Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1482

ตอนที่ 1482

บทที่1482 ความในใจอีกอย่าง

ลู่เซิ่นก้าวขาคู่เรียวยาว เดินไปถึงข้างเตียง หยิบชุดผู้ป่วยบนนั้นมาใส่ “ฉินซีตอนนี้ควรจะถึงองค์กรแล้วหรือเปล่า?”

เขาเอ่ยปากถามเบาๆ ในสมองเผยใบหน้าที่มีเสน่ห์นั้น

ไม่พูดไม่ได้เลยว่า หน้าตาของฉินซีสามารถใช้คำว่าสวยกว่านางฟ้ามาบรรยายได้

ในงานเลี้ยง ทันทีที่ฉินซีปรากฏตัว ก็ยึดเอาสายตาของทุกคนไป

เธอเปล่งปลั่งขนาดนั้น ระหว่างที่เดิน ก็แผ่ออร่าที่มีเสน่ห์

ฉินซีเป็นแบบนี้ จะให้ลู่เซิ่นไม่ชอบเธอได้ยังไง

เขารู้สึกว่า แม้ว่าความรักของทั้งสองจะมีความซับซ้อนมากมาย แต่ถ้าท้ายที่สุดแล้วคนที่สามารถเดินไปถึงตอนท้ายกับเขาได้คือฉินซี งั้นทั้งหมดมันก็คุ้มค่า

“ถึงแล้ว”

โจวเอ้อรายงานไปตามจริง

เขาเอาเนื้อหาที่พึ่งค้นพบ บอกกับลู่เซิ่นไป “ฉันได้ยินมาจากหมอเหยา ว่าฉินซีอยากจะออกมาปฏิบัติภารกิจอีกครั้ง แต่จ้านเซินกลับพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่าจะพิจารณาดู แล้วยังให้ฉินซีทำการตรวจสอบอย่างละเอียด นายว่าจ้านเซินจะ……”

พูดมาถึงตรงนี้ โจวเอ้อก็ชะงัก มองไปที่ลู่เซิ่นด้วยแววตาเคร่งขรึม

แม้ว่าคำพูดของโจวเอ้อจะไม่ได้พูดจบ แต่ลู่เซิ่นก็ฟังความหมายของเขาออก

“ไม่หรอก”

ลู่เซิ่นกล่าวอย่างหนักแน่น

เขามั่นใจในการแต่งกายและการจัดแต่งในครั้งนี้ของเขามาก จ้านเซินไม่มีทางที่จะรู้เข้าเด็ดขาด

โจวเอ้อขมวดคิ้ว “งั้นทำไมจ้านเซินถึงไม่ปล่อยให้ฉินซีออกมาล่ะ?”

หรือว่าจะมีความในใจอื่นอยู่ในนั้น

โจวเอ้อรู้สึกว่าแปลกมาก

พูดตามเหตุผล หลังจากปฏิบัติภารกิจครั้งนี้แล้ว จ้านเซินควรจะเชื่อใจในตัวฉินซีบ้างแล้ว ทำไมถึงมาห้ามไม่ให้เธอออกไปในเวลานี้

ต้องรู้ว่า ฉินซีกับถังย่าเป็นอดีตเสาหลักขององค์กร

ตอนนี้ภารกิจที่ฉินซีทำน้อย ภาระหนักอึ้งทั้งหมดตกอยู่บนตัวของถังย่า

แต่ฉินซีกลับมาแล้ว เธอยอดเยี่ยมขนาดนั้น ไม่ควรจะถูกกลบฝังไว้แบบนี้

หรือจะบอกว่า จ้านเซินยังคงไม่วางใจฉินซี

พูดถึงจ้านเซิน ลู่เซิ่นก็ส่งเสียงเย็นชา “หึหึ……”

เขาโค้งมุมปากขึ้นอย่างเย้ยหยัน พูดอย่างเหยียดหยาม “ใครจะไปรู้ว่าในสมองเขาคิดอะไรอยู่ กลุ่มคนอย่างพวกเขามีใครปกติบ้าง”

นึกถึงท่าทางที่จ้านเซินบังคับพาฉินซีไป ต่อหน้าต่อตาเขาดื้อๆ ลู่เซิ่นก็มีไฟโกรธขึ้นในท้อง

มือทั้งคู่ของลู่เซิ่นกำหมัดแน่น ในดวงตาสีเข้มเปล่งแสงที่เด็ดเดี่ยว “ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไร ครั้งนี้ฉันมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้”

ไม่ว่าทางข้างหน้าจะยากอันตรายแค่ไหน เขาจะช่วยฉินซีออกมาจากองค์กรให้ได้

ลู่เซิ่นหายใจเข้าลึก ระงับความโกรธในใจ ค่อยๆเอ่ยปาก “ในช่วงนี้ นายกับทางหมอเหยารักษาการติดต่อต่อไป ถ้ามีสถานการณ์อะไรที่ผิดปกติ แจ้งให้ฉันรู้ทันที”

เขานั่งอยู่ข้างเตียง ใบหน้าอันหล่อเหลาเผยความเหนื่อยล้า

บาดเจ็บหนักมาเป็นร้อยวัน ลู่เซิ่นแม้ว่าจะมีสมรรถภาพร่างกายดีกว่าคนอื่น แต่ยังไม่ทันถึงสองเดือน ก็แอบออกจากโรงพยาบาล เมื่อคืนเพื่อช่วยฉินซี ยังเข้าร่วมการออกกำลังกายที่รุนแรง ตอนนี้ซี่โครงเกิดความเจ็บปวดเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว ใบหน้าซีดขาว

โจวซิงสังเกตเห็นได้อย่างว่องไวว่าร่างกายของเขาไม่สบาย รีบเดินเข้าไปถาม “ลู่เซิ่น นายเป็นอะไร? บาดแผลเริ่มเจ็บอีกแล้วหรอ?”

เขารีบเดินไปที่ข้างเตียงของลู่เซิ่น มองเขาด้วยใบหน้าเป็นห่วง

ลู่เซิ่นเจ็บมากจริงๆ แต่กลับไม่อยากให้ทั้งสองคนกังวล

เขาส่ายหน้า พูดอย่างอวดเก่ง “ฉันไม่เป็นไร แค่สองวันนี้ไม่ได้พักผ่อนให้ดี ก็เลยเหนื่อย นอนซักตื่นก็หายแล้ว”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นฟังดูอ่อนแรงขนาดนั้น แวบเดียวก็รู้ว่าป่วยแล้ว

ใบหน้าของโจวซิงเผยสีหน้าเคร่งขรึม “เปิดเสื้อผ้าออก ฉันดูบาดแผลนายหน่อย”

เขายืนอยู่ตรงหน้าลู่เซิ่น ดวงตาสีเข้มเผยแสงที่ดุดัน

แววตาที่โจวซิงมองลู่เซิ่นในตอนนี้ ราวกับกำลังมองเด็กที่ไม่เชื่อฟัง

ลู่เซิ่นไม่อยากให้โจวซิงดู จิกมุมเสื้อ นั่งอยู่ข้างเตียงไม่ขยับเขยื้อน “ฉันบอกแล้ว ฉันไม่เป็นไร พวกนายไม่ต้องเป็นห่วง ออกไปก่อนเถอะ ฉันอยากพักผ่อนเสียหน่อย”

เขาพูดอย่างแข็งกร้าว อยากที่จะหนีจากหายนะนี้

แต่ว่า โจวซิงในฐานะหมอ จะถูกอุบายเล็กๆน้อยๆของเขาหลอกได้อย่างไร

โจวซิงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองไปที่เขาจากมุมสูง “ลู่เซิ่น ถ้านายไม่ให้ความร่วมมือฉัน ฉันก็ได้เพียงช่วยกันกับโจวเอ้อมัดนายไว้ เพื่อตรวจสอบ”

น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึมมาก ไม่มีความล้อเล่นใดๆอยู่เลย

ลู่เซิ่นเงยหน้าเล็กน้อย สบตากับแววตาที่จริงจังคู่นั้นของเขา สุดท้ายก็เลือกที่จะประนีประนอม “ก็ได้”

เขายกมุมเสื้อขึ้นอย่างไม่เต็มใจ เผยให้เห็นบาดแผลที่หน้าท้อง

เมื่อกี้ลู่เซิ่นหยิบชุดผู้ป่วยมา จะสวมใส่ แต่ก็วางกลับไปสาเหตุมันอยู่ตรงนี้

เขาไม่อยากเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าโจวซิง เลี่ยงไม่ให้โจวซิงเห็นพิรุธ

แต่ว่า ใครจะไปรู้ ว่าซ่อนมาตั้งนาน ก็ยังซ่อนไม่พ้น

โจวซิงเห็นบาดแผลของลู่เซิ่นยังนับว่าอยู่ดี แต่มีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยในบางแห่ง

ในใจเขาถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก แต่พริบตาเดียวใบหน้าเดิมก็กลับมา “นี่มันเรื่องอะไรกัน เดิมทีบาดแผลใกล้จะหายดีแล้ว ทำไมเลือดไหลอีก เมื่อคืนนายทำอะไรไป?”

ถ้าลู่เซิ่นไปอย่างซื่อตรง เป็นไปไม่ได้ที่บาดแผลจะแย่ลง

ตอนที่พูดคำนี้ สายตาของโจวซิงก็กวาดไปที่โจวเอ้อ

สายตานั้นราวกับกำลังถามโจวเอ้อ ว่าดูแลลู่เซิ่นยังไง แม้แต่บาดแผลบนตัวเขาแย่ลงยังไม่รู้เรื่อง ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเลยแม้แต่น้อย

โจวเอ้อถูกเขาถลึงตาใส่ ก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกผิด

เมื่อคืนเขาเองก็ไม่อยากปล่อยให้ลู่เซิ่นไปช่วยฉินซี แต่ว่าฉินซีตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก โจวเอ้อสกัดไว้ไม่ได้ และไม่สามารถหยุดยั้งได้

ลู่เซิ่นมองออกถึงคลื่นที่ปั่นป่วนระหว่างทั้งสอง เอ่ยปากขึ้นเบาๆ “ก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น โจวซิง นายอย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโจวเอ้อ ฉันต้องการจะไปเอง”

เขาไม่ต้องการให้คนอื่นเป็นแพะรับบาป เอาความรับผิดชอบทั้งหมดมาไว้ที่ตัวเอง

โจวซิงได้ยินเขาพูดอย่างไม่ใส่ใจแบบนี้ ก็โมโหทันที “บาดเจ็บเล็กน้อย?”

เขาโกรธจนไฟลุก ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพูด “นายรู้ไหมว่าบาดแผลตรงนี้รักษายากที่สุด ถ้ามีโรคหลงเหลือ จะเป็นปัญหาใหญ่ต่อชีวิตนายในอนาคต! นายยังคิดที่จะช่วยฉินซีออกมาอยู่ไหม? ด้วยร่างกายนายในตอนนี้ จะไปสู้กับจ้านเซินได้ยังไงฮะ!”

โจวซิงเคยเห็นความสุดยอดของจ้านเซินมาแล้ว แม้แต่ถังย่าลูกน้องของจ้านเซิน เขายังสู้ไม่ได้

จากความแข็งแกร่งของถังย่า เดาได้ไม่ยากว่าจ้านเซินจะทรงพลังแค่ไหน อย่างน้อยก็อยู่เหนือถังย่า

ลู่เซิ่นที่อยู่ในช่วงแข็งแรงไม่เคยต่อสู้กับจ้านเซิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามที่ดุเดือดของโจวซิง สีหน้าของลู่เซิ่นก็มืดมนลงทันที

เขาเองก็รู้ ว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้

แต่สถานการณ์เมื่อวาน ถ้าเขาไม่ก้าวออกไป ตอนนี้ฉินซีอาจจะถูกหรูเว่ยเสียงจับตัวไว้แล้ว

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท