Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1466

ตอนที่ 1466

บทที่ 1466 ผมรักคุณ

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ฉินซีได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก เป็นฝีเท้าที่ไม่เหมือนกับหรูเว่ยเสียง

ทั้งสองถอนหายใจชั่วขณะ

ฉินซีเงี่ยหูฟัง เพื่อฟังสถานการณ์ด้านนอกอย่างละเอียด

“พวกนายเร็วเข้า ตรวจทุกห้องอย่างละเอียด ตรวจทุกมุมอย่าให้พ้นสายตาไปได้ หากพบสิ่งผิดปกติรีบมารายงานผมทันที”

ฉินซีได้ยินเสียงหนึ่งที่ค่อนข้างชัดดังเข้ามา

เบื้องหลังของเธอมีคนตามอยู่หลายคน ฝีเท้าชุลมุน

ฉินซีเคยได้รับการฝึกฝนมา เธอหลับตาลงแล้วนับในใจได้ประมาณสิบกว่าคน

หากมาแค่คนสองคนเธอสามารถต่อกรได้อย่างสบาย แต่มีคนตามมาเยอะมากจริงๆ

ในใจของฉินซีรู้สึกร้อนรน หากเธออยู่ที่นี่เพียงลำพังคงไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ลู่เซิ่นก็อยู่ที่นี่ด้วย

เธอไม่อยากให้ลู่เซิ่นได้รับบาดเจ็บเพราะเธอ

ลู่เซิ่นรับรู้ได้ถึงความรู้สึกกังวลที่อยู่ในใจของฉินซี เขายื่นมือเรียวยาวของเขาลูบไปที่ไหล่ของฉินซีอย่างอ่อนโยน

ในเวลานี้ข้างนอกล้วนเป็นศัตรู ลู่เซิ่นไม่สามารถพูดออกมาได้ เขาทำได้เพียงใช้สายตาบอกเธอว่าอย่าเป็นกังวล

ขณะที่เสียงบริเวณด้านนอกเริ่มสงบลง ฉินซีจึงถามขึ้นเสียงเบาว่า:“ลู่เซิ่น ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงดี?”

เธอเงยหน้ามองไปยังลู่เซิ่น นัยน์ตาสีดำส่งแววตาของความเป็นกังวลออกมา

“ฉินซี อย่าร้อนใจไปเลย พวกเรา …”

ขณะที่ลู่เซิ่นกำลังเอ่ยปาก จู่ๆก็มีเสียงร้องดังออกมาจากข้างนอก

“อ่า!”

ราวกับว่ามีใครถูกตี เสียงดังปั้งราวกับมีของหนักล้มลงที่พื้น

สีหน้าของลู่เซิ่นและฉินซีเปลี่ยนไป

พวกเขาซ่อนตัวอยู่ในตู้เสื้อผ้า ไม่รู้ว่าข้างนอกเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำได้เพียงใช้สัญชาตญาณในการคาดเดา

จู่ๆ วิทยุสื่อสารที่อยู่ข้างกายของฉินซีก็ดังขึ้น

“คุณฉิน คุณอยู่ที่ไหน?ผมกับจั่วเอ้อกำลังมาช่วยคุณ”

เสียงร้อนใจดังขึ้นมาจากวิทยุสื่อสาร

พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆหรูเว่ยเสียงจะกลับมาในเวลานี้ รอให้จั่วยีจั่วเอ้อได้รับแจ้งจากจ้านเซิน ฉินซีก็ขึ้นไปบนตึกแล้ว

หลังจากที่เธอรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายลง ทั้งสองจึงรีบหยิบอาวุธขึ้นมา แล้ววิ่งไปบนตึก

เมื่อได้ยินเสียงของจั่วยีแลจั่วเอ้อฉินซีก็ได้สติ

เธอเงยหน้ามองไปยังลู่เซิ่นแววตาสีอำพันคู่นั้นเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

แต่ว่าเธอรู้ดีว่า หากตอนนี้เธอยังไม่ออกไปอีกจั่วยีกับจั่วเอ้อก็จะตามหาที่อยู่ของเธอจากกล้องวงจรปิด

ฉินซียกปลายเท้าขึ้น จูบที่ริมฝีปากของลู่เซิ่นเบาๆ

แววตาของฉินซีเต็มไปด้วยประกายของหยาดน้ำตา เธอเอ่ยปากขึ้นอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า:“ลู่เซิ่นฉันออกไปก่อนนะ รอให้ข้างนอกสงบลงก่อนคุณค่อยออกไป”

ฉินซีไม่กล้าพูดอะไรมาก กลัวว่าหากยังชักช้าจะไม่อยากจากไป

น้ำเสียงของเธอแข็งกร้าว ลู่เซิ่นฟังแล้วรู้สึกทรมานไม่น้อย

ลู่เซิ่นมองไปที่เงาหลังของเธอ แววตาส่องประกายความหดหู่ออกมา

จู่ๆเขาก็ก้าวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วคว้าแขนของฉินซีไว้

ฉินซีรู้เพียงว่าตนรู้สึกเวียนหัว กระทั่งเธอได้สติเธอก็อยู่ในอ้อมกอดของลู่เซิ่นเสียแล้ว

สองมือของลู่เซิ่นประคองใบหน้าของเธอแล้วจูบลงอย่างแรง

จูบของเขาช่างร้อนแรงและเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

ฉินซีรับรู้ถึงอารมณ์ที่เขาปะทุออกมาได้เป็นอย่างดี อารมณ์ที่เข้มข้นนี้ ทำให้น้ำตาเธอคลอเบ้า

เธอไม่สามารถที่จะควบคุมความรักที่มีต่อลู่เซิ่นได้ จึงยื่นมือเรียวยาวออกไปแล้วกอดเขาไว้แน่น พร้อมกับจูบเขากลับอย่างเร่าร้อน

“คุณฉิน หากได้รับสารแล้ว กรุณาตอบกลับด้วยครับ”

จั่วยีกำลังเร่งถามขึ้นกับวิทยุสื่อสาร เรียกชื่อของฉินซีไม่หยุด

แต่ว่าฉินซีกลับถูกลู่เซิ่นอุดปากไว้ ไม่สามารถพูดได้

เธออยู่ในความอ่อนโยนของลู่เซิ่น ไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้

กระทั่งเสียงฝีเท้าจากด้านหน้าประตูใกล้เข้ามาทุกที เธอจึงผลักลู่เซิ่นออกอย่างอาลัยอาวรณ์:“อู่……”

แต่ลู่เซิ่นราวกับไม่ได้ยิน ยังคงกอดเอวเธอไว้แน่น ไม่ยอมให้เธอจากไป

แรงที่เขาใช้นั้นราวกับต้องการให้ฉินซีแทรกเข้าไปอยู่ในกระดูกของเขา

“ลู่เซิ่นมีคนมาแล้ว”

ฉินซีเอ่ยปากขึ้นพลางหอบหายใจ แล้วผลักหน้าอกของเขาอย่างแรง

ท่ามกลางการยื้อรั้งของฉินซี ในที่สุดลู่เซิ่นก็ปล่อยมือของเธอ

เขาก้มหน้า และมองใบหน้าที่ประณีตของฉินซีอย่างอาวรณ์

ลู่เซิ่นโค้งตัวลงเล็กน้อย จูบเบาๆลงที่หน้าผากของเธอ

“ฉินซี ผมรักคุณ”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นจริงจัง แววตาของฉินซีเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

ในเวลานี้ ฉินซีได้ยินเสียงของตนเองเต้นเร็วกว่าปกติ

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เบ้าตาของเธอแดง หันหลังแล้วจากไป

ฉินซีไม่กล้าหันหลังกลับมา เธอกลัวว่าหากกลับไปอาจจะไม่มีทางได้กลับอีก

เธอสูดหายใจเข้าอย่างแรง พยายามบังคับให้ตัวเองตั้งสติ

ฉินซีรีบเดินออกไปที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว

และในขณะนี้เอง ประตูห้องก็ถูกผลักออก

ด้านนอกประตู

เมื่อจั่วยีและจั่วเอ้อเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเธอ ในใจก็รู้สึกคลายความกังวลลง:“คุณฉิน ในที่สุดก็หาคุณเจอแล้ว”

ฟ้าต่างรู้ว่า เมื่อสักครู่นี้ที่พวกเขาไม่ได้รับการตอบสนองกลับจากฉินซี หัวใจของจั่วยีและจั่วเอ้อแทบจะหยุดเต้น

หากฉินซีเป็นอะไรไป เขาก็คงไม่รู้จะจ้านเซินอย่างไร

ฉินซีพยายามปรับอารมณ์ของตนเอง พลางเหลือบมองทั้งสองคน:“ที่นี่ไม่ใช่ที่พูดคุย พวกเรารีบไปกันเถอะ”

เธอต้องรีบให้จั่วยีและจั่วเอ้อออกไป เพื่อให้ลู่เซิ่นหาโอกาสหนี

จั่วยีและจั่วเอ้อคิดว่าฉินซีเป็นห่วงหรูเว่ยเสียงและกลัวว่าคนพวกนั้นจะตามมา จึงพยักหน้า:“ครับ”

ทั้งสามคนจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อลู่เซิ่นได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกค่อยๆจางหายไป ในใจรู้สึกสับสนและอธิบายไม่ถูก

ตอนนี้เขารู้สึกว่า เมื่อตนเองได้พบกับฉินซีและต้องจากเธอไปอีกครั้ง ความรู้สึกนี้ช่างทรมานเป็นอย่างมาก

ลู่เซิ่นยกมือขึ้นมาลูบที่ริมฝีปาก ริมฝีปากนั้นยังคงมีรสชาติของฉินซีอยู่

เขายกริมฝีปากขึ้นมาแล้วยิ้มอย่างขมขื่น แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน

จากนั้นลู่เซิ่นก็ผลักประตูแล้วเดินออกมา

เขาใช้บรรยากาศแห่งความมืด กลับมายังงานปาร์ตี้อีกครั้ง

……

หรูเว่ยเสียงยังคงตามหาอยู่ที่ชั้นบน

เขานำทีมรปภ.ตามหาอยู่นานแต่ก็หาไม่พบ

หรูเว่ยเสียงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนใจ

แต่หัวหน้ารปภ.ยังคง พูดร่ำไรอยู่ข้างหูเขาไม่หยุด:“หรูเว่ยเสียงวันนี้คุณเป็นอะไรของคุณ ทำไมถึงได้ปล่อยให้ผู้หญิงแค่คนเดียวหายไปได้ แล้วยังให้เธอขโมยของสำคัญไปด้วย ถ้าประธานหลูรู้เรื่องขึ้นมาพวกเราจะบอกว่ายังไง”

ในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวล แม้ว่าหลูจื๋อหลินดูเหมือนว่าจะเป็นคนพูดง่าย แต่เขากลับเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนหนึ่งเลย

หัวหน้ารปภ.อยู่ข้างกายหลูจื๋อหลินมาหลายปี แน่นอนว่าเขารู้เป็นอย่างดี

แน่นอนว่าหรูเว่ยเสียงก็รู้ว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน เขารู้สึกวุ่นวายใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด:“พอได้แล้วรึยัง!ผมรู้ว่าต้องทำยังไง ไม่จำเป็นต้องมาสอนผม ส่วนทางด้านของประธานหลูเดี๋ยวผมจัดการเอง”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท