Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1450

ตอนที่ 1450

บทที่ 1450 เหตุการณ์ฉุกเฉิน

จ้านเซินยังอยากถามอีกหน่อย แต่ฉินซีไม่มีอารมณ์คุยต่อ

“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันวางก่อนนะคะ นั่งรถทั้งวันเหนื่อยแล้ว”

ฉินซีพูดเรียบๆ เสียงบ่งบอกความเหนื่อยล้า

ที่จริง เธอเพียงแต่ไม่อยากสนทนากับจ้านเซินต่อ

และอีกอย่าง เธอเพิ่งเจอลู่เซิ่น อารมณ์ไม่ค่อยดี จึงไม่อยากพูดคุยอะไรอีก

เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเธอไม่ค่อยดี จ้านเซินย่นคิ้ว “งั้นก็ได้ คุณพักผ่อนก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะ ถ้าไม่สบาย งานครั้งนี้ ก็ให้ จั่วยีกับ จั่วเอ้อทำเถอะ”

เพราะฉินซีไม่ได้ออกมาปฏิบัติภารกิจหนึ่งปีแล้ว ครั้งนี้จ้านเซินจึงมอบหมายงานเบาให้เธอ จั่วยีกับ จั่วเอ้อเองก็จัดการได้หมดเช่นกัน

ฉินซีปฏิเสธข้อเสนอของเขา “ไม่ต้องค่ะ ฉันจัดการเองได้”

เมื่อก่อน ภารกิจไม่ว่ายากแค่ไหนเธอก็แก้ไขได้อย่างสมบูรณ์แบบ นับประสาอะไรกับเรื่องเล็กๆ อย่างนี้

“คุณไม่ต้องห่วงฉัน วางใจจัดการงานของคุณไปเถอะค่ะ”

เธอไม่อยากให้จ้านเซินเข้ามายุ่มย่ามมากนัก ความห่วงใยมากเกินไปทำให้ฉินซีรู้สึกอึดอัด

จ้านเซินพูดขึ้นอย่างจนใจ “อึม ก็ได้”

เมื่อรู้ฉินซีอารมณ์ไม่ดี เขาก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรมาก

เมื่อวางสายแล้ว ฉินซีเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ในใจรู้สึกเซ็ง

ทิวทัศน์นอกหน้าต่างผ่านแวบไป มองดูแล้วเธอมีอิสระมาก แต่เหมือนนกน้อยในกรง แม้จะถูกปล่อยออกมาโบยบิน แต่ตัวยังมีกุญแจมือ

“คุณฉิน มือถือผม…”

เสียงทุ้มต่ำของ จั่วยีเตือนเธอ

เสียงที่ดังขึ้นกะทันหัน ดึงฉินซีกลับมาจากภวังค์

เธอยิ้มเชิงขอโทษให้ จั่วยี“ขอโทษค่ะ ฉันลืมคืนให้”

ฉินซีรีบคืนมือถือให้เขา

จั่วยีเห็นเธออารมณ์ไม่ดี อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณฉิน คุณมาทำงานครั้งนี้มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”

ตามหลักแล้ว ฉินซีเคยทำงานมามากมาย ไม่น่าจะกังวลขนาดนี้

และก่อนเดินทาง เธอก็ยังปกติดี ทำไมตอนนี้ถึงได้อยู่ๆ อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาได้

“ไม่มีค่ะ”

ฉินซีมองสายตาเป็นห่วงนั้น ส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะจั่วยีคุณไม่ต้องห่วง”

เธอรู้ดี จั่วยีถามอย่างนั้น เป็นเพราะความเป็นห่วง

แต่ บางเรื่องคนที่อยู่ข้างๆ ไม่อาจร่วมแบกความทุกข์ได้ ฉินซีได้แต่ทนรับไว้คนเดียว

……

อีกด้านหนึ่ง

ในฮอลล์จัดงานเลี้ยง

ลู่เซิ่นยืนอยู่ที่เดิม จ้องมองไปข้างนอก

ตั้งแต่ฉินซีไป เขาก็ยืนเหม่ออยู่ที่เดิม หน้านิ่ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร

โจวเอ้อกังวล กระซิบเรียก “ลู่เซิ่น ลู่เซิ่น…”

เขาเรียกลู่เซิ่น แต่ไม่มีเสียงตอบรับ

โจวเอ้อผลักเขาเบาๆ “ลู่เซิ่น”

ตอนนี้อยู่ข้างนอก เขาไม่กล้าเรียกชื่อลู่เซิ่นดังๆ กลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน จึงทำได้แค่กระซิบเบาๆ

เสียงที่จู่ๆ ดังขึ้นทำให้ลู่เซิ่นตกใจ

เขาหันไป ก็สบตากับโจวเอ้อพอดี

ลู่เซิ่นถอยหลังนิดหนึ่ง ย่นคิ้วอารมณ์ไม่ดี “นายทำอะไร”

น้ำเสียงของเขาแฝงด้วยความรังเกียจนิดๆ ไม่อยากจะเข้าใกล้เขา

โจวเอ้อมองเขาทำท่าถอยหลัง รู้สึกไม่ค่อยพอใจ “นายถามฉันทำอะไร ฉันสิอยากถามนายมัวทำอะไรอยู่ ยังยืนเหม่อตรงนี้อีก!”

เขารู้สึกว่าลู่เซิ่นเหมือนถูกปีศาจเข้าสิง

“นายไม่เข้าใจ”

ลู่เซิ่นพูดจาลึกลับ

โจวเอ้อไม่มีความรัก ย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกนี้

เขาไม่อยากจะอธิบายกับโจวเอ้อมากมาย สมองอย่างเขา ไม่น่าจะเข้าใจ

ขณะที่โจวเอ้อคิดจะถกเถียงกับลู่เซิ่น เสียงสั่นมือถือก็ดังขึ้น

ลู่เซิ่นก้มหน้า หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋า

เมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรมา สีหน้าก็เคร่งขรึม

“ฮัลโหล”

ลู่เซิ่นกดรับสาย น้ำเสียงเคร่งเครียด

เขายังไม่ทันถามเกิดอะไรขึ้น ก็ได้ยินปลายสายน้ำเสียงกังวลของโจวซิงดังมา

ลู่เซิ่น คุณรีบกลับมาเร็ว เกิดเรื่องแล้ว”

เสียงตื่นตระหนกของโจวซิงทำให้สีหน้าของลู่เซิ่นเปลี่ยนเป็นยุ่งยากใจทันที

ลู่เซิ่นรีบเดินออกไปทางประตู “คุณอย่าเพิ่งร้อนใจ บอกผมก่อนเกิดอะไรขึ้น”

เขาส่งสายตากับโจวเอ้อ บอกใบ้ให้เขาตามมา

โจวเอ้อรู้สึกได้ว่าเกิดเรื่องผิดปกติ จึงรีบตามติดเขาไป

โจวซิงที่อยู่ปลายสายสูดหายใจลึก บังคับตัวเองให้ใจเย็น “ถังย่าไม่รู้ทำไมจู่ๆ ก็มาที่นี่ ตอนนี้อยู่ที่หน้าประตู บอกว่าจะเข้ามาเยี่ยมคุณ ดูว่าคุณแข็งแรงขึ้นแล้วหรือยัง”

ไม่มีใครคาดคิด ถังย่าจะโผล่มาที่นี่เวลานี้

เมื่อได้ยินถังย่ามาเยี่ยมเขา ดวงตาอันตรายของลู่เซิ่นคู่นั้นก็หรี่ลง

“คุณหาทางถ่วงเวลาไว้ก่อน ผมจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด”

ถ้าถังย่าพังประตูเข้าไป ด้วยความสามารถของ โจวซิงไม่มีทางขัดขวางเธอได้แน่นอน

โจวซิงได้แต่พยายามเต็มที่ “เมื่อกี้ผมเห็นถังย่าเดินมาทางนี้ รู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ ก็เลยบอกกับพยาบาลว่าจะตรวจให้คุณ ไม่ให้คนอื่นรบกวน ตอนนี้พยาบาลขวางไว้ไม่ให้ถังย่าเข้ามา แต่คงยื้อได้ไม่นาน อย่างมากก็ครึ่งชั่วโมงครับ”

น้ำเสียงของเขากังวล ถ้าหากถังย่าเข้ามาจริงๆ เช่นนั้นที่พวกเขาทำมาทั้งหมด ก็สูญเปล่าหมด

“คุณทำได้ดีมาก”

ลู่เซิ่นให้กำลังใจเขายืนยัน “ครึ่งชั่วโมงเพียงพอ ผมจะรีบไป”

เพื่อแผนการณ์ต่อจากนี้ เขาต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด

“โอเค เดี๋ยวผมจะหาวิธี ถ้าคุณถ่วงเวลาได้อีกหน่อยก็ยิ่งดี”

โจวซิงพยักหน้าสีหน้าเคร่งเครียด

วางสายแล้ว ลู่เซิ่นก็รีบวิ่งไปทางลานจอดรถ

โจวเอ้อตามหลังเขามาติดๆ “เกิดอะไรขึ้น”

เมื่อครู่เขาได้ยินไม่ชัด รู้แต่ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่

“ถังย่าไปที่โรงพยาบาล บอกว่าอยากเจอฉัน”

ลู่เซิ่นเล่าให้ฟังสั้นๆ สีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อได้ยินดังนั้น โจวเอ้อรู้สึกถึงอันตราย

“ว่าไงนะ”

เขานึกไม่ถึง ถังย่าจะไปหาลู่เซิ่น

โจวเอ้อเร่งฝีเท้า “งั้นพวกเรารีบไปกัน”

รถ Cayenne สีดำทะยานไปบนถนนกว้างใหญ่

หลังจากนั้นสิบกว่านาที รถก็แล่นมาถึงโรงพยาบาล

“เดี๋ยวก่อน”

เห็นโจวเอ้อรีบร้อนจะวิ่งเข้าไปข้างใน ลู่เซิ่นรีบคว้าแขนเขา “ตอนนี้ถังย่าเฝ้าอยู่หน้าประตู พวกเราเข้าประตูหน้าไม่ได้ ต้องหาวิธีเข้าทางหน้าต่าง”

แม้ตอนนี้พวกเขายังสวมหน้ากากหนังคน ถ้าผลีผลามเข้าไป ก็ยังดูน่าสงสัยอยู่ดี

พวกเขาไม่ใช่หมอ อยู่ๆ จะเข้าไปในห้องคนไข้ทำไม ถึงตอนนั้นพวกเขาจะอธิบายยังไง

“ก็จริง”

โจวเอ้อพยักหน้า

ทั้งสองคนเดินอ้อมไปทางสวนดอกไม้ด้านหลัง หาโอกาสแอบเข้าไปทางหน้าต่าง

“ฉันจะเข้าไปก่อน ตอนนี้นายไปถอดหน้ากากแล้วเข้าประตูหน้าไปถ่วงเวลาก่อนละกัน”

ลู่เซิ่นกลัวว่า โจวซิงคนเดียวจะเอาไม่อยู่ จึงรีบวางแผน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท