Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1512

ตอนที่ 1512

จ้านเซินหมายความว่าไม่ฆ่าเขาแล้วใช่ไหม?

ในขณะที่ถังย่าคิดไปทั่ว จ้านเซินกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ขอโทษ”

จ้านเซินกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่ว เสมือนกับยุงตัวหนึ่ง แต่ถังย่าก็ได้ยิน

“จ้านเซิน นาย…..”

หากจะบอกว่าเหลือเชื่อ บอกว่าตกตะลึงน่าจะดีกว่า

ถังย่ารู้สึกว่าช่วงนี้จ้านเซินผิดปกติไป เขาคงไม่ได้ป่วยหรอกนะ?

แม้ว่าถังย่าจะไม่เชี่ยวชาญในด้านการแพทย์นัก แต่ตอนที่เข้าฝึกในด้านนี้กับทางองค์กร เธอพอจะมีความรู้อยู่บ้างเล็กน้อย

ในฐานะคนไข้ ตัวผู้ป่วยอาจจะไม่รู้ตัวในการเปลี่ยนแปลงของตนเอง แต่คนรอบข้างนั้นรู้ดี

หลังจากครั้งก่อนที่จ้านเซินพาฉินซีกลับมาโรงพยาบาล อารมณ์ของจ้านเซินก็ไม่คงที่ขึ้นทุกที

ทีแรกถังย่าคิดว่าเป็นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจ้านเซินไม่เพียงแค่ไม่ดีขึ้น แต่กลับแย่ลงไปมากกว่าเก่า

เธอไม่คิดเลยว่าจ้านเซินจะมีความเป็นห่วงเธอ

ถังย่าในใจของจ้านเซิน เธอเป็นเพียงเครื่องมือที่มีประโยชน์เท่านั้น

อันที่จริง จ้านเซินและถังย่ารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ต่อให้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและลูกน้อง

แต่ก็มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง

จ้านเซินจับจ้องรอยแดงลึกบนลำคอของเธอนิ่ง น้ำเสียงปนไปด้วยความรู้สึกผิด “เจ็บไหม?”

เขาก้าวไปข้างหน้ายื่นมือออก ลูปไล้ลำคอของของเธออย่างแผ่วเบา

ถังย่าคิดที่หลบตามสัญชาตญาณ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดร่างกายถึงได้ไม่คำคำสั่ง ยืนอยู่ที่เดิมนิ่ง

เธอจ้องมองจ้านเซินยื่นมือออกมา ลูปไล้ที่ลำคอของเธออย่างเบามือ

ถังย่าไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไรดี เพียงรู้สึกจั๊กจี้

สายตาของเธอจ้องมองฝ่ามือของจ้านเซินอย่างประกาย ราวกับว่าเธออยู่ในความฝัน

ถังย่าหยิกตัวเองเต็มแรง ความเจ็บปวดที่ปลายนิ้วบอกกับเธอว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความฝัน

เหตุใดจ้านเซินถึงได้ดีกับเธอขนาดนี้ หรือเพราะเขาได้รับความกระทบกระเทือนจากฉินซีจึงเปลี่ยนไป?

ถังย่าคิดไม่ตก ได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมนิ่ง

เธอจับจ้องจ้านเซินด้วยความเป็นห่วง เกรงว่าเขาจะได้การกระทบจากฉินซีแรงเกินไป จิตใจได้รับการกระทบอย่างหนัก

จ้านเซินเป็นหัวหน้าองค์กรจะเป็นอะไรไปไม่ได้เป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นทุกอย่างก็จะวุ่นวาย

เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร จ้านเซินจึงกล่าวขึ้นอีกครั้ง “เจ็บไหม?”

เขายังคงหาคำตอบให้ได้

ถังย่าสบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา ราวกับต้องมนต์สะกด ริมฝีปากแดงกล่าวเสียงแผ่ว “เจ็บ”

เธออยากจะแกล้งทำเป็นเข้มแข็งโดยการบอกว่าไม่เจ็บ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเมื่อสบตาของจ้านเซิน เธอกลับกล่าวออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

สำหรับถังย่าแล้ว นี่เป็นเพียงรอยแผลเล็กๆ สำหรับเธอ

แต่การที่เธอพูดตอนนี้ กลับดูเล่นตัวยิ่งนัก จู่ๆ ก็ทำให้เธออายเล็กน้อย

ถังย่าเธอมีนิสัยห้าวมาแต่ไหนแต่ไร เธอไม่เคยพูดจาอ่อนหวานมาก่อน

หากแต่ ครั้งนี้น้ำเสียงของเธอนุ่มนวล ราวกับหญิงสาวบริสุทธฺ์ที่อ่อนต่อโลก

จ้านเซินใจอ่อนขึ้นมาทันที การที่ทำให้ถังย่าพูดคำว่าเจ็บออกมาได้ เมื่อสักครู่เขาต้องรุนแรงสักแค่ไหนเชียว จ้านเซินรู้สึกผิดในใจเป็นอย่างมาก

“กลับกันเถอะ ฉันจะทายาให้”

จ้านเซินกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้ถังย่างุนงงทำอะไรไม่ถูก

ก่อนหน้านี้ความอ่อนโยนเหล่านี้เป็นของฉินซี ตอนนี้กลับตกเป็นของเธอ เรื่องที่น่ายินดีครั้งใหญ่ทำให้ถังย่ามึนงง

ถังย่าระแวดระวัง แถมยังถามอย่างตะกุกตะกัก “แล้วเราไม่ตามล่าฉินซีกับลู่เซิ่นต่อแล้วหรือ?”

เธอจับจ้องจ้านเซินนิ่ง รอคำตอบของเขา

“ไม่ตามล่าแล้ว”

จ้านเซินกล่าวอย่างเรียบเฉย เมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมนิ่ง จึงเดินขึ้นหน้าไปจับมือของเธอเอาไว้

“กลับไปแล้วค่อยว่ากัน”

จบประโยค จ้านเซินจึงจูงมือของเธอขึ้นไป

แต่ต้นจนจบ ถังย่าไม่มีโอกาสในการปฏิเสธแม้แต่น้อย

……

อีกด้าน

ฉินซีและปู่เช่ทำอาหารเย็นเสร็จ จึงยกเสิร์ฟ

เธอจับจ้องลู่เซิ่นที่นอนอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้มอ่อน พลันกล่าวอย่างนุ่มนวล “อาเซิ่น ทานข้าวได้แล้ว”

ลู่เซิ่นลุกขึ้นจากที่นอนเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเธอ

“ให้ฉันพยุงไหม?”

ฉินซีวางถ้วยในมือลง มุ่งไปที่ลู่เซิ่น

แม้ว่าลู่เซิ่นจะบาดเจ็บ แต่ก็ไม่อยากถูกทำเหมือนกับว่าตัวเขาเป็นสัตว์เลี้ยง

เขาส่ายหน้า กล่าวอย่างมุ่งมั่น “ไม่ต้องหรอก ผมไหว”

ลู่เซิ่นกล่าว พรางลุกออกจากเตียง

เขาสาวเท้าอันเรียวยาวเคลื่อนมายังโต๊ะอาหาร

ที่นั่งหลัก

ปู่เช่รู้สึกดีกับเขามากกว่าเดิมไม่น้อย เหตุมาจากประโยคที่ฉินซีได้กล่าวเมื่อสักครู่นี้

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของทั้งคู่ในตอนนี้ ปู่เช่จึงกล่าวอย่างเด็ดขาด “พวกเธอสองคนอยู่ที่นี่ไปสักระยะก่อนเถอะ ที่นี่เป็นป่าลึก แถมยังค่อนข้างปลอดผู้คน พวกเขาคงหาตัวพวกเธอไม่เจอชั่วคราว”

แม้ว่าพื้นผิวของปู่เช่จะดูใจร้าย แต่ลึกๆ เขาเป็นคนใจดีเอื้อเฟื้อ ไม่เช่นนั้น ทีแรกที่เขาเห็นฉินซีนอนจมกองหญ้า คงเป็นไปไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

ลู่เซิ่นนิ่งไปสักพักหนึ่ง บนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ปลาบปลื้ม “ขอบคุณครับคุณปู่”

สุขภาพของเขาในตอนนี้ ไม่เหมาะกับการเคลื่อนไหวจริงๆ นั่นแหละ

หากแต่ พวกเขาเองก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ตลอดได้ หากจ้านเซินตามมาถึงที่นี่แล้วละก็ ปู่เช่เองก็จะเดือดร้อนไปด้วย

ลู่เซิ่นใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “คุณปู่เช่ครับ ท่านพอจะรู้ไหมว่าที่นี่พอจะหามือถือได้จากที่ไหนบ้าง?”

ปู่เช่สันโดดอยู่ในป่ามานาน เขาไม่มีโทรศัพท์อยู่แล้ว เพราะงั้นพวกเขาจึงต้องออกไปหาข้างนอก

ลู่เซิ่นอยากจะติดต่อโจวเอ้อ ให้เขาช่วยเตรียมการ

เมื่อถึงเวลา อาการของลู่เซิ่นดีขึ้นแล้ว ก็สามารถไปจากที่นี่ได้เลย

ปู่เช่ใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง “มีอยู่ที่หนึ่ง น่าจะมีโทรศัพท์”

ที่นี่อยู่ห่างไกลจากข้างนอกมาก ต่อให้มีโทรศัพท์สัญญาณก็ไม่ดี ปู่เช่ก็ไม่มีคนที่จะติดต่อ เพราะงั้นจึงไม่เคยใช้ของพวกนี้

ส่วนเรื่องการเข้าไปในตัวเมือง ปู่เช่ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก

เขาเองก็ใช่ว่าปลีกวิเวกไปซะทีเดียว หนึ่งปีเขาจะลงเขาหนึ่งครั้ง แต่ก็แค่เพียงแค่ถึงตีนเขาเท่านั้น

ปู่เช่กล่าวด้วยอย่างเบิกบาน “หากพวกเธอต้องการ ฉันสามารถไปเอามาให้ได้สองเครื่อง”

เขารู้สึกว่าลู่เซิ่นและฉินซีช่างน่าสงสาร รักกันแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เพราะงั้นเกิดความเห็นอกเห็นใจ

ลู่เซิ่นอยากจะบอกว่า แค่เครื่องเดียวก็พอแล้ว แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกหน่อยหากเครื่องหนึ่งพังขึ้นมา หรือบางทีอาจเกิดปัญหาหรือทำหายขึ้นมา ก็ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่อยู่ดี

เตรียมของไว้ให้พร้อมตั้งแต่ตอนนี้ ถึงเวลาก็ไม่ต้องยุ่งวุ่นวาย

ดังนั้น ลู่เซิ่นจึงพยักหน้ารับ “ครับ คุณปู่”

ฉินซีนำเงินสดออกมาจากกระเป๋า “คุณปู่เช่ เงินพวกนี้เอาไปซื้อโทรศัพท์นะคะ ที่เหลือท่านก็เก็บเอาไว้เองนะคะ”

เธอรู้ดีว่าปู่เช่อาศัยอยู่บนเขาลึก ในตัวเขาไม่มีเงินอยู่แล้ว

พวกเขาสร้างปัญหาให้กับปู่เช่มามากแล้ว ไม่อยากจะเอาเปรียบเขาอีก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท