Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1454

ตอนที่ 1454

บทที่ 1454 แอบรัก

ซิวหน่ายซิงไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาใช้กลอุบายเด็กน้อยแบบนี้

วันนี้ถังย่าอารมณ์ไม่ดี แต่ก็ไม่ยอมซิวหน่ายซิงเหมือนแต่ก่อน

“ตึกใหญ่ข้างหน้านี้”

ซิวหน่ายซิงผายนิ้วมือไปพลางพูด

เขาก็แค่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของถังย่าด้วยวิธีนี้

ไม่คิดว่าถังย่าจะเอาจริง

ทันทีที่ซิวหน่ายซิงพูดจบ ลดลง ถังย่าก็พุ่งออกไปเร็วราวกับลูกศร

เธอตะบึงวิ่งท่ามกลางสายฝนคนเดียว ผมสีไวน์แดงพลิ้วไสวตามสายลม เป็นคลื่นนุ่มนวลแลดูงดงาม

ซิวหน่ายซิงยืนอยู่ที่เดิม พลางมองตามหลังของเธอไป ความประหลาดใจจากสิ่งที่สวยงามชวนให้ใจเต้นปรากฏภายในดวงตาของเขา

ถังย่าท่ามกลางสายฝนดูมีความสุขมาก เธอวิ่งไปได้ครึ่งทางแล้วหันกลับมามองเขา

เมื่อเห็นซิวหน่ายซิงยังคงยืนนิ่งถังย่ายิ้มพลางโบกมือมาให้เขา “รีบมาสิ!”

รอยยิ้มของเธอสว่างไสวราวกับเด็กน้อยที่ไร้ซึ่งความกังวล

ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอสดใสเหมือนเด็กที่ไร้ซึ่งกังวล

ทันใดนั้น ซิวหน่ายซิงก็รู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ภายในใจของเขา เขามองไปที่ถังย่า อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น

เขากวาดต้อนกดพวกความคิดที่ฟุ้งซ่านในใจออกไป ดวงตาดำขลับปรากฏร่องรอยยุ่งเหยิง

บางทีตลอดชีวิตนี้ถังย่าก็คงไม่รู้เลยว่าเขาตกหลุมรักเธอมาตั้งแต่ตอนที่เธอช่วยเขาออกมาจากกองซากปรักหักพัง

ซิวหน่ายซิงไปอยู่ข้างกายเธอ และค้นพบว่าเธอยอดเยี่ยมกว่าที่จินตนาการเอาไว้

เขารู้ตัวดี ว่าตัวเองตอนนี้ ไม่คู่ควรกับถังย่า

ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสายตาและหัวใจของถังย่ามีเพียงแค่จ้านเซินคนเดียว

ซิวหน่ายซิงต้องยอมรับว่า เมื่อเทียบกับจ้านเซินแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับเหว

ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือความสามารถ เขาก็เป็นรองจ้านเซินทั้งนั้น

มีเพียงสิ่งเดียว มีเพียงใจที่รักถังย่า

บางครั้งซิวหน่ายซิงก็รู้สึกว่าจ้านเซินก็ปฏิบัติกับถังย่าไม่แย่ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ความรัก

เขาไม่รู้ว่าจ้านเซินกับถังย่าตอนจบจะดีหรือไม่ เช่นเดียวกับที่เขาก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาของเขาและถังย่าจะเป็นอย่างไร

แต่ทว่า ซิวหน่ายซิงยังอาลัยอาวรณ์ถังย่า

เพื่อที่จะได้เห็นถังย่าบ่อยๆ เขาจึงเลือกที่จะมาเป็นผู้ช่วยของเธอ

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซิวหน่ายซิงปิดบังมันได้ดี

เขาควบคุมสติ ยอมรับความรู้สึกนี้ได้เป็นอย่างดีและไม่มีใครในองค์กรสังเกตเห็น

แต่ว่า ในตอนนี้ซิวหน่ายซิงอดทนไม่ไหว

ความคิดต่ำช้าเกิดขึ้นมา ซิวหน่ายซิงต้องการถังย่า

แต่เมื่อถังย่าหันมาและยิ้มโบกไม้โบกมือให้เขา หัวใจของซิวหน่ายซิงก็สงบลงอีกครั้ง

เขารู้สึกละอายใจกับความไว้ใจที่ถังย่ามีให้เขา

ถังย่าปฏิบัติกับเขาเหมือนน้องชาย แต่เขากลับเกิดมีความรักที่พิกลพิการกับเธอ

“ซิวหน่ายซิง ไปยืนโง่อยู่ตรงนั้นทำไม! ตามฉันมาสิ!”

ถังย่าชะลอฝีเท้า มองไปยังเขาที่ยังนิ่งไม่ไหวติง ก่อนตะโกนขึ้นมาอย่างไม่พอใจ

เขาเป็นคนเสนอการแข่งขันนี้ขึ้นมาเอง แต่กลับไม่ร่วมด้วย มันทำให้ถังย่าไม่พอใจมาก

เมื่อเห็นถังย่าเริ่มมีน้ำโห ซิวหน่ายซิงก็ฟื้นคืนสติทันที

เขามองถังย่าที่ยืนท่ามกลางสายฝน ก่อนจะพูดเสียงดัง “ผมต่อให้คุณ ตอนนี้ผมจะรีบแซงคุณไป รอดูเลย!”

ซิวหน่ายซิงแสร้งทำท่าเป็นคึกคัก ก่อนจะวิ่งฝ่าสายฝนมา

“ฮ่าฮ่าฮ่า นายทำฉันขำ”

ถังย่ามองเขาอย่างดูถูก และดูไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด “เจ้าเต่าเอ๋ย ต้วมเตี้ยมอยู่ข้างหลังไปเถอะ พี่สาวคนนี้ขี้เกียจรอ”

เธอหมุนกายโบกมือให้ซิวหน่ายซิง จากนั้นจึงพุ่งตัวไปอย่างเร็ว

ในไม่ช้า ถังย่าก็มาถึงจุดหมาย ซิวหน่ายซิงตามมาติดๆ

“ฮู่ฮู่ฮู่… …”

พวกเขาสองคนหอบหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อม

ถังย่ายกมุมปากของเธอขึ้นอย่างเยาะเย้ย ก่อนพูดติดตลก “บอกแล้วว่านายวิ่งไม่ทันฉันหรอก ยังไม่เชื่ออีก ร้องจะแข่งกับฉันทั้งวัน แพ้แล้วอย่ามาเบี้ยวแล้วกัน”

เธอเดินไปที่ข้างๆ ซิวหน่ายซิง ก่อนจะวางแขนไว้บนไหล่ของเขาอย่างต้องการพักผ่อน

ซิวหน่ายซิงยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดเม็ดฝนบนหน้าผากของเขา และพูดอย่างลำบากว่า “ใครบอกผมวิ่งไม่ทันคุณ ที่ผมแพ้เพราะผมให้คุณวิ่งไปครึ่งทางแล้วต่างหาก”

คำพูดที่มีเหตุมีผลของเขา ทำให้ถังย่าดูหมิ่น

“พอ พอ! แพ้ก็คือแพ้ ฉันไม่ได้ให้นายรอเสียหน่อย นายทำกลอุบายนี้ด้วยตัวเอง แพ้แล้วก็อย่ามาหาข้ออ้าง จะบอกให้นะ วันนี้ฉันไม่มีทางใจอ่อนอีกแล้ว นายต้องเลี้ยงข้าวฉัน”

ถังย่ายกมือขึ้น ห้ามไม่ให้เขาส่งเสียงก่อกวน

คำพูดเธอ ก็เหมือนคำสั่งประหารชีวิต

ความไม่พอใจปรากฏบนใบหน้าของซิวหน่ายซิง เขาจับแขนของถังย่า ก่อนจะเขย่ามันเบาๆ “ไม่ได้นะ พี่ใหญ่ เดือนนี้ผมใช้เงินเดือนหมดแล้ว กินจุแบบคุณ ผมล้มละลายได้เลยนะ”

เขาประสานมือ ทำหน้าตาอ้อนวอนขอความเมตตา “หรือไม่คุณขึ้นเงินเดือนให้ผม ผมจะเลี้ยง เป็นไง?”

ซิวหน่ายซิงมองไปที่ถังย่าอย่างคาดหวังรอคำตอบของเธอ

ถังย่ามองไปที่ใบหน้ายิ้มทะเล้นของเขา ทันใดก็พลันโกรธขึ้นมา

เธอยกมือขึ้น ก่อนจะตบเข้าไปที่หัวซิวหน่ายซิงอย่างแรง “ขึ้นเงินเดือน ฉันจะให้นายร้องตะโกนว่าอยากขึ้นเงินเดือน อย่างนั้นเงินเดือนของนายก็จะเพิ่มขึ้นมากกว่าของฉันแล้ว!”

ลงมือของถังย่าไม่ใช่เบาๆเลย ตัวเธอเองได้ทำงานกับอาวุธหนักมาตลอดทั้งปี น้ำหนักมือไม่ได้เบาเฉกเช่นหญิงสาวธรรมดาทั่วไป

ซิวหน่ายซิงรู้สึกได้ทันทีว่าศีรษะของเขาถูกกระแทกอย่างรุนแรง

ทันใดเขาก็จับศีรษะอย่างลุกลี้ลุกลนด้วยความเจ็บปวด ก่อนร้องเสียงดัง “เจ็บเจ็บเจ็บ! อย่าตีผม อย่าตี ผมรู้แล้ว ผมไม่อยากขอร้องให้ขึ้นเงินเดือนแล้ว”

ซิวหน่ายซิงลนลานไปทั่วพลางป้องศีรษะตัวเอง

ถังย่าไล่ตามเขาไป ความไม่สบายใจเมื่อครู่ถูกเธอโยนทิ้งไปไกลราวสุดขอบฟ้า

“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้จะเลี้ยงไหม?”

ถังย่ารีบคว้าตัวเขาไว้อย่างเร็ว หิ้วหูของเขาพลางถามด้วยเสียงเด็ดขาด

เธอมองไปที่ซิวหน่ายซิงอย่างชั่วร้าย ดวงตาของเธอคล้ายจะเตือนซิวหน่ายซิงว่า คิดให้ดีก่อนตอบ ถ้าหากคำตอบไม่เข้าหูเธอเมื่อไหร่ หูคู่นี้คงไม่จำเป็น

ซิวหน่ายซิงตัวสั่นขึ้นมาทันที

เขาพูดด้วยเสียงอันสั่นเทา “เลี้ยง! เลี้ยงครับ! ผมเลี้ยงแล้วโอเคหรือยัง?”

เพื่อชีวิตน้อยๆของเขา ซิวหน่ายซิงเลือกประนีประนอม

อย่างไรถังย่าก็เป็นแม่เสือ เขาไม่กล้าที่จะไปยั่วยุ

เมื่อเห็นซิวหน่ายซิงยอมแพ้ ใบหน้าของถังย่าก็ปรากฏเป็นรอยยิ้ม “ก็ใกล้เคียง ไปเถอะ ไปขับรถ กินหมอไฟนะ”

วันฝนตก หม้อไฟเป็นอะไรที่ต้องกินแน่นอนอยู่แล้ว

นี่เป็นความคุ้นชินของถังย่า ซิวหน่ายซิงจำขึ้นใจแล้ว

“ครับครับครับ”

เมื่อหูของเขาได้รับการปลดปล่อยจากถังย่า ซิวหน่ายซิงก็โล่งใจทันที

เขาเดินขนาบข้างถังย่าเดินไปทางรถยนต์ พลางคลึงหูที่เจ็บปวดไปด้วย

เมื่อถึงบนรถ

ซิวหน่ายซิงหยิบเสื้อผ้าและผ้าขนหนูออกมาจากท้ายรถ “พี่ใหญ่ เปียกหมดแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย”

สุขภาพร่างกายของถังย่าแย่มาก ซิวหน่ายซิงจำขึ้นใจมาตลอด มันจะกระทบกับการปฏิบัติงาน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท