอ้อหยิบเสื้อผ้าที่โยนไว้ที่พื้นขึ้นมา ส่งให้ลู่เซิ่น “ไม่มีเวลาแล้ว รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่อยคุยกัน”

ถ้าเวลาที่เหยาจ้าวบอกแม่นยำ อีกชั่วโมงหนึ่งฉินซีก็น่าจะถึงแล้ว

ตอนนี้พวกเขาออกเดินทาง ใช้เวลาเดินทางครึ่งชั่วโมงถึงสถานที่จัดงาน จากนั้นค่อยจัดการทุกอย่าง ก็น่าจะพอดีกับเวลา

“เดี๋ยวก่อน”

ลู่เซิ่นเรียกเขาที่กำลังยุ่ง

เขาหยิบกล่องสีดำออกมาจากด้านหลัง ส่งสายตาให้โจวเอ้อเปิด

โจวเอ้อชะงัก มองกล่องที่ไม่คุ้นเคย

เขาไม่เคยเห็นของนี้มาก่อน

“มันคืออะไร”

โจวเอ้อขมวดคิ้ว ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ

ใบหน้าหล่อเหลาของลู่เซิ่น ฉายความรู้สึกลึกลับ ริมฝีปากบางขยับ พูดขึ้นอย่างมีความหมาย “นายเปิดดูก็รู้”

เขาเลิกคิ้ว ให้โจวเอ้อรีบเปิดดู

หลังจากลู่เซิ่นเร่ง โจวเอ้อเดินเข้าไปหาเขา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท