Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1452

ตอนที่ 1452

บทที่ 1452 ขับไล่

“ถ้าหากคุณถังหวังจะช่วยให้ผมมีอายุยืนยาวขึ้นอีกสักหน่อย สามารถพูดตรงๆได้ ทุกครั้งที่มาหาไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบนี้ เสียงดังรำคาญคนอื่นเขา ในโรงพยาบาลยังมีคนไข้คนอื่นอยู่อีกนะครับ หวังว่าคุณถังก่อนที่จะทำเรื่องนี้ ช่วยคิดคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่นด้วย อย่าเห็นแก่ตัวแบบนี้”

ลู่เซิ่นพูดอย่างจริงใจ ให้บทเรียนแก่ถังย่าไปหนึ่งชุด

ถังย่ายืนที่ทางเดินอย่างเงียบเชียบ เธอไม่ได้โต้แย้ง

หลังจากฟังคำพูดของลู่เซิ่นจบ ถังย่าจึงค่อยพูดออกมา “ที่ประธานลู่อบรมก็คือ ถ้าครั้งหน้าพวกเราเจอกัน ต้องไม่ใช่ในโรงพยาบาลสินะคะ”

ไม่ว่าใครก็ฟังออก ความหมายในคำพูดของถังย่า

กระทั่งความหมายจริงๆของเธอ ก็มีเพียงตัวถังย่าเองที่จะสามารถเข้าใจ

ลู่เซิ่นมุ่นคิ้ว ก่อนพูด “ในเมื่อคุณถัง”

ใจของเขาไม่เป็นสุขเล็กน้อย

หากไม่ใช่เพราะการมาอย่างกะทันหันของถังย่า เขาคงไม่ต้องกลับมาเร็วขนาดนี้

ลู่เซิ่นกล้ามั่นใจ ว่าการจู่โจมของถังย่าแน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้องกับฉินซี

ต่อไป ถังย่าคงคุมโรงพยาบาลอย่างเข้มงวด เขาคิดจะออกไปคงไม่ง่ายแล้ว

ดีที่ว่าเขายังมีหน้ากากหนังคนมาปิดบังไว้อยู่ ในเมื่อฉินซียังไม่รู้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ถังย่าจะสังเกตมัน

เมื่อเผชิญกับการขับไล่ของลู่เซิ่น ถังย่าไม่ได้โกรธ

เธอรีบมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะยืนยันว่าลู่เซิ่นยังอยู่ในโรงพยาบาลแค่นั้น

เมื่อถังย่าเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เธอก็คงไม่อยู่ที่นี่นาน

ถังย่าโค้งริมฝีปาก “รบกวนการพักผ่อนของประธานลู่แล้ว ขอโทษจริงๆค่ะ ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันขอตัวก่อน พวกเราค่อยพบกันครั้งหน้า”

เธอพูดพลางโบกมือให้ลู่เซิ่น

โจวซิงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่เซิ่นมองเธออย่างถากถางพลางขมวดคิ้ว

โจวซิงรู้สึกว่าถังย่าดูไม่เหมือนผู้หญิงเลย

หลังจากที่ลู่เซิ่นมองเธอจากไปจนลับสายตา เขาจึงถอนสายตาออก

เขากลับเข้าไปในห้องผู้ป่วย มองไปยังโจวซิงที่ยืนอยู่ตรงทางเข้าอย่างใจลอย “หมอโจว รบกวนปิดประตูด้วย”

ลู่เซิ่นพูดเตือนเบาๆ

เสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้โจวซิงตกใจ

เขารวบรวมสติให้กลับมา เหลือบมองไปยังทางเดิน ก่อนจะปิดประตู

โจวซิงถอนหายใจยาวๆอย่างโล่งอก เมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมาอย่างปลอดภัย “พวกพี่สองคนกลับมาแล้ว พวกพี่ไม่รู้หรอกว่าเมื่อกี้สถานการณ์มันคับขันแค่ไหน ผมตกใจเกือบตาย โชคดีที่สมองผมแล่นเร็ว ก่อนที่ถังย่าจะเข้ามา ผมแสร้งเข้ามาตรวจร่างกายเสียก่อน ไม่อย่างนั้น ถังย่าคงรู้ไปแล้ว”

เขาลูบหน้าอก จนตอนนี้ระดับการเต้นของหัวใจโจวซิงก็ยังไม่สงบลง

นี่แสดงให้เห็นว่าถังย่าอำนาจของถังย่ายิ่งใหญ่เพียงใด

“ลำบากนายแล้ว”

ลู่เซิ่นเดินไปด้านข้างของเขา ก่อนจะตบไหล่เขาเบาๆ

เขาหันไปยิ้มให้โจวซิง เพื่อผ่อนคลายความกังวลในใจของเขา “เห็นท่าทางของถังย่าเมื่อครู่ เธอไม่รู้เรื่องที่ฉันออกไปข้างนอกกับโจวเอ้อแน่”

ครั้งนี้ลู่เซิ่นระมัดระวังตัวมาก ถังย่าไม่รู้แน่

“อืม”

โจวซิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนถามอย่างประหม่า “ลู่เซิ่น คุณออกไปครั้งนี้เจอฉินซีไหม? ถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้ งานเลี้ยงจะเริ่มในคืนพรุ่งนี้ หรือจะหาแผนหนีออกไป แต่ผมกังวลว่าการป้องกันของถังย่าจะเข้มงวดขึ้น ครั้งหน้าแผนนี้คงใช้ไม่ได้แล้ว”

เขาขมวดคิ้ว พลางคิดอย่างเป็นห่วง

เมื่อเห็นท่าทางกลัดกลุ้มของโจวซิง ลู่เซิ่นจึงยิ้มบางก่อนพูด “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันเจอฉินซีแล้ว”

เขาพูดอย่างไม่ปิดบัง

ถ้าหากเป็นไปได้ ลู่เซิ่นก็อยากแบ่งปันความปีติยินดีนี้ให้คนทั้งโลกรับรู้ แต่เขาทำไม่ได้

“อะไรนะ?”

ดวงตาของโจวซิงเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ทำไมไปเจอกันก่อนแล้ว?”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ

“เพราะว่าพวกเรามีไอ้นี่”

โจวเอ้อเอาหน้ากากหนังคนบางๆออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างระมัดระวัง ก่อนนำมาสะบัดต่อหน้าโจวซิง

โจวซิงมองไปยังของในมือเขาด้วยใบหน้าสงสัย แต่ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา

เมื่อเขาเห็นของในมือของโจวเอ้อชัดเจน ทันใดก็กระโดดขึ้นไปบนโซฟาทันที “นี่! นี่! นี่คือ! ไปเอามาจากไหน ผมลืมไปแล้ว!”

โจวซิงเริ่มพูดติดอ่างด้วยความตื่นเต้น เขาคิดคำที่ติดอยู่ในปากเขาไม่ออก

เขาตบปากตัวเองอย่างหงุดหงิด ทำไมช่วงสำคัญเช่นนี้ถึงทำให้เขาผิดหวัง

“พวกพี่ไม่ต้องพูด ผมจะต้องนึกขึ้นได้แน่”

เมื่อโจวเอ้อจะขยับปาก คิดที่จะพูดชื่อออกมา ทันใดโจวซิงก็ปิดปากเขา พลางจ้องมาทางเขาอย่างมาดร้าย ส่งสัญญาณว่าไม่ให้พูดออกมา

ท่าทางเด็กๆ แบบนี้ทำให้โจวเอ้อทำอะไรไม่ถูก

แต่ก็นะ ใครใช้ให้โจวซิงมาเป็นน้องชายเขาละ เขาทำได้แค่ตามใจ

“มันคืออะไรนะ? เรียกว่าอะไรนะ?”

โจวซิงพึมพำกับตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้ว

ลู่เซิ่นรู้สึกขำเมื่อเห็นท่าทางที่ใช้สมองของเขา

“คน… …”

เขาอดไม่ได้ที่จะพูดเตือนออกมาหนึ่งคำ

โจวซิงเข้าใจพลางตอบสนองออกมา “โอ้ ผมคิดออกแล้ว!”

“มันคือหน้ากากหนังคน”

โจวซิงพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมกับรอยยิ้มเด็กน้อยบนใบหน้าเขา

เมื่อเห็นท่าทางโหวกเหวกของเขา โจวเอ้อจึงดึงหน้าตึงทันที

โจวเอ้อถลึงตาใส่เขา “โจวซิง เบาเสียงหน่อย อยากให้คนข้างนอกได้ยินหรือไง?”

น้องชายเขาคนนี้ดีทุกอย่าง แต่นิสัยเหมือนเด็ก อยู่ไม่ค่อยนิ่งนัก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โจวซิงก็ยังเด็กเกินไป สภาพจิตใจของเขายังไม่บรรลุนิติภาวะ

โจวซิงถูกตำหนิ แต่ก็ไม่โกรธ

เขาแลบลิ้น ท่าทางดูขอลุขอโทษ ก่อนจะขอโทษด้วยเสียงอันเบา “ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมตื่นเต้นไปหน่อย เลยลืมควบคุมเสียงของตัวเอง”

โจวซิงประสานมือทั้งสิบ หันไปทางโจวเอ้อและลู่เซิ่นอย่างขออภัย

ก่อนจะพูดต่อ “แต่พวกพี่วางใจเถอะ รอบๆห้องพักคนไข้ผมให้คนไปสะสางแล้ว ถังย่าเข้าถึงที่นี่ไม่ได้แน่”

เมื่อกี้ ก็เป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น ในความเป็นจริงโจวซิงก็ไม่เลว

“อืม”

ลู่เซิ่นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขารู้สึกว่าแม้ว่าโจวซิงจะอายุน้อย แต่ก็มีความสามารถ ฝึกฝนเพียงเล็กน้อย ในภายภาคหน้าจะเป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพเฉกเช่นเดียวกับโจวเอ้อแน่นอน

โจวซิงยังไม่รู้ ว่าลู่เซิ่นตีค่าเขาสูงมาก

เขาเพียงใจจดใจจ่อกับเรื่องหน้ากากมนุษย์นั้น

โจวซิงเดินอย่างรวดเร็วไปหยุดยืนอยู่ต่อหน้าของโจวเอ้อ ดวงตาสีเข้มของเขาเปล่งประกายด้วยความอยากรู้ “พี่ชาย ของล้ำค่าแบบนี้ พี่ไปหามาจากไหน”

เขาอดใจรอไม่ไหวที่จะถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสนใจ

ปกติแต่ไหนแต่ไรมาโจวซิง ไม่เคยเรียกโจวเอ้อว่าพี่ชาย เฉพาะเมื่อมีเรื่องบางอย่างที่จะขอร้องเท่านั้น ถึงจะเรียกเขาอย่างสนิทสนมเช่นนี้

โจวเอ้อรู้ดีถึงสีหน้าท่าทางแบบนั้น สายตาระยิบเต็มไปด้วยความรู้ทัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท