Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1487

ตอนที่ 1487

บทที่1487 วิตกกังวล

สาเหตุที่ลู่เซิ่นไม่ทำแบบนี้ไม่ได้ จะต้องมีเหตุผลอยู่แน่

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า การคาดเดาของฉินซีนั้นไม่ผิด

ลู่เซิ่นเป็นเพราะว่าบาดแผลกำเริบ ถูกโจวซิงสั่งห้ามไม่ให้ออกไปข้างนอก จะต้องนอนพักผ่อนอยู่ในโรงพยาบาลให้ดี ดังนั้นจึงได้ปฏิเสธเธอ

ความวิตกกังวลบนใบหน้าของฉินซีชัดเจนขนาดนั้น เหยาจ้าวส่งเสียงพูดปลอบโยนเธอ “ฉินซี เธอคิดมากเกินไปแล้ว บางทีลู่เซิ่นเพียงแค่มีเรื่องอะไรสำคัญ ดังนั้นจึงล่าช้า ฉันรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น ทุกคนต่างมีความลับเล็กๆของตัวเองไม่ใช่หรอ พวกเราไม่ควรไปไล่ถามรายละเอียด ต่อให้เป็นคนรักก็ควรเว้นที่ว่างให้แก่กันและกัน”

แม้ว่าเหยาจ้าวจะไม่เคยมีความรัก แต่ของบางอย่างเห็นมาเยอะแล้ว ก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง

สมองของฉินซีว้าวุ่น ภายใต้การพูดจูงใจของเขา ก็ค่อยๆสงบลงมา

เธอรู้สึกว่าที่เหยาจ้าวพูดก็ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เมื่อกี้เธออารมณ์ตื่นตัวเกินไปจริงๆ

“ฉันเข้าใจแล้ว”

ฉินซีหลับตาลง สูดหายใจลึก

เธอหันตัวไปโดยไม่พูดจา นั่งยองๆลงบนพื้นเก็บกระเป๋าเดินทางต่อ

เหยาจ้าวมองแผ่นหลังที่อ้างว้างของเธอ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ “ฉินซี ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

เขาอยากให้ฉินซีมีความสุขหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง

“ฉันไม่เป็นไร”

อารมณ์ของฉินซี สงบนิ่งลงแล้ว

เธอคิดทบทวนดูแล้ว รู้สึกว่าสิ่งที่เหยาจ้าวพูดนั้นไม่ผิด

ช่วงเวลานี้ เธออ่อนไหวเกินไปแล้ว

ฉินซีโค้งมุมปากขึ้นยิ้มบางๆ “ขั้นตอนในตอนนี้ เจอกันน้อยหน่อยเป็นเรื่องที่ดี ฉันไม่ควรเอาแต่ใจแบบนี้”

เธอฝืนใจยอมรับความจริงว่าครั้งนี้ไม่สามารถเจอกันได้ แต่กลับนึกไม่ถึงว่า การปฏิบัติภารกิจในครั้งต่อไปอีกสองสามครั้ง ลู่เซิ่นยังคงไม่สามารถออกมาได้

……

ฉินซีพุ่งเข้าไปหาเหยาจ้าวด้วยความโมโห “เหยาจ้าว ฉันจะรีบติดต่อลู่เซิ่น วันนี้ฉันจำเป็นต้องทำให้มันชัดเจน ทางด้านเขามันมีเรื่องอะไรกันแน่”

หนึ่งเดือนแล้ว ลู่เซิ่นหาข้ออ้างต่างๆนาๆมาบอกว่าไม่สามารถออกข้างนอกได้

ฉินซีปลอบใจตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ว่า ตอนนี้เธออดทนไม่ไหวแล้วจริงๆ

เหยาจ้าวกำลังทำการทดลองอยู่ในห้องวิจัย ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ร้อนรนดังสวนมา ในสมองยังคงโง่เขลา

“ปัง!”

ประตูถูกถีบออกอย่างหนักหน่วง เหยาจ้าวตกใจจนอุปกรณ์ในมือ เกือบจะหล่นแตก

เหยาจ้าวหันตัวมาอย่างทึ่มๆ ยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ฉินซีก็ฉกของที่อยู่ในมือเขาไปด้วยความโมโห

“ไม่ต้องทำแล้ว! รีบช่วยฉันติดต่อลู่เซิ่น!”

ฉินซีโกรธแล้วจริงๆ เธอรู้สึกว่าตนไม่เคยกระวนกระวายขนาดนี้มาก่อน

แม้แต่วันนั้นถูกจ้านเซินบังคับพากลับจากโรงพยาบาลมาที่องค์กร ฉินซีก็เชื่ออยู่ตลอด ว่าเรื่องราวไม่เลวร้ายเท่าจุดนี้ แต่ตอนนี้เธอตื่นตระหนกแล้ว

ฉินซีไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร ถึงทำให้เรื่องราวกลายมาเป็นอย่างตอนนี้

หรือว่าลู่เซิ่นรู้สึกว่าเส้นทางความรักระหว่างทั้งสอง เดินยากลำบากเกินไป ดังนั้นจึงเตรียมที่จะยอมแพ้

เหยาจ้าวเห็นเธอตื่นตระหนก ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่หยิบโทรศัพท์ไปด้วย พูดปลอบประโลมไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ “โอเคโอเคโอเค ฉันจะติดต่อไป เธออย่าหุนหันพลันแล่น”

เขาไม่เคยเห็นฉินซีตื่นตระหนกแบบนี้มาก่อน

ช่วงนี้ความระมัดระวังที่จ้านเซินมีต่อฉินซีก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นเหยาจ้าวเองก็ผ่อนคลายลงไม่น้อย

เขาติดต่อเบอร์โทรศัพท์ของโจวเอ้อโดยตรง

“ฮัลโหล”

เสียงโจวเอ้อดังสวนมาจากปลายสายโทรศัพท์ ฉินซีฉกมือถือมาอย่างทนรอไม่ไหว “โจวเอ้อ ให้ลู่เซิ่นมารับสาย”

เธอไม่สามารถทนได้แล้วจริงๆ ฉินซีรู้สึกว่าเป็นแบบนี้ต่อไป ตัวเองก็จะถูกบีบให้เป็นบ้าแล้ว

“ฉินซี……”

โจวเอ้อเอ่ยปากอย่างประหลาดใจคิดไม่ถึงว่าปลายสายจะเป็นเธอ

“ลู่เซิ่นตอนนี้เขาไม่อยู่ เขา……”

โจวเอ้อกำลังคิดจะหาข้ออ้างมาปิดบัง แต่ฉินซีกลับพูดอย่างหัวเสีย “อย่ามาพูดไร้สาระกับฉัน ตอนนี้ให้ลู่เซิ่นมารับสายเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปหาเขาที่โรงพยาบาล”

ฉินซีขู่ด้วยความโมโห ดวงตาสีดำเข้มเผยประกายไฟที่รุนแรง

มือที่จับไมโครโฟนอยู่แน่นขึ้นเรื่อยๆ หน้าอกของเธอกระเพื่อมอย่างรุนแรง สีหน้าแดงก่ำ

เหยาจ้าวยืนอยู่ด้านข้าง มองไปที่เธอด้วยความหวาดกลัว รู้สึกอยู่ตลอดว่านาทีต่อไปฉินซีก็จะเป็นเหมือนลูกโป่งที่เต็มไปด้วยลม ระเบิดออกมา

โจวเอ้อฟังเสียงขบเคี้ยวเขี้ยวฟันของปลายสายโทรศัพท์ ก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที

เขาแอบเหลือบมองลู่เซิ่นที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล

ถ้าฉินซีมาจริงๆ เห็นสภาพลู่เซิ่นในตอนนี้ จะต้องเป็นห่วงแน่

โจวเอ้อขอความช่วยเหลือจากลู่เซิ่น ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

ลู่เซิ่นแม้ว่าจะนอนอยู่บนเตียง แต่เสียงของปลายสายโทรศัพท์ดังมากจริงๆ เขาสามารถได้ยินฉินซีที่กำลังร้องเรียกอย่างชัดเจน

เขาขมวดคิ้ว บนใบหน้าหล่อเหลาเผยความกลัดกลุ้มบางๆ

ลู่เซิ่นยื่นมือออกไป มองไปที่โจวเอ้อ “เอาโทรศัพท์มาให้ฉันเถอะ”

เขาเข้าใจอารมณ์ของฉินซีดี ดื้อรั้นขึ้นมาราวกับลาตัวหนึ่ง โจวเอ้อควบคุมไม่ได้แน่นอน

ด้วยความทำอะไรไม่ได้ โจวเอ้อได้เพียงส่งมือถือไปให้เขา

เขามองไปที่ลู่เซิ่น บ่งบอกให้เขาคิดให้ดี อย่าหลุดพูดไปเด็ดขาด

ลู่เซิ่นรู้ว่าควรพูดอะไร ไม่ควรพูดอะไรเป็นธรรมดา

ฉินซีเองก็ได้ยินเสียงของลู่เซิ่นแล้ว ใบหน้าไม่ได้เผยรอยยิ้มออกมา ใบหน้ากลับยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น

ตอนนี้เธออยากที่จะรู้เหตุผลให้ชัดเจน เธอเกลียดความรู้สึกที่ถูกปิดบังแบบนี้

“ฮัลโหล”

ฉินซีได้ยินเสียงทุ้มแหบแห้งของลู่เซิ่นที่ดังสวนมาจากปลายสาย

เสียงนี้ ฉินซีไม่ได้ยินมาหนึ่งเดือนแล้ว ในใจคิดถึงมาก

ฉินซีเม้มริมฝีปาก ในใจมีความรู้สึกหลากหลาย ไม่ได้พูดจา

“ฉินซี”

ลู่เซิ่นเอ่ยปากอีกครั้ง มองมือถือด้วยความสงสัย

การเชื่อมต่อยังดำเนินต่อไป แต่ทางด้านฉินซีกลับไม่มีเสียงการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

ลู่เซิ่นเอ่ยถามอย่างช่วยไม่ได้ “โทรมาหาฉัน แล้วทำไมไม่พูดล่ะ?”

ในน้ำเสียงของเขามีความเอาอกเอาใจ ทำให้ฉินซีคัดจมูก

“นายยังจะถามฉัน! นายเป็นอะไรกันแน่!”

ฉินซีกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ มองไปข้างหน้าด้วยแววตาสว่างไสว

เธออยากที่จะพุ่งไปตรงหน้าของลู่เซิ่นจริงๆ ถามเขาว่าช่วงที่ผ่านมานี้ทำอะไรอยู่กันแน่

ลู่เซิ่นฟังออกถึงความน้อยใจในคำพูดของเธอ ใจที่สงบนิ่งเข้มแข็งมาตลอดก็พังทลายลงเช่นกัน

เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ฉินซีเป็นห่วง เขาได้เพียงโกหกเธอต่อไป “ฉันจะมีเรื่องอะไรได้ ฉันก็อยู่โรงพยาบาลดีๆไง”

ได้ฟังลู่เซิ่นพูดแบบนี้ ฉินซีก็โมโหไฟลุกทันที

“ทำไมนายยังอยู่ที่โรงพยาบาล? แผลของนายไม่ใช่ว่าหายดีแล้วหรอ? ทำไมถึงไม่ยอมออกมาเจอฉัน หรือว่าใจนายเป็นอื่นไปแล้ว?”

ฉินซีเอ่ยถามไปตามตรง น้ำตาคลออยู่ในตาเล็กน้อย

สวรรค์รู้ดี ตอนที่เธอพูดประโยคนี้ออกไป ในใจเจ็บปวดมากแค่ไหน

แต่ว่า ฉินซีต่อให้ตายก็ต้องตายอย่างเข้าใจทุกอย่าง

ลู่เซิ่นคิดไม่ถึงว่า เธอจะดื้อดึงแบบนี้ “ฉินซี เธอคิดมั่วซั่วอะไรอยู่ ฉันจะใจเป็นอื่นไปได้ยังไง”

เขาเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในคำพูดมีความไม่พอใจ

“งั้นนายบอกฉัน เพราะอะไร! ฉันแค่อยากรู้เหตุผล ถ้านายไม่สามารถพูดเกลี้ยกล่อมฉันได้ วันนี้ฉันก็จะไปหายนาย”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท