Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1448

ตอนที่ 1448

บทที่ 1448 พาตัวไป

ฉินซีสั่งเฉียบขาด ใบหน้าสวยงามเต็มไปด้วยความเย็นชา

เธอพูดอย่างนี้หมายถึงต้องการให้จั่วยีจั่วเอ้อ พาตัวไป

ฉินซีแสดงออกเป็นปกติ ประกอบกับไม่มีคนที่ดูผิดปกติในสถานที่นั้น เขาจึงคลายความระแวดระวัง

จั่วยีจั่วเอ้อ พยักหน้ารับคำพร้อมกัน “ครับ”

สองคนกดแขนผู้จัดการ ก้าวเท้ายาวออกไปข้างนอก

สายตาฉินซีเหมือนเปลวเพลิงมองตามหลังสองคนนั้น หายไปจากฮอลล์จัดงานเลี้ยง ในใจก็ถอนใจยาว

เธอเดาออกแล้วผู้ชายที่ดูหน้าตาธรรมดาอีกคนหนึ่งก็คือโจวเอ้อ

ไม่รู้ว่าจั่วยีจั่วเอ้อ จะกลับมาเมื่อไหร่ เธอเอียงศีรษะมองลู่เซิ่น ขอบตาแดงอย่างห้ามไม่ได้

“ลู่…”

ฉินซีทำตามความคิดถึงที่เก็บไว้ไม่อยู่ เดินเข้าไปอยากจะกอดลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นส่งสายตาให้เธอ ห้ามเธอไว้เสียก่อน

เขาแกล้งทำท่าทางนอบน้อมพูดต่อ “เลขานุการฉิน อย่างนั้นให้ผมพาคุณชมสถานที่ต่อละกัน”

ใบหน้าของลู่เซิ่นมีรอยยิ้มเอาใจ เหมือนรอไม่ไหวที่จะมาแทนที่ตำแหน่งของผู้จัดการ

“ดีค่ะ”

ฉินซีหายใจเข้าลึก ฝืนความตื่นเต้นในใจ พยักหน้า

ลู่เซิ่นนำเธอ เดินตรงไปข้างหน้า

ลู่เซิ่นพาเธอไปยังที่ตรวจแล้วช่วงเช้า ที่นั่นไม่มีกล้องวงจรปิด

เขาชะลอฝีเท้า มองฉินซีอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

“ฉินซี”

เสียงต่ำทุ้มเซ็กซี่ของลู่เซิ่นเต็มไปด้วยความรักความคิดถึง

ดวงตาดำสนิทจ้องมองใบหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มของฉินซีไม่วางตา เวลานี้ ลู่เซิ่นรู้สึกระคนปนเปกันไปหลายอย่าง

เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ฉินซีดีใจจนน้ำตาเกือบไหล

“ลู่เซิ่น”

ฉินซีทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอโผเข้ากอดลู่เซิ่นแน่น

ใบหน้าขาวเนียนซบในอ้อมกอดของลู่เซิ่น ฉินซีรู้สึกถึงความอบอุ่นจากตัวเขา ขอบตาแดงก่ำ

ลู่เซิ่นได้ยินเสียงเธอสะอื้น ดวงตามีแววของความปวดใจ

เขายกมือเรียวยาวขึ้น ตบหลังฉินซีเบาๆ กระซิบกับเธอ “ผมอยู่ตรงนี้แล้ว”

คำพูดสั้นๆ เท่านั้น แต่เวลาพูดออกมาช่างยากเหลือเกิน

ถ้าเป็นไปได้ ลู่เซิ่นอยากจะอยู่เคียงข้างฉินซีตลอดไป อยู่กับเธอทุกวินาที

แต่ทว่า เขาทำไม่ได้

ฉินซีหลับตา ฝืนไม่ให้หยดน้ำตาไหล “ลู่เซิ่น หน้าของคุณเกิดอะไรขึ้นคะ”

นิ้วเรียวของเธอยกขึ้น สัมผัสแก้มของลู่เซิ่นเบามือ สายตาฉายแววสงสัย

ลู่เซิ่นไม่ห้ามเธอ สายตาลึกซึ้งอ่อนโยน

ฉินซีสัมผัสหน้ากากที่นิ่มๆ เย็นๆ

เธออึ้งไป ขมวดคิ้ว “ลู่เซิ่น คุณสวมอะไรที่หน้าคะ”

ฉินซีแน่ใจ ลู่เซิ่นจะต้องใช้วิธีการอะไรสักอย่างแน่ ถึงเปลี่ยนหน้าตาตัวเองไปได้มากขนาดนี้

เพียงแต่เธอไม่รู้ ลู่เซิ่นใช้วิธีไหนกันแน่

ฉินซีในหัวมีความคิดเรื่อง “หน้ากากหนังคน” แวบเข้ามา แต่ก็ปัดความคิดนี้อย่างรวดเร็ว

เธอรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อเกินไป น่าจะเป็นแค่ตำนาน

“คุณลองทายดูสิ”

ลู่เซิ่นยิ้มบางๆ มองเธอ น้ำเสียงลึกลับ

ฉินซีส่ายหน้า “ไม่รู้ค่ะ”

เธอทายไม่ถูกจริงๆ แต่ความรู้สึกบอกเธอ น่าจะเป็นของทำนองหน้ากาก

แต่ ของนี้ทำได้อย่างไรกัน

ลู่เซิ่นเห็นเธอประหลาดใจ กระซิบที่ข้างหูเธอ “หน้ากากหนังคน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินซีเบิกตาโต

เธอนึกไม่ถึงจะเป็นหน้ากากหนังคนจริงๆ

“จริงหรือคะ”

ฉินซีอ้าปากค้างไม่อยากเชื่อ เธอจ้องมองใบหน้าของลู่เซิ่นไม่กะพริบ ในใจตื่นตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นของแบบนี้จริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะมีอยู่จริง

“อึม”

ลู่เซิ่นพยักหน้า

ฉินซียอมรับความคิดนี้อย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะอุทานความมหัศจรรย์ของหน้ากากหนังคน “เหมือนของจริงมากค่ะ”

เธอสังเกตอย่างละเอียด พบว่ามันเหมือนใบหน้าคนเปี๊ยบ

แม้จะเป็นคนที่สนิทสนมกันก็ไม่น่าจะสังเกตเห็น จ้านเซินยิ่งไม่มีทาง

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินซีรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที

หลังจากนั้น ฉินซีก็พูดอย่างซาบซึ้ง “ลู่เซิ่น ขอบคุณค่ะ”

เธอนึกไม่ถึงลู่เซิ่นจะทำถึงขนาดนี้เพื่อเธอ

ต้องรู้ว่า ลู่เซิ่นเป็นคนหยิ่งทระนงมากขนาดไหน

คนที่เคยยืนบนยอดเขาสูงสุดอย่างเขา กลับทุ่มเทมากมาย เพื่อเธอแล้ว กระทั่งยอมเปลี่ยนหน้าตาของตัวเอง

“เด็กโง่ ระหว่างเรามีอะไรต้องขอบคุณ”

ลู่เซิ่นมองน้ำตาเอ่อที่ดวงตาของเธอ กระซิบกับเธอ

เขาขยี้หัวฉินซีเบาๆ สายตาเปี่ยมด้วยความรักลึกซึ้ง “คืนพรุ่งนี้ผมจะเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่ต่อ รอเวลานั้นเรายังมีโอกาสเจอกัน คุณอยู่ที่องค์กรต้องดูแลตัวเองดีๆ รอผม ผมต้องช่วยคุณออกมาให้ได้”

ตอนนี้แม้บาดแผลภายนอกของลู่เซิ่นจะดีขึ้นจนแทบหายสนิท แต่บาดแผลภายในยังไม่หายสนิท

เขาจึงต้องจำใจพับแผนบุกไปองค์กรช่วยฉินซีออกมาชั่วคราว

เมื่อนึกถึงฉินซีต้องไม่มีความสุข ลู่เซิ่นก็ปวดใจเหลือเกิน

แต่ฉินซีคิดว่าเพื่อลู่เซิ่นแล้ว ไม่ว่าอะไรก็คู่ควรทั้งนั้น

เธอพยักหน้าหนักแน่น “คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี แผลคุณเป็นยังไงบ้างคะ ให้ฉันดูหน่อย”

ฉินซีพูดพลาง เลิกเสื้อของลู่เซิ่น

ต้องเห็นกับตาตัวเอง เธอถึงจะวางใจ

แต่ เวลานี้เอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

“เลขานุการฉิน!”

ฉินซีได้ยินเสียงของจั่วยีก็ขมวดคิ้ว

เธอรีบผละจากอ้อมกอดของลู่เซิ่น รีบยกมือปาดน้ำตา แกล้งทำตัวปกติเดินออกไป

“ฉันอยู่นี่”

ฉินซีขานรับอย่างเป็นธรรมชาติ ดูไม่ออกสักนิดว่าร้อนตัว

จั่วยีออกไปไม่ได้เท่าไร ก็รู้สึกไม่วางใจที่ฉินซีอยู่คนเดียว

เช่นนั้น เขาจึงให้ จั่วเอ้อรอข้างนอก ตัวเองเข้ามาข้างใน

จั่วยีเข้ามาแล้ว ไม่เห็นฉินซี ในใจร้อนรน รีบเรียกชื่อเธอ

เมื่อได้ยินเสียงฉินซีตอบรับ จั่วยีค่อยโล่งใจ

จั่วยีอ้าปาก อยากจะถามฉินซีไปไหนมา แต่ฉินซีชิงพูดก่อน “ฉันกับพนักงานตรวจดูสถานที่เสร็จแล้ว พวกเรากลับไปรายงานประธานหลูกันเถอะ”

เธอพูดพลาง เดินหน้าตรงไม่หันมามอง

ฉินซีไม่กล้ามองหน้าลู่เซิ่น กลัวว่าจะมีพิรุธ

เธอเดินตรงไป ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นมองตามหลังของเธอ ในใจของเขาอาลัยอาวรณ์เพียงไหน

จั่วยีได้ยินเธอสั่งเช่นนี้ ก็พยักหน้ารับทราบ “ครับ”

ในเมื่อฉินซีจะสำรวจสถานที่เสร็จแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไปแล้ว

จั่วยีเดินตามหลังฉินซี ออกจากฮอลล์จัดเลี้ยง

ตลอดเหตุการณ์ พวกเขาไม่เห็นความผิดปกติของลู่เซิ่นกับโจวเอ้อสักนิด

บทที่ 1448 พาตัวไป

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท