Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1479

ตอนที่ 1479

ฉินซีพูดอย่างตรงไปตรงมา “จ้านเซิน ฉันรู้ว่านายกำลังกังวลอะไร ฉันก็อยากจะใช้การกระทำของฉันมาพิสูจน์

ถึงใจของฉันที่มีต่อองค์กร ภารกิจครั้งนี้ ต่อให้ฉันไม่ออกโรง จั่วยีกับจั่วเอ้อสุ่มส่งคนไป ก็สามารถทำให้สำเร็จได้”

เธอชะงัก มองไปที่จ้านเซินด้วยสายตาเฉียบคม แสดงความมุ่งมั่นของตน “ฉันไม่หวังว่าฉันกลับมาที่องค์กรเพื่อเป็นคนไร้ประโยชน์ ฉันอยากกลับไปใช้ชีวิตอย่างแต่ก่อน จ้านเซิน นายไม่อยากหรอ?”

ประโยคสุดท้ายของฉินซี จู่ๆก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้น

น้ำเสียงของเธอไม่หนักไม่เบา แต่กลับกระแทกเข้าไปในใจของจ้านเซินทันที

จ้านเซินอยาก เขาจะไม่อยากได้ยังไง

เขากระทั่งคิดอย่างบ้าคลั่งว่าอยากที่จะกลับไปก่อนหน้าที่ลู่เซิ่นจะปรากฏตัว ถ้าหากย้อนเวลากลับไป เขาจะไม่ส่งฉินซีไปทำภารกิจนั้นเด็ดขาด ทำให้เธอได้พบกับลู่เซิ่น

แต่ว่า ตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้ว

สิ่งเดียวที่ทำได้ คือแก้ไขก่อนที่จะสาย หยุดการสูญเสียเวลา

จ้านเซินสบตาของเธอ เม้มมุมปาก “ฉันรู้ความหมายของเธอ แต่ว่าช่วงนี้สภาพร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ เธอไปให้หมอเหยาตรวจร่างกายโดยละเอียดก่อน รอฉันดูผลการตรวจเสร็จ พิจารณาดีแล้วค่อยบอกเธอถึงการตัดสินใจของฉัน”

เขาไม่ได้รับปากคำขอของฉินซีในทันที ในสมองสงบอย่างมาก

ครั้งนี้จ้านเซินตกลงให้ฉินซีออกไปได้ เป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่แล้ว ได้เตรียมการอย่างสมบูรณ์ไว้แล้ว

ไม่มีใครรู้ว่า ความรู้สึกช่วงไม่กี่วันนี้ของจ้านเซินมีความทรมานแค่ไหน

ในตอนที่เขาเห็นฉินซีกลับมาอีกครั้ง ความรู้สึกนั้นเหมือนกับสมบัติอันเป็นที่รัก หายไปแต่ได้กลับคืนมาแล้ว

ตอนนี้ จะให้จ้านเซินส่งของรักที่ถือไว้ในฝ่ามือออกไปเร็วขนาดนี้ ความคิดแรกในใจของเขา ก็ไม่ยินดี

ฉินซีได้ยินเขาพูดแบบนี้ ความผิดหวังก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่บอบบาง

แต่ว่า เธอรู้ เมื่อจ้านเซินตัดสินใจอะไรไปแล้ว ก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง

ฉินซีได้แต่พยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ได้ เลือกที่จะประนีประนอม “งั้นก็ได้ ฉันจะไปหาเหยาจ้าว”

พูดจบ เธอก็หันตัวออกจากห้องหนังสือไป

จ้านเซินมองแผ่นหลังที่งดงามของเธอ ในใจมีความรู้สึกหลากหลาย

ฉินซีโตแล้ว ไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่เขาเดินไปที่ไหน เธอก็จะตามไปที่นั่นอย่างเมื่อก่อน

ฉินซีในตอนนี้มีความคิดและจิตใจเป็นของตัวเอง เธอเริ่มเรียนรู้ที่จะปิดบังแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ฉินซีโกหก จ้านเซินก็คงไม่รู้ถึงการมีอยู่ของลู่เซิ่นจนถึงตอนนี้ ในตอนที่เขาอยากแยกทั้งสองออกจากกัน ก็สายเกินไปแล้ว ได้แต่เลือกใช้วิธีบีบบังคับที่ผิดกฎหมาย

……

ฉินซีเดินหน้าไปหาเหยาจ้าวทันที

เธอหาเหยาจ้าวที่ห้องไม่เจอ คิดแล้วจึงมาที่ห้องทดลอง

ฉินซีผลักประตูห้องทดลองออก แน่นอนว่าเห็นเหยาจ้าวอยู่ข้างในสวมแว่นถนอมสายตา จดจ่ออยู่กับการปรุงอะไรบางอย่าง

ทุกครั้งที่เหยาจ้าวทำงาน เขาจะแสดงให้เห็นอีกด้านที่ต่างไปจากเดิมมาก

มองไปที่ท่าทางที่จดจ่อของเขา ฉินซีไม่ได้เดินเข้าไปขัดจังหวะความคิดของเขาในทันที

ฉินซีหาเก้าอี้ตัวหนึ่ง นั่งลงด้านข้าง เฝ้าดูท่าทางการทำงานของเขา

ตอนแรกเธอยังมองไปที่เหยาจ้าวด้วยความตั้งใจ แล้วความคิดของฉินซีก็เริ่มค่อยๆล่องลอยไป

ฉินซีห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะนึกถึง ท่าทางตอนที่ลู่เซิ่นจูบเธอเมื่อวาน

นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉินซีสัมผัสได้อย่างชัดเจน ถึงความเป็นเจ้าของในแบบพิเศษของผู้ชายที่แผ่ออกมาจากตัวของลู่เซิ่น

ความรู้สึกที่ถูเธอเข้าไปถึงเลือดถึงเนื้อจนแทบทนไม่ไหว ทำให้เธอหลงใหลและพึงพอใจมาก

ท่าทางที่เร่าร้อนแบบนี้ ทำให้ฉินซีรู้สึกว่า ลู่เซิ่นรักเธอมากจริงๆ

มุมปากของฉินซีโค้งขึ้นเล็กน้อย นึกถึงลู่เซิ่นที่เพื่อตนแล้วก็ไม่ลังเลที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อไปเจอเธอที่งานเลี้ยง รู้สึกรักเขามากขึ้นทันที

สายตาของเธอแม้ว่าจะหยุดอยู่บนตัวของเหยาจ้าว แต่ว่าสมองกลับบินออกไปโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเหยาจ้าวทำการทดลองเสร็จสิ้นแล้ว วางอุปกรณ์ในมือลง แล้วเดินมาทางเธอ

เหยาจ้าวเห็นฉินซีมา ใบหน้าก็เผยความประหลาดใจ

เขากำลังคิดจะถามว่าฉินซีมาทำไม แต่กลับไม่ส่งเสียง ยิ่งเห็นรอยยิ้มแปลกๆบนใบหน้าของฉินซี

หลังจากเหยาจ้าวเดินเข้าไปใกล้ด้วยความสงสัย พบว่าดวงตาทั้งคู่ของฉินซีหย่อนลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

แต่ว่า จากรอยยิ้มของเธอ เหยาจ้าวก็มองออกถึงกลิ่นอายบ้าผู้ชาย

เหยาจ้าวทำท่ายืดตัวตรง ทำหน้าตามเดิมแล้วส่งเสียงกระแอมเบาๆ “อะแฮ่ม…..”

เสียงที่ดังมากะทันหัน ขัดจังหวะความคิดของฉินซี

มือของฉินซีที่ชันคางอยู่ คลายออกทันที เกือบจะล้มลงกับพื้น

เธอยึดตัวไว้อย่างตื่นตระหนก จ้องเขม็งไปที่เหยาจ้าวด้วยความโมโห “นายเดินไม่มีเสียงเลยหรอ!”

ฉินซีพูดก่อนอย่างดุร้าย ทำให้เหยาจ้าวไร้คำจะพูด

“ฉินซี เธอพูดไม่มีเหตุผลอ่ะ เห็นๆอยู่ว่าเธอมาหาฉันก่อน กลับมานั่งไม่สนใจอยู่ตรงนี้ ฉันเคลื่อนไหวนิดหน่อยเพื่อเตือนเธอ กลับถูกเธอดุด่า ฉันเสียเปรียบไหม!”

ใบหน้าของเหยาจ้าวเผยความน้อยใจ มีแค่ตอนที่อยู่ต่อหน้าฉินซี เขาถึงได้แสดงท่าทางที่แท้จริงที่สุดโดยไม่ได้ป้องกัน ฉินซีเองก็เหมือนกัน

ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ใบหน้าของฉินซีก็เผยความขัดเขิน

แต่ว่า ต่อให้ไม่ถูกฉินซีก็ไม่ยอมรับ

เหยาจ้าวในฐานะผู้ชาย เป็นธรรมดาขี้เกียจโต้เถียงเรื่องเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นเขาถูกฉินซีดุด่าจนชินมาตั้งนานแล้ว เรื่องเล็กแค่นี้ไม่เจ็บไม่ปวดเลยซักนิด

เขาเลิกคิ้ว เปิดปากเอ่ยถามอย่างขี้เม้า “พูดซิ เมื่อกี้ทำไมเธอถึงแสดงรอยยิ้มที่ไม่สุภาพแบบนั้น คิดถึงเรื่องอะไรที่น่าสนใจใช่ไหม”

ในตอนที่เหยาจ้าวพูด ก็เน้นคำว่า “น่าสนใจ” เป็นพิเศษ

มองไปที่ท่าทางเล่นหูเล่นตาของเหยาจ้าว ในใจของฉินซีก็หมดคำจะพูด

ทำไมเธอถึงรู้สึกไปได้ว่าหลังจากกลับมาครั้งนี้ เหยาจ้าวจะปล่อยนิสัยธรรมชาติไปได้อย่างสั้นเชิงต่อหน้าเธอ

ฉินซีหวนนึกถึงฉากในตอนนั้น ภายใต้การซักถามของเหยาจ้าว แก้มก็แดงอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ “ไม่มี มีเรื่องอะไรน่าสนใจซะที่ไหน ฉันเตือนนายไว้นะ นายอย่าพูดมั่วซั่ว!”

เธอพูดไปพูดไป ออร่าของเธอก็พุ่งขึ้นอีกครั้ง

ฉินซีแสร้งทำเป็นจ้องเขาอย่างดุร้าย เลี่ยงไม่ให้เขาซักถามรายละเอียดต่ออย่างไม่รู้กาลเทศะ

แต่เหยาจ้าวเบื่อมากจริงๆ เขาเองก็อยากออกไปเดินเล่น แต่จ้านเซินไม่อนุญาต

“ฉินซี เธอก็เนรคุณเกินไปหรือเปล่า ฉันช่วยเธอมาตั้งเยอะแล้ว แม้แต่ความสนุกเล็กๆน้อยๆนี้ เธอก็ไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันกับฉันหรอ?”

เหยาจ้าวขนตั้งขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าฉินซีแย่เกินไปจริงๆ

เขาถอยหลังไปครึ่งก้าว มองไปที่ฉินซีอย่างโกรธเคือง “หลายปีมานี้ คิดซะว่าฉันตาบอด มองคนผิดไป นับแต่วันนี้ ทางใครทางมัน ความสัมพันธ์ของฉันกับเธอ เธอเลิกคิดที่จะได้ประโยชน์อะไรจากฉัน กูโกรธแล้ว โกรธแบบง้อยากด้วย!”

เหยาจ้าวท้าวเอว จ้องไปที่เธอ ท่าทางแบบนี้เป็นการอ้อมค้อมมาก

มุมปากของฉินซีกระตุกเล็กน้อย หมดคำจะพูด

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท