Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1510

ตอนที่ 1510

เพราะถังย่ารักจ้านเซินอย่างหมดใจ เพราะงั้นเธอจึงแคร์จ้านเซิน

ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่มองผู้ชายที่ตนเองรัก ไปชอบผู้หญิงอื่นได้หรอก ต่อให้เป็นถังย่าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น เธออดทนมาตั้งนาน ท้ายที่สุดก็เก็บไม่ไหวอีกต่อไป

“ฉันสั่งให้เธอหยุดพูด ได้ยินไหม!”

จ้านเซินถลึงตาโตด้วยความโมโห จับจ้องเธอนิ่ง สายตาคมกร้าว

หากสายตาฆ่าคนได้ ตอนนี้ถังย่าคงกลายเป็นผงธุลีไปตั้งนานแล้ว

ถังย่าไม่รู้ควรจะอธิบายความรู้สึกของตนเองอย่างไรดี บนใบหน้าของเธอยังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ยตนเองเช่นเคย ราวกับว่าไม่หวาดหวั่นในความตาย

“จ้านเซิน แน่จริงนายก็ฆ่าฉันเลยสิ! ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่มานานแล้ว ทางที่ดีนายฆ่าฉันซะตอนนี้เลยจะดีกว่า ไม่อยากนั้นฉันจะพูดข้างหูนายไปตลอด”

ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ถึงย่าไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว

แม้ว่าถังย่าจะไม่อยากมีจุดจบเช่นนี้กับจ้านเซิน แต่เพื่อให้จ้านเซินได้สติ เธอไม่เสียสละไม่ได้

“ดี!ดี!ดี!!”

คำว่า “ดี”สามคำ เพียงพอแล้วที่จะกระตุ้นโทสะของจ้านเซิน

นิ้วมือที่บีบลำคอของถังย่ารัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ จ้านเซินจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่แดงก่ำ กล่าวด้วยความโกรธ

จ้านเซินในตอนนี้ขาดสติอย่างสิ้นเชิง ลืมเรื่องในอดีตทุกอย่าง เขาพร้อมการสังหารคนที่แช่งเขาและศัตรูของฉินซีให้สิ้นซาก

ถังย่ารู้สึกถึงอาการในปอดที่น้อยลงไปทุกที สีหน้าของเธอบวมแดง ราวกับปลาที่ขาดอากาศหายใจ บนใบหน้าเผยความเจ็บปวด

แต่ ต่อให้ถึงเวลาแบบนี้ ถังย่าก็ไม่รู้สึกหวาดหวั่นแม้แต่น้อย

ชีวิตนี้เธอทำผิดมามาก บางทีการที่ได้ตายในกำมือของคนที่ตนเองรัก อาจจะเป็นจุดจบที่ดีที่สุด

ถังย่าเผยรอยยิ้มที่โดดเดี่ยว เธอจ้องมองจ้านเซินเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนหลับตาลงช้าๆ ไร้การต่อต้าน เผชิญหน้าต่อความตายอย่างมั่นคง

จ้านเซินจับจ้องรอยยิ้มของเธอ ในใจพลันเจ็บจี๊ดขึ้นมา

ชายหนุ่มค่อยๆ ได้สติกลับคืนมาอย่างช้าๆ จ้านเซินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่เข้าใจว่าเขาบีบคอถังย่าได้อย่างไร

ในขณะที่จ้านเซินคิดที่จะปล่อยถังย่า ซิวหน่ายซิงมาถึงซะก่อน

“นายครับ!”

ซิวหน่ายซิงจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ พลันวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ

เขาผลักจ้านเซินออก ช่วยถังย่าออกมาจากจ้านเซิน “นายครับ!นาย ไม่เป็นอะไรใช่ไหม ตื่นเร็วเข้า อย่าล้อผมเล่นสิครับ!”

ซิวหน่ายซิงจับจ้องถังย่าที่ปิดตาสนิท ด้วยความตื่นตูม

เขาตะโกนเสียงดังลั่น แต่ก็ไม่ได้ผลแต่อย่างใด

ซิวหน่ายซิงตรวจชีพจร ถังย่าขมวดคิ้ว ไออย่างรุนแรง “แค่กแค่ก…..”

เธอลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ลำคอแสบร้อนอย่างรุนแรง

ที่นี่คือ…..

ภาพตรงหน้าจองถังย่าพร่ามัว เวลาอันสั้นเธอแยกไม่ออกว่าภาพตรงหน้าคือความจริงหรือภาพในฝัน

เธอตายแล้วอย่างนั้นหรือ?

รอยยิ้มเศร้าปรากฏบนใบหน้าของถังย่า ด้วยความเจ็บปวดหัวใจ

“นาย!ตื่นแล้วหรือ รู้ไหมว่าผมเป็นใคร?”

ในขณะที่ถังย่าจินตนาการไปต่างๆ นานา น้ำเสียงที่ลนลานดังขึ้นข้างหู

เธอค่อยๆ แหงนหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ภาพที่พร่ามัวตรงหน้าค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ร้อนใจของซิวหน่ายซิง

“ซิวหน่ายซิง……”

ถังย่าอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ลำคอของเธอเจ็บแสบ

จ้านเซินยืนมองเหตุการณ์อยู่อีกด้าน เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูก

ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจ เมื่อสักครู่เขาเป็นอะไรกันแน่ ทำไมเขาถึงได้ลงมือกับถังย่า

ซิวหน่ายซิงจับจ้องรอยแดงบนลำคอของเธอ พร้อมกล่าวอย่างสงสาร “นาย อย่าเพิ่งพูดเลย ผมจะไปเอาน้ำมาให้”

เขากล่าว พรางลุกขึ้นยืน

แต่ ซิวหน่ายซิงคิดได้ว่ายังมีใครอีกคนอยู่ด้านหลัง เขานิ่งไปสักพัก

เขาเปลี่ยนใจกะทันหัน “ช่างเถอะ ผมจะอุ้มนายไปที่รถ บนพื้นสกปรก”

จบประโยค ซิวหน่ายซิงโน้มตัวเองอุ้มถังย่าขึ้น

จ้านเซินที่ยืนมองเหตุการณ์ ด้วยความสับสน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ว่าการกระทำของซิวหน่ายซิงมันหมายความว่ายังไง แต่เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะอธิบายอย่างไร

ขณะที่ถังย่าถูกช้อนตัวขึ้น ก็ได้เห็นจ้านเซินที่ยืนนิ่งอยู่อีกด้าน

เขาดูสิ้นหวัง โดดเดี่ยว ทำให้ถังย่ารู้สึกเจ็บจี๊ด

ต่อให้เมื่อสักครู่จ้านเซินคิดที่จะเอาชีวิตเขา แต่ถังย่ากลับโกรธเขาไม่ลงเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้ในหัวของถังย่าตีกันให้วุ่น เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะเข้าไปปลอบใจชายหนุ่มหรือไม่ บางทีเขาในตอนนี้ อาจจะไม่ต้องการความปลอบใจของเธอ

เมื่อคิดได้อย่างนั้น ถังน่าจึงก้มหน้าลงอย่าเยาะเย้ยตนเอง

จ้านเซินจับจ้องแผ่นหลังของทั้งคู่ที่จากไป พลันกำหมัดแน่น ดวงตาของเขามีความเจ็บปวดซ่อนอยู่

ซิวหน่ายซิงเปิดประตูรถหลัง ก่อนที่จะวางถังย่าลงอย่างระแวดระวัง “ระวังโดนหัว”

เขากล่าวอย่างอ่อนโยน เขาจ้องมองถังย่าอย่างไม่รู้จะพูดอย่างไร

ซิวหน่ายซิงไม่เข้าใจว่าถังย่าชอบจ้านเซินตรงไหนกันแน่

หากเมื่อสักครู่เขามาช้ากว่านี้สักหน่อย บางทีตอนนี้ถังย่าได้ตายไปแล้ว

ซิวหน่ายซิงเก็บนิสัยขี้เล่นของเขาในปกติ ทีท่าของเขาเคร่งขรึมจริงจัง

ถังย่าถูกวางเข้าไปในรถภายใต้ความดูแลของเขา เธอเสมือนกับตุ๊กตาที่ไร้จิตวิญญาณ นั่งอยู่กับที่นิ่ง ก้มหน้าอยู่อย่างนั้น

ไม่นาน ถังย่าก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น

เธอรู้สึกว่าข้างกายของเธอมีอีกหนึ่งคนเพิ่มขึ้นมา เมื่อหันกลับไปดูก็ได้พบกับจ้านเซิน

ถังย่าหัวใจเต้นโครมขึ้นมา ตอนนี้เธอคาดเดาความคิดของจ้านเซินไม่ได้เลย

ใบหน้าที่ขาวนวลเผยรอยยิ้มแห่้งความเย้ยหยัน เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “นายจะมาฆ่าฉันให้ตายงั้นหรือ?”

น้ำเสียงที่เจ็บปวดของถังย่า ทำให้ซิวหน่ายซิงเจ็บปวดหัวใจ

ซิวหน่ายซิงเดินขึ้นหน้าอย่างเบื่อหน่าย บังสายตาของจ้านเซิน

น้ำเสียงของเขาไร้ความเคารพแต่อย่างใด “หัวหน้า หากนายของผมได้ร่วงเกินท่าน ท่านมาลงที่ผมได้เลย แต่ขอให้ท่านไว้ชีวิตเธอด้วย”

ซิวหน่ายซิงจับจ้องเขา พร้อมสูดหายใจเข้า กล่าวอย่างโกรธเคือง “หลายปีมานี้นายของเราทำประโยชน์เพื่อองค์กรมามาก หวังว่าคุณจะเห็น ความทุ่มเทเสียสละของเธอในองค์กร ทำงานให้กับท่านมาหลายปี อย่าถือสาเธอเลย”

เขารู้สึกไม่คุ้มค่าแทนถังย่า

ในสายตาของซิวหน่ายซิงจ้านเซินเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้หัวใจ เขาไม่เข้าใจความรักแม้แต่น้อย

เพราะงั้นฉินซีถึงได้เกรงกลัวเขา อยากจะหนีไปจากเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

ซิวหน่ายซิงแอบด่าในใจอย่างโมโห สมน้ำหน้า

จ้านเซินจับจ้องเขาอย่างเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หลีกไป”

นี่เป็นเรื่องระหว่างเขาและถังย่า เขาไม่ต้องการให้ใครเข้ามาแทรกทั้งนั้น

ซิวหน่ายซิงยืนอยู่ตรงกลางทั้งสองอย่างสุภาพบุรุษ “หัวหน้า ผมไม่มีทางยอมให้คุณทำร้ายนายของเราต่อไปแน่”

เขากล่าวตอบจ้านเซินอย่างมุ่งมั่น ไร้ความลังเลแม้แต่น้อย

จ้านเซินที่อารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น สีหน้าของเขาหม่นหมองมืดมนขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าหล่อเหลาดูหงุดหงิดเสียอารมณ์

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท