Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1484

ตอนที่ 1484

บทที่1484 คุมเชิง

จ้านเซินเงยหน้าขึ้นอย่างเฉยเมย แสร้งทำทีเป็นไม่เข้าใจ มองไปที่ฉินซีที่ยังยืนอยู่ที่เดิม “ยังมีธุระอะไรอีกไหม?”

ในดวงตาของเขาฉายแสงที่งงงวย ราวกับไม่เข้าใจว่าทำไมฉินซียังไม่ขยับเขยื้อน

ในใจฉินซีหมดคำพูดอย่างมาก เธอรู้สึกว่าท่าทางที่อยากจะปกปิดนี้ของจ้านเซิน มันเสแสร้งเกินไปแล้ว

เธอเอ่ยปากพูดอย่างกระสับกระส่าย “จ้านเซิน นายลืมไปแล้วหรอว่าวันนั้นนายพูดว่ายังไง?”

ฉินซีเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา แววตาตกอยู่บนร่างของเขาโดยตรง

ถ้าหากว่าจ้านเซินลืมแล้ว เธอไม่ถือสาที่จะเตือนเขาด้วยตัวเอง

จ้านเซินเอียงศีรษะ “อะไรนะ?”

“ช่วงนี้ภายในองค์กรมีเรื่องมากมาย ฉันอาจจะยุ่งจนลืมไปแล้ว มีเรื่องอะไรสำคัญไหม? ถ้าเกิดไม่ใช่ ก็ปล่อยไปก่อนเถอะ รอฉันจัดการเอกสารเหล่านี้ในมือให้เสร็จค่อยว่ากัน”

หลังพูดคำนี้จบ จ้านเซินก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง ดูเอกสารอย่างตั้งอกตั้งใจ

การแสดงออกบนใบหน้าของเขาจดจ่ออยู่กับการงานอย่างสงบนิ่ง แต่ความเป็นจริงในใจกลับปั่นป่วน

สาเหตุที่จ้านเซินพูดแบบนี้ เพียงแค่เพื่อให้ฉินซียอมล่าถอย กลับไปก่อน

แต่ว่า ฉินซีกลับตัดสินใจไว้แล้ว ว่าวันนี้ต้องถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน

ฉินซีเดินไปถึงหน้าโต๊ะทำงานของจ้านเซิน ในตอนที่จ้านเซินคิดว่าฉินซีจะระเบิดตรงนี้ ทะเลาะใหญ่โตกับเขา กลับได้ยินเสียงที่ชัดเจน และสงบนิ่งอย่างมากมาจากเหนือศีรษะของเขา “โอเค เรื่องที่เกี่ยวกับงานสำคัญกว่า ฉันจะรอนายอยู่ตรงนี้ รอนายจัดการเรียบร้อยแล้ว พวกเราค่อยคุยกันต่อ”

พูดจบ เธอไม่รอให้จ้านเซินตอบ เดินไปถึงชั้นหนังสือด้านหนึ่ง

ฉินซีสุ่มมือหยิบหนังสือเล่มหนึ่งที่ไม่เคยอ่านออกมาจากชั้นหนังสือ ถือมันไว้ นั่งลงบนโซฟา อ่านอย่างมีสมาธิ ราวกับไม่ได้เก็บคำพูดของจ้านเซินมาใส่ใจเลย

ท่าทีแบบนี้ ทำให้จ้านเซินประหลาดใจอย่างมาก

จ้านเซินจ้องมองเธออยู่นาน ในใจมีความรู้สึกหลากหลาย

พูดตามตรง เขาแยกแยะไม่ออกว่าเวลานี้ในใจฉินซีคิดยังไงกันแน่

ฉันซีสัมผัสได้ว่าจ้านเซินเอาแต่จ้องมองตน เธอทำเป็นว่าจ้านเซินไม่ได้อยู่ตรงนี้ ทำเรื่องที่ตัวเองอยากทำไปเงียบๆ

เธอสงบนิ่งมาก ทำเหมือนห้องหนังสือของจ้านเซินเป็นห้องของตัวเอง

จู่ๆฉินซีก็นึกย้อนไปถึงเมื่อก่อน ตอนเด็กๆ เธอเองก็เป็นแบบนี้ เวลาที่จ้านเซินทำงาน เธอก็จะเป็นเด็กดีนั่งอยู่บนโซฟาด้านข้าง รอคอยเงียบๆ

เมื่อก่อนพวกเขาเข้ากันได้ดีแค่ไหน ตอนนี้ข้าวของเหมือนเดิมแต่คนเปลี่ยนไป

ทั้งสองหยั่งเชิงกันอย่างไร้รูปร่าง จนกระทั่งจ้านเซินพ่ายแพ้

“ฉันจัดการเสร็จแล้ว”

จ้านเซินพูดโกหก เอ่ยปากเบาๆ วางเอกสารในมือไว้ด้านหนึ่ง

เขารู้สึกว่าบรรยากาศในตอนนี้แปลกๆ ทำให้เขาไม่ชอบเอามากๆ

หลังจากฉินซีได้ยินคำนี้แล้ว ก็ปิดหนังสือลง “เร็วจัง?”

เธอแสร้งทำทีแปลกใจ จ้องไปที่จ้านเซิน

จ้านเซินพยักหน้าอย่างไร้อารมณ์ “อืม”

“มีธุระอะไรเธอก็พูดมาตามตรงเถอะ”

จ้านเซินพูดต่อ รอคอยคำตอบของฉินซี

ฉินซีเห็นเขาพูดแบบนี้ ก็รู้ว่าความอดทนของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว ดังนั้นจึงพูดตอบ “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันก็ไม่ปิดบังแล้ว……”

พูดถึงตรงนี้ จู่ๆฉินซีก็หยุดลง น้ำเสียงชะงัก

ทันใดนั้นหัวใจของจ้านเซินบีบแน่น เขากังวลว่าสิ่งที่ฉินซีพูดออกมา จะไม่ใช่คำที่เขาอยากได้ยิน

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า ฉินซีไม่ใช่คนไร้เหตุผล

ฉินซีจ้องมองเขาตรงๆ ดวงตาสีดำเข้มประกายแสงที่มั่นคง “ฉันอยากออกไปปฏิบัติภารกิจ ฉันไม่อยากอยู่ในองค์กรอย่างคนไร้ประโยชน์”

น้ำเสียงของเธอจริงจังมาก ความหมายในนั้นก็ชัดเจน

จ้านเซินคาดไว้อยู่แล้วว่าเธอจะพูดแบบนั้น การพูดของฉินซีเมื่อกี้ เกือบจะทำให้เขาคิดว่าฉินซีอยากจะพูดว่า เธอชอบลู่เซิ่น อยากที่จะหลบหนีไปกับเขา

คำพูดของฉินซี ทำให้จ้านเซินถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกอย่างอธิบายไม่ได้

ความกีดกันในใจเขาเองก็ลดน้อยลง “ฉันไม่ใช่พูดไปแล้วหรอ ว่ารออีกหน่อย? ร่างกายของเธอพึ่งจะฟื้นตัว จำเป็นต้องพักผ่อนให้มาก”

จ้านเซินขมวดคิ้ว ยังไม่ยินยอมที่จะประนีประนอม

ฉินซีลุกขึ้นเดินมาถึงตรงหน้าเขา คุมเชิงกับเขา “นายให้ฉันไปหาเหยาจ้าวทำการตรวจสอบ ฉันก็ทำไปแล้ว บนรายงานแสดงให้เห็นว่า สมรรถภาพร่างกายทั้งหมดของฉันตอนนี้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแล้ว อีกอย่างทุกรายการล้วนแต่ยอดเยี่ยม ทำไมยังต้องรอ? ฉันรู้สึกว่าเทียบกับคนส่วนใหญ่ในองค์กรแล้ว ฉันมีความสามารถ มีคุณสมบัติที่จะถูกส่งออกไปปฏิบัติภารกิจ!”

เธอเอ่ยปากพูดอย่างชอบธรรม ทำให้จ้านเซินพูดไม่ออก

สีหน้าจ้านเซินจมดิ่งลงทันที “ฉัน……”

เขากำลังหาคำพูดแก้ตัว ให้ผ่านฉินซีไปได้อย่างผิวเผิน ก็ได้ยินเธอเอ่ยปากพูดต่อ “จ้านเซิน ฉันรู้ว่านายกำลังกังวลอะไร ฉันแค่อยากจะถามนายคำถามเดียว หรือว่านายเตรียมที่จะล็อคฉันไว้ข้างกายแบบนี้ไปชั่วชีวิต ซ่อนไว้ในองค์กร ปิดล้อมฉันไว้ในพื้นที่เล็กๆแบบนี้หรอ?”

ฉินซีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ดวงตาสีอำพันเผยออร่าที่มืดมิดไม่ชัดเจน

จ้านเซินสัมผัสได้ถึงความผิดหวังและเศร้าหมองจากน้ำเสียงของเธอ ท่าทางแบบนี้ของฉินซีทำให้ในใจเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง “ไม่ใช่……”

เขาส่ายหน้า พูดอย่างหลบเลี่ยง

จ้านเซินเองก็ไม่อยากเป็นแบบนี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน

เขาอยากที่จะเก็บฉินซีไว้ข้างกายตัวเองอย่างมาก แต่ว่าเขามักจะรู้สึกหวั่นเกรง ว่าวันหนึ่งฉินซีจะหนีจากตนไป

ก็เพราะมีความคิดที่น่ากลัวแบบนี้ ดังนั้นจ้านเซินถึงได้เปลี่ยนไปเป็นแปลกมากขึ้นเรื่อยๆ

ตอนนี้แม้แต่ตัวจ้านเซินเองยังตระหนักได้ว่า ความคิดของเขามีปัญหา แต่ว่าเขากลับไม่รู้ว่าควรแก้ไขยังไง

เขาอยากจะให้เหยาจ้าวช่วยดูให้ตนหน่อย แต่กลับพูดไม่ออก

ฉินซีก้มมองไปที่จ้านเซินที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานจากมุมสูง เข้าใกล้อย่างแนบแน่น “งั้นนายพูดสิ ว่านายต้องการยังไง ฉันต้องทำยังไง ถึงจะได้รับความไว้วางใจจากนายอีกครั้ง ขอแค่นายพูดมา ฉันรับปากได้หมด”

เธอวางประโยคนี้ไว้ตรงหน้าจ้านเซิน รอคอยคำตอบของเขา

ฉินซีรู้ดี ว่าในกระดูกจ้านเซินเป็นคนที่หัวโบราณมาก

ชั่วชีวิตนี้เขาปฏิบัติตามกฎขององค์กร ต่อให้ชอบเธอ ก็ไม่เคยแสดงออกมา ได้แต่เลือกใช้ลูกน้อง ความสัมพันธ์ที่จำกัดแบบนี้ ล็อคเขาไว้

ดังนั้น จ้านเซินจะไม่มีทางเสนอ ให้ทั้งสองรักกัน หรือเรื่องแต่งงานกัน

ได้ยินฉินซีพูดแบบนี้ ใบหน้าของจ้านเซินก็เผยสีหน้าไม่อยากเชื่อ

เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ฉินซีจะพูดคำเหล่านี้ออกมา สายตาของเธอจริงใจมาก ทำให้จ้านเซินอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์ออกมาทางใบหน้า

จ้านเซินเม้มริมฝีปาก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรอยู่ครู่หนึ่ง

เขาเอ่ยถามตัวเองในใจครั้งแล้วครั้งเล่า ที่เขาต้องการคืออะไร

แต่ว่า มักจะไม่ได้รับคำตอบ

จู่ๆอารมณ์ของจ้านเซินก็เปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายขึ้นมา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท