Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1473

ตอนที่ 1473

ฉินซียืดตัวตรงยืนอยู่ที่เดิม “ถ้านายอยากจะขอบคุณจริงๆ งั้นก็ไปขอบคุณประธานหลูของพวกนายเถอะ เขาช่วยนายไว้”

คำพูดนี้ของเธอทำให้ประธานหลูมองเธอเปลี่ยนไป

บนตัวฉินซีมักจะมีออร่าที่ไม่ถูกล่อลวงด้วยสิ่งยั่วยุ นี่คือความมั่นคงหลังจากผ่านการตกตะกอนมาแล้ว

พูดตามหลักเหตุผล ออร่าแบบนี้ไม่ควรปรากฏอยู่บนตัวของฉินซี แต่ว่า ในตอนที่เธอปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ กลับทำให้คนไม่อาจหลบสายตาได้

ความเป็นผู้ใหญ่และบริสุทธิ์แบบนี้ เสน่ห์ของทั้งสองผสมกันไม่มีใครสามารถต้านทานได้

ลู่เซิ่นเห็นว่าทุกคนถูกฉินซีทำให้สับสน ความหึงหวงในใจก็พลิกคว่ำทันที

เขาตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะต้องพร่ำสอนฉินซีให้ดี ให้เธอสำรวมในที่ที่มีคนเยอะหน่อย อย่าไปดึงดูดความสนใจของคนอื่น

ไม่อย่างนั้น บนหัวของเขาก็จะกลายเป็นทุ่งหญ้าสีเขียวแล้ว

ลู่เซิ่นไม่อยากให้สถานการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น กฎประจำบ้านนี้จะต้องกำหนดขึ้น

ฉินซีเอ่ยปากพูดต่อ “ขอโทษนะคะ ประธานหลู ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว วันนี้ขอตัวลาไปก่อน”

ความอ่อนเพลียปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่บอบบาง เธอดูมีสีหน้าซีดขาวมาก

ทุกคนต่างรู้สึกโดยไม่รู้ตัวว่าต้องเป็นเพราะหรูเว่ยเสียงลงมือหนักเกินไปแน่ ดังนั้นฉินซีถึงตกใจ กลัวจนตอนนี้เธอไม่สบายตัว

หลูจื๋อหลินเองก็มีความคิดเดียวกัน เขาพูดอย่างรู้สึกผิด “คุณฉิน ร่างกายคุณสามารถยืนหยัดจนถึงบ้านไหม? ต้องการให้ผมหาคนพาคุณไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดไหม?”

ถ้าไม่ใช่เพราะคืนนี้มีงานเลี้ยงต้องดูแล หลูจื๋อหลินอยากที่จะพาเธอไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองจริงๆ แสดงความอ่อยโยนละเอียดอ่อนของเขา และเผยด้านที่เป็นลูกผู้ชายอย่างมาก

แต่ว่าคนที่อยู่ในสถานที่ตอนนี้มีเยอะ เขายังต้องรีบเอาเอกสารสำคัญกลับมา ไม่สามารถไปส่งฉินซีได้จริงๆ

ฉินซีส่ายหัว เธอฝืนยิ้มออกมา ดูแล้วช่างแห้งเหี่ยว “ไม่ต้องหรอก ประธานหลู ฉันให้ผู้ช่วยพาฉันไปส่งก็โอเคแล้ว”

เธอรู้ดีว่าหลูจื๋อหลินเพียงแค่สุภาพเท่านั้น เขาตอนนี้ไปไม่ได้แน่นอน

ดังนั้นฉินซีจึงไม่กังวลว่าเขาจะยืนกรานที่จะกลับไปกับตน

หลูจื๋อหลินได้ฟังว่าเธอมีคนไปส่ง ในใจก็ถอนหายใจยาว “งั้นก็โอเค คุณฉินเดินทางกลับต้องระวังความปลอดภัยด้วย ถึงบ้านแล้วอย่าลืมส่งข้อความบอกผม ไม่อย่างนั้น ผมก็ไม่อาจวางใจได้”

เชาอ่อนโยนราวกับน้ำ พูดกำชับเธอสองประโยค

“โอเคค่ะ”

ฉินซีพยักหน้ารับ พริบตาเดียวก็โยนไปหลังศีรษะ

ได้หลักฐานมาไว้ในมือแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เอาไปส่งที่สถานีตำรวจ ให้ทนายความฟ้องหลูจื๋อหลินในข้อหาเลี่ยงภาษี

พูดตามหลักเหตุผล หลังจากคืนนี้ไปทั้งสองก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อกันแล้ว

ถึงอย่างไร อีกเดี๋ยวหลูจื๋อหลินก็จะถูกจับเข้าคุก แม้ว่าเธออยากจะไปเยี่ยม ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นับประสาอะไรกับที่เธอไม่ได้อยากไปเลย

ฉินซีโบกมือให้เขา “ประธานหลู งั้นฉันขอลาไปก่อน”

ขณะที่พูด เธอก็หันตัวไปอย่างไม่อาลัยอาวรณ์ เดินไปที่ประตูใหญ่

การเคลื่อนไหวของฉินซีเรียบร้อยเก๋ไก๋ ทุกคนต่างหลีกทางให้เองตลอดทาง ให้ฉินซีก้าวไปข้างหน้า

สายตาของผู้ชายจ้องมองเธอไม่วางตา ไม่มีที่ว่างสำหรับผู้หญิงคนอื่นในสายตาพวกเขา

ถ้าบอกว่าฉินซีเป็นดวงดาวที่ไม่อาจเอื้อมได้ในคืนที่มืดมิด แขวนอยู่บนท้องฟ้าส่องแสงสว่างสดใส งั้นผู้หญิงคนอื่นที่อยู่ในที่นี้ก็เป็นดอกไม้ป่าที่อยู่บนพื้น ดูเหมือนมีกลิ่นหอม แต่พอดมแล้วกลับส่งกลิ่นเหม็น

พวกเธอทั้งหมดรวมกันยังไม่อาจเทียบได้กับฉินซีเพียงคนเดียว

ฉินซีไม่รู้ว่าการประเมินเธอในใจของผู้คนนั้นสูงขนาดนี้ แต่ต่อให้เธอรู้แล้ว เธอก็ไม่เก็บมาใส่ใจ

แต่เดิมเธอก็ไม่สนใจสิ่งที่คลุมเครือ เธอหวังเพียงว่าจะสามารถจบชีวิตในตอนนี้แล้วได้กลับไปอยู่กับลู่เซิ่นโดยเร็ว

ถ้าเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ธรรมดา แล้วสามารถมีชีวิตที่มีความสุขกับลู่เซิ่นได้ งั้นเธอก็ยินดีที่จะแลกเปลี่ยน

น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่มีถ้า ทุกคนล้วนมีเส้นทางเดินที่แต่งต่าง เพียงแต่เส้นทางของเธอนั้นลำบากกว่าคนอื่น

กวีโบราณได้กล่าวไว้อย่างดี

เมื่อพระเจ้ามอบหมายงานสำคัญให้ ก็จะต้องฝึกฝนจิตใจให้แน่วแน่ ออกกำลังกายใจ อดทนต่อความหิวโหย ความสิ้นเนื้อประดาตัว

ฉินซีเชื่อมาโดยตลอด ว่าการที่พระเจ้าให้เธอแบกรับความยากลำบากนี้ ทั้งหมดก็เพื่อจะได้มีชีวิตที่มีความสุขในอนาคต เลยวางรากฐานที่มั่นคงไว้

ถ้าหากว่าเป็นแบบนั้น งั้นทั้งหมดที่เธอประสบมาในตอนนี้ก็คุ้มค่า

ภายใต้การจ้องมองของผู้คน ฉินซีเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไป

เธอยืนอยู่หน้าประตู รอการมาถึงของจั่วเอ้ออย่างเงียบๆ

ไม่นาน รถคาเยนน์สีดำก็มาหยุดอยู่ที่ประตูโรงแรม

ฉินซีเดินลงขั้นบันไดด้วยขาที่เรียวยาว เปิดประตูรถ เข้าไปนั่ง

“ไปเถอะ”

เธอเอ่ยปากแผ่วเบา มองเข้าไปในโรงแรมด้วยสายตาเศร้าสร้อย

ฉินซีรู้ ตอนนี้ลู่เซิ่นยังอยู่ข้างในไม่ได้ออกมา

แต่ว่า เธอกลับต้องไปแล้ว

ยังไม่รู้ว่าจากกันครั้งนี้ จะได้เจอกันอีกครั้งเมื่อไหร่

คิดมาถึงตรงนี้ อารมณ์ของฉินซีก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเศร้าใจขึ้นมา

ฉินซีมองตรงไปนอกหน้าต่าง จนกระทั่งมองไม่เห็นอีก ถึงค่อยๆเก็บสายตากลับมา

เธอหลับตาลง ระหว่างคิ้วตาซ่อนความเหนื่อยล้า

จั่วเอ้อเห็นท่าทางเหนื่อยล้าของเธอ ก็ไม่กล้าส่งเสียงรบกวน

หลังจากนั้นไม่นาน ฉินซีปรับอารมณ์ได้ ก็เอ่ยปากถาม “ทางฝั่งจั่วยีจัดการเรียบร้อยไหม?”

เมื่อกี้เธอส่งหลักฐานให้จั่วยี ให้เขาเอาออกไป ส่งแฟกซ์ไปให้จ้านเซินก่อน ป้องกันไม่ให้ลูกน้องของหลูจื๋อหลินหาเขาเจอ

“จัดการเรียบร้อย คุณฉินวางใจเถอะ”

จั่วเอ้อรายงานด้วยความเคารพ

หลังจากได้รับคำตอบยืนยันจากเขาแล้ว ฉินซีก็ถอนหายใจยาวในใจ “อืม นายขับรถไปรับจั่วยีก่อน แล้วค่อยกลับองค์กรด้วยกัน ฉันเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนเสียหน่อย”

เธอเอ่ยปากแผ่วบา จากนั้นก็หลับตาทั้งสองข้างลง

“ครับ”

จั่วเอ้อไม่กล้าล่าช้า เคลื่อนไหวตามคำสั่งของเธอ

……

ในงานเลี้ยง

หลังจากลู่เซิ่นมองตามเธอจากไป ในใจก็เต็มไปด้วยความทำอะไรไม่ได้

ผู้จัดการที่มาใหม่เห็นเขายืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ก็โมโหทันที

เขาก้าวไปตรงหน้าของลู่เซิ่นอย่างรวดเร็ว พูดด้วยเสียงรุนแรง “แกมานี่ ฉันให้แกมาทำงาน แกกลับมาแอบขี้เกียจอยู่ตรงนี้ เงินค่าทำงานวันนี้ไม่อยากได้แล้วใช่ไหม!”

เขาสังเกตลู่เซิ่นมานานแล้ว ยืนโง่อยู่คนเดียว ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“ผมจะรีบไปทำงาน”

ลู่เซิ่นเก็บสายตากลับมา พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“แก….”

ผู้จัดการยังอยากสั่งสอนเขาต่อ แต่ยังไม่ทันพูดอะไร ลู่เซิ่นก็จากไปอย่างรวดเร็ว

ผู้จัดการมองแผ่นหลังของลู่เซิ่น โกรธเป็นฟืนเป็นไฟในใจ

พนักงานคนนี้ไม่มีวิสัยทัศน์เลยซักนิด ไม่รู้ผ่านการสัมภาษณ์มาได้ยังไง

ผู้จัดการตัดสินใจ รอให้งานเลี้ยงคืนนี้จบลง เขาจะต้องไล่ลู่เซิ่นออกให้ได้

ในเขตของเขา ไม่อนุญาตให้มีพนักงานที่หยิ่งผยองแบบนี้เด็ดขาด

ผู้จัดการไม่รู้เลยว่า ต่อให้เขาไม่ไล่ลู่เซิ่นออก ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ลู่เซิ่นก็จะไม่มาอีกแล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท