Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1449

ตอนที่ 1449

บทที่ 1449 สมปรารถนา

ฉินซีเดินออกจากโรงแรม เห็นจั่วเอ้อ เฝ้าผู้จัดการตามหน้าที่เคร่งครัด ก็สั่งเรียบๆ “เอาล่ะ ปล่อยเขาได้ พวกเรากลับกันเถอะ”

จั่วเอ้อ เมื่อได้รับคำสั่งของเธอ ก็ปล่อยผู้จัดการ

ผู้จัดการเห็นเธอออกมา ก็รีบเข้าไปหา “เลขานุการฉิน ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ อย่าบอกเรื่องนี้กับ ประธานหลูไม่อย่างนั้นผมตายแน่”

เขาไม่สนสายตาของทุกคน “ปัง” เสียงคุกเข่ากระแทกพื้น

ฉินซีทำเป็นมองไม่เห็น เดินตรงไปขึ้นรถ

“จั่วยีจั่วเอ้อ ไปกันเถอะ”

เธอพูดเรียบๆ สายตาเหมือนฝ้าหนาขุ่นมัว

เวลานี้ฉินซีดูแล้วอันตรายมาก อารมณ์แปรปรวนยากจะคาดเดา

เธอเย็นชา มีรัศมีอาฆาตแผ่ออกมา

ก็ได้เจอกับลู่เซิ่นแล้ว น่าจะสมปรารถนาแล้ว

แต่ฉินซีกลับยิ่งเจ็บปวดรวดร้าว

เธอไม่เข้าใจ ทำไมคนทั้งโลกนี้ถึงอยู่ด้วยกันได้ มีแต่เธอกับลู่เซิ่นที่อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าไม่ได้

ฉินซีคิดย้อนถึงยี่สิบกว่าปีก่อน เธอเป็นคนดีมาตลอด ไม่เคยทำเรื่องอะไรไม่ดี แต่สวรรค์กลับทำกับเธออย่างนี้ แม้แต่คนที่รักเธอก็ยังครอบครองไม่ได้

เธอยิ่งรู้สึกน้อยใจ ยิ่งรู้สึกอยากหนีจากองค์กร

“ครับ”

จั่วยีจั่วเอ้อ ตามหลังมาติดๆ ขึ้นรถ

จั่วเอ้อ สตาร์ทรถ ขับไปตามทางอย่างมั่นคง

“ตื๊ดๆๆ…”

ภายในรถที่เงียบกริบ ทันใดนั้นก็มีเสียงสั่นของมือถือ

ฉินซีสีหน้าเรียบเฉยเหม่อมองออกนอกหน้าต่าง เธอรู้ว่าเสียงนั่นไม่ใช่มือถือของเธอแน่ เพราะเธอไม่มีมือถือ

จั่วยีรู้สึกได้ถึงเสียงสั่น หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

เมื่อเห็นว่าคนที่โทรมาคือใคร เขารีบกดปุ่มรับ พูดจานอบน้อม “นายใหญ่”

ฉินซีเมื่อได้ยินก็รู้ว่าจ้านเซินเป็นคนโทรมา สีหน้าบอกบุญไม่รับทันที

เธออยู่กับลู่เซิ่นไม่ได้ สาเหตุส่วนใหญ่ ก็เป็นเพราะจ้านเซินกับองค์กร ไม่อย่างนั้นตอนนี้พวกเธอก็คงไปเที่ยวรอบโลกแล้ว

“ถึงแล้วหรือยัง”

ปลายสายฝ่ายนั้น จ้านเซินนั่งในห้องหนังสือ มองเส้นทางจากเครื่องติดตาม

เขานั่งในห้องหนังสือตลอดช่วงเช้า แม้แต่อาหารกลางวันก็ไม่กิน สายตาจ้องมองที่หน้าจอตลอดเวลา

“สำรวจพื้นที่ฮอลล์จัดงานเรียบร้อยแล้วครับ”

จั่วยีรายงานตามจริง

จ้านเซินโทรมา แน่นอนว่าไม่ใช่โทรหาเขา

เขาคุยกับ จั่วยีสั้นๆ ก็ถามอย่างรอไม่ไหว “ฉินซีอยู่ด้วยไหม”

จั่วยีก็รู้ว่าจ้านเซินโทรมาไม่ใช่เพราะเป็นห่วงเขา เขาไปทำงานทุกครั้ง จ้านเซินไม่เคยโทรมาสอบถามซักครั้ง

“ครับ”

จั่วยีพยักหน้า ส่งมือถือให้ฉินซีที่นั่งอยู่ข้างหลัง “คุณฉิน นายใหญ่อยากคุยด้วยครับ”

ฉินซีมองมือถือที่ส่งมา เมื่อคิดว่าปลายสายคือจ้านเซิน ทันใดนั้นก็รู้สึกรำคาญ

เธอสูดลมหายใจลึก บังคับตัวเองให้ใจเย็น

ฉินซีรับมือถือมา แนบข้างหู “ค่ะ”

เธอพูดเรียบๆ น้ำเสียงซ่อนความคับแค้น

จ้านเซินรู้สึกได้ชัดว่าเธออารมณ์ไม่ดี ย่นคิ้ว “ฉินซี คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

เขาถามตรงๆ ในใจเกิดความคิดไปในทางไม่ดี

เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ฉินซีรีบกระแอม “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่านั้น”

ในเมื่อเปิดเผยไปแล้ว ฉินซีก็ไม่คิดจะปิดบังอีก

ตอนนี้เธอพูดแบบนี้ กลับทำให้จ้านเซินยิ่งสงสัย

“ทำไมอารมณ์ไม่ดีครับ”

จ้านเซินถามต่อสีหน้าเคร่งขรึม

เช้าวันนี้ตอนที่ฉินซีออกไปยังดีใจอยู่ ทำไมแค่ไม่กี่ชั่วโมงถึงได้กลายเป็นอย่างนี้ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าฉินซีเจออะไร

เมื่อเจอกับการซักไซ้ของจ้านเซิน ฉินซีหงุดหงิดไม่น้อย แต่ยังคงอดทนตอบคำถาม “เมื่อกี้ตอนสำรวจสถานที่ เจอคนน่ารำคาญ”

เธอผลักความรับผิดชอบไปให้ผู้จัดการโรงแรม ปิดบังเรื่องที่ลู่เซิ่นปรากฏตัวได้สมบูรณ์แบบ

เมื่อครู่จั่วยีกับ จั่วเอ้อ อยู่ด้วย ฉินซีก็ไม่กังวลจ้านเซินจะแอบไปถามสองคนนั้นส่วนตัว

เมื่อได้ยินว่ามีคนทำให้ฉินซีขุ่นเคือง สีหน้าจ้านเซินก็บอกบุญไม่รับ “เรื่องอะไร”

ก่อนออกไป เขากำชับจั่วยีจั่วเอ้อแล้ว ให้พวกเขาดูแลฉินซีให้ดี ทำไมเกิดเรื่องอย่างนี้ได้

เมื่อคิดถึงตรงนี้ จ้านเซินก็โกรธขึ้นมานิดหนึ่ง

“เมื่อกี้…”

ฉินซีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมให้จ้านเซินฟังสั้น แล้วพูดต่อเรียบๆ “คุณวางใจเถอะ ฉันให้จั่วยีกับจั่วเอ้อสั่งสอนผู้จัดการโรงแรมนั่นแล้ว ตอนนี้อารมณ์ดีขึ้นเยอะ”

เธอเพียงแค่อยากจะเอาเรื่องผู้จัดการโรงแรมมาปิดบังเรื่องจริงที่ลู่เซิ่นอยู่ที่นั่นด้วย เธอไม่อยากทำเรื่องให้ลุกลามใหญ่โต

แม้ฉินซีจะพูดอย่างนี้ แต่จ้านเซินก็ยังโกรธ

ดวงตาฉายแสงเย็นเยียบ น้ำเสียงเย็นเยือก “คุณลงโทษเบาไป ในเมื่อเขาทำผิด ก็ต้องสั่งสอน”

ได้ยินน้ำเสียงของเขา ฉินซีก็รู้ว่าเขาเตรียมแอบลงมือ

ฉินซีขมวดคิ้ว ตอนแรกอยากจะห้าม แต่เมื่อนึกถึงท่าทีของผู้จัดการเมื่อครู่ รู้สึกว่าสั่งสอนเขาเสียหน่อยก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแย่อะไร

“ค่ะ”

ริมฝีปากบางรับคำ ฉินซีพยักหน้า

“เรื่องนี้ให้ผมจัดการเอง คุณตั้งใจทำงานไปเถอะ”

ความยุ่งยากในภายหลัง จ้านเซินจะช่วยเธอแก้ไข

อันที่จริง ครั้งนี้ฉินซีมาทำงาน จ้านเซินก็อยากจะตามมาด้วย

แต่ในองค์กรยังมีงานสำคัญ เขาปลีกตัวมาไม่ได้ จึงจำต้องส่งลูกน้องสองคนตามประกบฉินซี หนึ่งเพื่อปกป้องเธอ สองเพื่อจับตาดูเธอ

ฉินซีแกล้งทำเป็นดีใจ ยิ้มบางๆ “วางใจเถอะ ฉันรับรองทำงานเสร็จแล้ว จะรีบกลับองค์กรค่ะ”

เมื่อเห็นว่าเธออารมณ์ดีขึ้นแล้ว ความกังวลของจ้านเซินก็ค่อยคลายลง

ดวงตามีประกายของรอยยิ้มดีใจ จ้านเซินพูดเบาๆ “ผมรอคุณกลับมา”

น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมและหนักแน่น แฝงด้วยการรอคอย

ฉินซีรู้ว่าคำพูดของเขาจริงใจ แต่เมื่อคิดถึงอีกด้านหนึ่งที่ลู่เซิ่นแกล้งปลอมเป็นคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงตนเอง เธอก็วางใจไม่ได้

“อึม”

ฉินซีพยักหน้า รับคำแต่โดยดี

มองดูแล้วเธอเชื่อฟัง เหมือนตุ๊กตาเอาไปวางที่ไหนก็ได้

ทว่า สายตาของฉินซีมีประกายของความดื้อรั้น

เธอจ้องมองนอกหน้าต่าง ความศรัทธาในใจก็ยิ่งมั่นคง

ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเลือกลู่เซิ่น

ฉินซีรู้ดีลึกๆ แล้วเธอรู้สึกผิดต่อจ้านเซิน แต่ความรู้สึกไม่ใช่ใครมาก่อนมาหลัง และตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เธอมอง จ้านเซินเป็นแค่พี่น้อง

เรื่องที่ติดค้างจ้านเซิน เธอได้แต่คิดหาวิธีอื่นชดเชย

ส่วนเรื่องความรู้สึก ฉินซีจนปัญญาจริงๆ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท