Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1451

ตอนที่ 1451

บทที่1451 ดึงดันจะเข้ามา

โจวเอ้อเข้าใจความกังวลของเขา จึงไม่ได้พูดอะไรมาก

หลังจากเขาเห็นลู่เซิ่นเริ่มปีนเข้าไปด้านใน จึงค่อยถอดหน้ากากออก ก่อนจะหันหลังกลับและรีบเดินไปยังทางประตูหน้าอย่างรวดเร็ว

ตรงข้ามถังย่าและซิวหน่ายซิง ยังมีพยาบาลหนึ่งคนคอยรักษาพื้นที่อย่างเข้มงวด ไม่ให้สองคนได้เข้าไป

โจวเอ้อหยุดฝีเท้า เขาสูดหายใจเข้าลึก บังคับให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ให้ใจเย็นลง

ภายในเวลาไม่กี่วินาที โจวเอ้อก็ปรับสภาพจิตใจเขาให้ดีขึ้นได้

เขาก้าวไปหาถังย่าด้วยท่าทีสบายๆ

โจวเอ้อหยุดอยู่ตรงหน้าถังย่า ก่อนจะถามขึ้น “คุณถัง ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ครับ”

สายตาของเขามองไปยังประตูห้องคนไข้ด้วยใจที่กังวล ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นเข้ามาหรือยัง

ถังย่าได้ยินเสียงฝีเท้า จึงเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือโจวเอ้อ ใบหน้างดงามปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาบางๆ “คุณโจว ฉันมาเพื่อเยี่ยมประธานลู่ค่ะ เขาอยู่โรงพยาบาลมานานมาก ร่างกายน่าจะฟื้นตัวมากแล้ว”

เธอลุกขึ้นยืนช้าๆ ก่อนมองตรงไปยังโจวเอ้อ

ถังย่าสูง 175 เซนติเมตร ปกติเมื่อเธอไม่สวมรองเท้าก็ยังสูงกว่าคนอื่น

ตอนนี้เธอสวมรองเท้าบูทมาร์ตินที่มีส้น บวกไปอีกห้าเซนติเมตร ชั่วพริบตาก็สูงถึง 180 เซนติเมตร สูงพอๆกับโจวเอ้อ

ความสูงของทั้งสองคนในสถานการณ์ชั่วขณะนี้ ดูเหมือนว่าความสูงของฝ่ายหญิงจะสูงกว่าฝ่ายชาย

ท่าทางเฉยเมยของถังย่า ทำให้โจวเอ้อรู้สึกอึดอัด

แต่เขาไม่ได้ตกใจกลัว เลยเร็วที่จะทำจิตใจสงบ

โจวเอ้อจ้องมองไปยังดวงตาสีน้ำตาลของถังย่า ก่อนพูดขึ้นมาอย่างสุภาพ “ขอบคุณในความห่วงใยของคุณถังครับ ตอนนี้ร่างกายของประธานลู่ฟื้นตัวเกือบหมดแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”

เขาพูดออกมาตรงๆ ไม่ได้ปิดบังอะไร

โจวเอ้อรู้ชัด เรื่องแบบนี้คงปิดบังถังย่าไม่ได้

แทนที่จะปล่อยให้สงสัย มันคงดีกว่าที่จะพูดออกมาตรงๆ

“จริงหรือคะ?”

ถังย่าเลิกคิ้วงามของเธอ

เธอมองไปที่โจวเอ้อด้วยความปีติ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้วค่ะ ฉันดีใจกับประธานลู่อย่างจริงใจ วันนี้ฉันมาเพื่ออยากจะพบกับประธานลู่ ไม่อย่างนั้นหลังจากประธานลู่ไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าคุณโจวสามารถไปบอกเขาได้ไหมคะ ให้ประธานลู่ออกมาพบฉันเพื่อนเก่าคนนี้หน่อย”

ภายนอกถังย่ามีท่าทีดีใจกับลู่เซิ่น แต่ในความเป็นจริงเธอคิดว่าจะเข้าไปโจมตีเขาอย่างไรแค่นั้น

เขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร มุมปากยกขึ้นอย่างหยอกล้อ “ผมคิดว่า ประธานลู่ของเราคงไม่อยากเจอเพื่อนเก่าอย่างคุณครับ ครั้งก่อนที่คุณมา ประธานลู่ก็แทบจะเป็นลม คุณหมอกำชับนักหนา ตอนนี้ถึงแม้ร่างกายของประธานลู่จะฟื้นฟูแล้ว แต่เขาก็รับเรื่องสะเทือนใจไม่ไหว ไม่อย่างนั้น จะเกิดเรื่องอันตรายได้ ดังนั้นผมเลยสั่งให้ทุกคนกันคุณเอาไว้ หวังว่าคุณถังจะเข้าใจความลำบากของลูกน้องนะครับ”

ถึงแม้ทุกวันโจวเอ้อจะดูท่าทางเหมือนไม่สันทัดในเรื่องภาษา แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากเขาพูดขึ้นมา ก็เหมือนมีอะไรแฝงไว้อยู่ในคำพูดเขา

ถังย่าแค้นจนพูดอะไรไม่ออก

ใบหน้าของเธอปรากฏความประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าโจวเอ้อจะฉลาดปราดเปรื่อง

ใบหน้าของถังย่าปรากฏเป็นรอยยิ้มมีความหมาย “ประธานลู่โชคดีจริงๆ ที่ข้างกายมีลูกน้องที่ซื่อสัตย์อย่างคุณโจวเอ้อ ฉันชักอิจฉาแล้วค่ะ”

น้ำเสียงของเธอดูลึกลับและคาดเดาไม่ได้ ทำให้ผู้คนไม่สามารถเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่

โจวเอ้อเม้มริมฝีปาก เขาไม่สนใจคำชมของเธอ “คุณถัง ถ้าหากคุณพูดแบบนี้ ผู้ช่วยหนุ่มสุดเท่ข้างตัวคุณจะเสียใจเอาได้นะครับ”

เขาพูดหยอกล้อพลิกแพลงสถานการณ์

รอยยิ้มบนใบหน้าของถังย่าค่อยๆแข็งกร้าวขึ้น จนถึงตอนนี้ เธอเพิ่งจะค้นพบ คาดไม่ถึงว่าโจวเอ้อจะเป็นคนที่ขี้เซ้าซี้แบบนี้

เขามองไปยังท่าทางที่นุ่มนวล ทว่าแท้จริงกลับเป็นการป้องกันตัวที่ดูไม่มีช่องโหว่

“คุณโจวสบายใจเถอะครับ ผมไม่เสียใจแน่นอน”

ซิวหน่ายซิงพูดด้วยท่าทางที่ดูใจกว้าง

ถังย่าเหลือบมองเขา ส่งนัยยะว่าไม่ให้เขาพูดมากเกินไป

เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของเธอ ซิวหน่ายซิงก็ประพฤติตัวดีทันที

ถังย่าพูดอย่างเคร่งครัด “คุณโจวคะ คุณหมอคนนี้เข้าไปก็นานมากแล้ว เห็นว่าตรวจร่างกายให้ประธานโจว แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นออกมา”

เธอขมวดคิ้วแสร้งทำเป็นห่วง

เหตุผลที่ถังย่าพูดเช่นนั้น ก็เพราะเธอต้องการฉวยโอกาสตอนโจวเอ้อเข้าไป ตรวจสอบว่าลู่เซิ่นอยู่จริงหรือไม่

เธอเพิ่งได้รับข่าวเมื่อเช้านี้ จ้านเซินโทรมาหาเธอ ว่าฉินซีออกมาจากการปฏิบัติภารกิจแล้ว ให้เธอเพิ่มความจริงจังในการป้องกัน อย่างไรก็ไม่สามารถให้ทั้งสองเจอกันได้

ดังนั้น ถังย่าจึงรีบมา

เธอไม่ได้คาดไว้เลยว่า ก่อนเธอจะมา ฉินซีและลู่เซิ่นก็เจอกันไปแล้ว

ถังย่าในเวลานี้ ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้แล้ว

“นี่… …”

โจวเอ้อแสดงท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ให้ถังย่ารู้สึกแปลกใจ

ลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้นในใจของเธอ ไม่แน่ว่าลู่เซิ่นอาจจะหนีไปแล้ว

ถ้าเป็นเช่นนั้น จ้านเซินรู้เข้า คงโกรธมากแน่

ถังย่าเป็นกังวล ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ “คุณโจว จริงๆแล้วประธานลู่อยู่ข้างในไหมคะ”

เธอไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป สายตาที่แผดเผามองมาทางเขาอย่างรอคอยคำตอบ

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดอะไร ถังย่าก็พลันว้าวุ่นใจ

“ในเมื่อคุณโจวไม่เต็มใจที่จะบอกความจริง ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง”

พูดจบ ถังย่าก็พุ่งผ่านโจวเอ้อเพื่อที่จะเข้าไปข้างใน

โจวเอ้อไม่กล้าตัดสินใจว่าลู่เซิ่นกลับเข้ามาในห้องแล้วหรือยัง จึงรีบเข้าไปขวางเธอ “คุณถัง ห้องผู้ป่วยเป็นสถานที่สำคัญ คุณไม่สามารถบุกรุกได้นะครับ”

เขาจงใจส่งเสียงดังเพื่อเตือนลู่เซิ่นและโจวซิงที่อยู่ด้านใน

“หลีกไป!”

ถังย่ามองเขาด้วยสายตารุนแรง โบกมือส่งสัญญาณให้ซิวหน่ายซิงจัดการโจวเอ้อ

ทันทีที่โจวเอ้อขัดขวางไม่ได้แล้ว ประตูห้องพักผู้ป่วยพลันถูกเปิดออกมาจากด้านใน

ใบหน้าหล่อเหลาของลู่เซิ่นปรากฏอยู่หลังประตูบานนั้น

“เสียงอะไร หนวกหู”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของลู่เซิ่นในชุดคนป่วย ดวงตาสีน้ำตาลของถังย่าก็ปรากฏร่องรอยความประหลาดใจในนั้น “ประธานลู่… …”

เธอพูดเสียงเบา ถ้าตั้งใจจะได้ยินความสงสัยภายในน้ำเสียง

“คุณถัง มาอีกแล้ว”

ลู่เซิ่นก้มศีรษะมองลงไปยังเธอ ก่อนพูด “คุณถังมีความอดทนจริงนะครับ ทุกครั้งที่มาเยี่ยมเยือนผม ก็มักไม่มามือเปล่า จะต้องลงมือทำอะไรที่วุ่นวาย ครั้งนี้ก็คิดจะดึงดันเข้ามาในระหว่างการตรวจของคุณหมอ ดูๆแล้วคุณถัง กลัวผมจะมีชีวิตที่ยืนยาวสินะครับ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท