Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1476

ตอนที่ 1476

ฉินซีกระพริบตาให้เหยาจ้าวอย่างไม่ทิ้งร่องรอย ส่งสัญญาณให้เขาหาโอกาสมาหาเธอที่ห้องในภายหลัง

เหยาจ้าวได้รับสัญญาณ แสร้งทำทีไม่เข้าใจ ยืนอยู่ข้างตัวจ้านเซินอย่างสงบ

หลังจากจ้านเซินมองส่งฉินซีจากไปแล้ว ก็มองไปที่จั่วยีจั่วเอ้อที่อยู่ด้านข้าง

เขาเอ่ยปากแผ่วเบา “จั่วยีจั่วเอ้อ ไปที่ห้องหนังสือกับฉัน”

เหยาจ้าวราวกับถูกมองข้ามไป ไม่มีใครสนใจ

แต่ว่า นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ

ตอนนี้จ้านเซินไปทำธุระที่ห้องหนังสือแล้ว เป็นโอกาสให้เขาไปหาฉินซี

ฉินซีรู้ว่าเหยาจ้าวจะมา จึงไม่ได้ล็อคประตู

เธอได้ยินเสียงเคาะประตู จึงพูดขึ้นอย่างสงบ “เข้ามาเถอะ”

เหยาจ้าวผลักประตูออก เดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง

ท่าทีเขาหลบๆซ่อนๆ ทำให้ฉินซีหมดคำจะพูด

“จ้านเซินปล่อยนายมา?”

ฉินซีนึกไม่ถึงว่าเขาจะตามมาเร็วขนาดนี้ แปลกใจเล็กน้อย

เหยาจ้าวเดินมานั่งลงบนโซฟา “ไม่ใช่ จ้านเซินเรียกจั่วยีกับจั่วเอ้อไป ไม่ได้สนใจฉัน”

พอได้ฟังว่าจ้านเซินเรียกจั่วยีจั่วเอ้อไป ใบหน้าของฉินซีก็เผยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง

“จะต้องถามพวกเขาแน่ๆว่าฉันมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”

ขณะที่พูด ฉินซีเปิดกระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างตัวออก

เธอเอาของทุกอย่างที่อยู่ในนั้นออกมาจัดเรียง วางเป็นหมวดหมู่

ใบหน้าของเหยาจ้าวเผยความเคร่งขรึม “ฉินซี ครั้งนี้เธออยู่ข้างนอกได้เจอลู่เซิ่นไหม? พวกเธอสองคนไม่ได้ทำเรื่องวุ่นวายใช่ไหม”

สองวันมานี้ เหยาจ้าวเป็นกังวลอยู่ในองค์กรมาโดยตลอด

บนตัวฉินซีไม่มีมือถือ เขาก็ไม่มีทางติดต่อเธอได้

เหยาจ้าวได้เพียงสวนอ้อนวอนในใจเงียบๆ ฉินซีจะต้องรักษาความสงบนิ่ง อย่าทำเรื่องหุนหันพลันแล่นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาของพวกเขาจะต้องศูนย์เปล่า

เป็นธรรมดาที่ฉินซีจะรู้ว่าเขากำลังกังวลอะไร เธอจงใจเว้นช่วงให้ติดตาม พูดพลางยิ้มเบาๆ “นายลองเดาดู”

เธอกระพริบตาอย่างขี้เล่น มองตรงไปที่เหยาจ้าว

ในเวลาแบบนี้ ฉินซียังมีอารมณ์มาล้อเล่น!

เหยาจ้าวแทบจะไม่มีลมหายใจ ถูกฉินซีทำให้โกรธ

แต่ว่า เมื่อได้เห็นท่าทางที่ผ่อนคลายมีความสุขของฉินซี หัวใจของเหยาจ้าวก็สงบลงตาม

เหยาจ้าวพูดอย่างมั่นใจ “ฉันเดาว่าพวกเธอไม่ได้ทำ”

ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริง ฉินซีคงไม่สงบอยู่ได้อย่างตอนนี้แน่

ฉินซีพยักหน้า “ใช่ ไม่ได้ทำ”

แม้ว่าเธอจะคิดถึงลู่เซิ่นมาก

แต่ในใจยังคงมีความชั่งใจ

ฉินซีไม่ใช่คนที่สนใจแต่ความสุขตรงหน้า ที่เธอต้องการคือตลอดไป

“สองวันนี้ในองค์กรมีอะไรผิดปกติไหม?”

ฉินซีเอ่ยถามต่อ

“ไม่มี นอกจากที่จ้านเซินใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลังจากที่เธอไปแล้ว ทุกอย่างก็เป็นปกติดี”

เหยาจ้าวนึกถึงใบหน้าที่มืดมนของจ้านเซินช่วงวันสองวันมานี้ ก็รู้สึกยากที่จะทนได้

ดีที่ตอนนี้ฉินซีกลับมาแล้ว จ้านเซินก็ฟื้นตัวแล้ว

เช่นเดียวกับที่ฉินซีคาดการณ์ไว้ ในห้องหนังสือ จ้านเซินกำลังถามคำถามจั่วยีจั่วเอ้อ

“สองวันที่ผ่านมา ฉินซีได้ติดต่อกับคนที่น่าสงสัยภายนอกไหม?”

จ้านเซินนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน มองไปที่ทั้งสองด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

เครื่องติดตามที่อยู่ของเขา เห็นได้เพียงว่าฉินซีปรากฏตัวขึ้นที่ไหน แต่กลับไม่สามารถดูได้ว่าเธอติดต่อกับใครบ้าง

จั่วยีจั่วเอ้อครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากโดยพร้อมเพรียงกัน “ไม่มีครับ”

“บอส สองวันมานี้พวกเราสองคนพี่น้องคุ้มกันอยู่ข้างกายคุณฉินมาโดยตลอด เธอปฏิบัติภารกิจอย่างซื่อตรง ไม่มีการกระทำที่คิดจะหลบหนีใดๆ”

จั่วยีรายงานสถานการณ์กับจ้านเซินไปตามตรง

ถึงตอนนี้เขายังคงถูกลวงความจริง ไม่รู้เลยซักนิดว่าฉินซีกับลู่เซิ่นได้แอบพบกันเป็นการส่วนตัวแล้ว

จั่วยีจั่วเอ้อเป็นลูกน้องที่จ้านเซินเชื่อใจมากที่สุดในองค์กร นอกเหนือจากถังย่า

ได้ยินจั่วยีพูดแบบนี้ ในใจของจ้านเซินก็ถอนหายใจยาว

“อืม”

จ้านเซินเหลือบมองเขาเบาๆ “เอาเอกสารต้นฉบับที่เป็นหลักฐานมาให้ฉัน”

แฟกซ์นั้นเขาได้รับแล้ว ตอนนี้เอกสารต้นฉบับยังอยู่ในมือของจั่วยี

“ครับ”

จั่วยีหยิบเอกสารในอ้อมแขนออกมา ส่งให้จ้านเซิน

จ้านเซินอ่านดู หลังจากแน่ใจแล้วว่าของข้างในไม่มีข้อผิดพลาด ก็โบกมือให้ทั้งสอง “โอเค พวกนายออกไปเถอะ”

“จริงด้วย!”

ในตอนที่จั่วยีจั่วเอ้อเดินไปถึงประตู จ้านเซินก็ส่งเสียงออกมากะทันหัน

“เอาสำเนาเล่มนี้ ส่งให้ตำรวจ”

ดวงตาสีเข้มของจ้านเซินเผยแสงสลัวที่ไม่ชัดเจน เขาหยิบแฟ้มเอกสารใหม่เอี่ยมออกมาส่งให้จั่วยี

“ได้ครับ บอส”

หลังจากจั่วยีกับจั่วเอ้อรับคำสั่งมาก็ออกจากห้องหนังสือไป

คำที่จั่วยีพูดเมื่อกี้สะท้อนอยู่ในหูของจ้านเซิน ความตื่นตัวที่มีต่อฉินซีก็ลดลงเล็กน้อย

บางทีครั้งนี้ฉินซีอาจจะถอดใจแล้วจริงๆ อยากที่จะอยู่ในองค์กรอย่างสงบสุข ไม่อยากหนีอีกแล้ว

ถ้าเป็นแบบนั้น ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว

……

งานเลี้ยงกำลังจะจบลง

หลูจื๋อหลินยังหานักฆ่าไม่พบ ในใจร้อนรนอย่างมาก

ด้วยความทำอะไรไม่ได้ เขาได้เพียงยืนอยู่กลางเวทีเต้นรำ หยิบไมโครโฟนขึ้นมา

“เรียนแขกที่รักทุกท่าน สวัสดีครับ งานเต้นรำในวันนี้ต้องขอบคุณการสนับสนุนญาติสนิทมิตรสหายทุกท่าน ถึงสามารถจัดงานให้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ ตอนนี้งานเต้นรำใกล้จะจบลงแล้ว เชื่อว่าทุกท่านต้องอยากรู้แน่ว่าคนที่ตนคุยมาทั้งคืน มีหน้าตาเป็นอย่างไร มีตัวตนเป็นใครใช่ไหมครับ?”

พูดถึงตรงนี้ หลูจื๋อหลินก็ชะงัก

เขาเริ่มถอดหน้ากากออกก่อน พูดพลางยิ้มบางๆ “ตอนนี้ให้พวกเราทะนุถนอมครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ถอดหน้ากากออก ใช้ตัวตนที่แท้จริง รูปลักษณ์ดั้งเดิม มาปฏิบัติกับอีกฝ่ายอย่างซื่อตรงกันเถอะครับ”

ต้องบอกเลยว่า หลูจื๋อหลินเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สามารถเพิ่มสีสันให้บรรยากาศได้

ด้วยแรงบันดาลใจจากเขา ผู้คนต่างถอดหน้ากากออกทีละคน

หรูเว่ยเสียงซ่อนตัวอยู่ในมุม สังเกตการณ์อย่างละเอียด

ครั้งนี้ เขาไม่กล้าไปจับคนมาประโคมข่าวแบบเมื่อกี้แล้ว

หรูเว่ยเสียงมองไปรอบด้าน ไม่พบบุคคลน่าสงสัยใดๆ

เขาถอนสายตากลับมาอย่างเสียไม่ได้ ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวควรจะอธิบายให้หลูจื๋อหลินฟังยังไง

ถ้าเขาสุ่มจับมาซักคน ถึงตอนนั้นไม่พบเอกสารสำคัญฉบับนั้นบนตัวเขา หลูจื๋อหลินก็ยังคงไม่ปล่อยเขาไป

หรูเว่ยเสียงครุ่นคิด ถ้าเขารังแกหลูจื๋อหลิน เขาจะต้องโกรธมากกว่าเดิมแน่ พูดความจริงไปตามตรงดีกว่า

ไม่ทันรู้ตัว งานเลี้ยงก็มาถึงตอนท้าย

ผู้คนเริ่มออกจากห้องจัดเลี้ยงไปตามๆกัน

ลู่เซิ่นเองก็เตรียมเปลี่ยนเสื้อผ้าจะออกไปแล้ว

ในห้องรับรอง

หลูจื๋อหลินเรียกหรูเว่ยเสียงเข้ามาอีกครั้ง

“เป็นไงบ้าง? ครั้งนี้หาเจอไหม?”

เขาคิดหาวิธีให้ทุกคนถอดหน้ากากออกมาแล้ว ถ้าหรูเว่ยเสียงยังหาไม่เจออีก งั้นก็พูดปัดไปไม่ได้แล้ว

“ไม่เจอครับ”

หรูเว่ยเสียงส่ายหัว

เขารู้สึกว่ามือสังหารคนนั้นก็คือฉินซี แต่ฉินซีกลับถูกปล่อยตัวไปแล้ว

พรรคพวกของฉินซีอีกหนึ่งคน เขาไม่เห็นว่าอยู่ตรงไหน หรูเว่ยเสียงก็รู้สึกว่าแปลกมาก

“ไอ้ขยะ!”

หลูจื๋อหลินตะโกนอย่างรุนแรง ยกคดีขึ้นมา

“งั้นแกบอกฉันซิ ว่าตอนนี้แกเตรียมตัวจะแก้ไขยังไง!

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท