Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1509

ตอนที่ 1509

เมื่อได้ยินกฎเกณฑ์ที่มากมายในองค์กรของฉินซีที่ต้องปฏิบัติตาม เขาเกิดหัวชาขึ้นมาในทันที

ฉินซีสบประสานเข้ากับสายตาที่ตกใจอึ้งคู่นั้น พลันเม้มริมฝีปาก ด้วยสีหน้าที่ยากลำบากใจ “ฉันเคยลองแล้ว แต่องค์กรไม่ยอมปล่อยฉันไป”

เมื่อนึกถึงความดื้อดึงไม่ยอมเปลี่ยนของจ้านเซิน ฉินซีเกิดปวดหัวขึ้นมา

ปู่เช่ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะซับซ้อนถึงเพียงนี้ “ถ้างั้นตอนนี้พวกเธอถือว่าหนีออกมาใช่ไหม?”

เขาคิดว่าฉินซีเหมือนกับครั้งก่อน เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บจากการทำภารกิจ นึกไม่ถึงเลยว่าจะด้วยเหตุผลนี้

“อืม”

ฉินซีพยักหน้าอย่างหนักใจ

“ถ้างั้นต่อจากนี้พวกเธอตัดสินใจจะเอายังไง? คนกลุ่มนั้นยังตามล่าพวกเธออยู่ใช่ไหม?”

ปู่เช่กล่าวถามด้วยความห่วงใย

“ตอนนี้คนในองค์กรกำลังไล่ล่าเราอยู่ ทีแรกพวกเราคิดจะมุ่งไปทางทิศเหนือ หนีออกไปจากที่นี่ หาสถานที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเราอาศัยอยู่ รอให้ทุกอย่างเงียบก่อนแล้วค่อยออกมา แต่ไม่คิดเลยว่าลู่เซิ่นจะได้รับบาดเจ็บ เพราะงั้นถึงต้องอยู่ที่นี่ก่อนชั่วคราว”

ฉินซีบอกเล่าการตัดสินใจของเขาออกไปอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าเธอเองก็รู้สึกอันตรายอยู่บ้าง แต่ว่าบาดแผลของลู่เซิ่นหนักเกินไป พวกเขาจำต้องอยู่ที่นี่

ปู่เช่จับจ้องเธอด้วยความสงสาร “เธอวางใจเถอะ ฉันจะรักษาบาดแผลของลู่เซิ่นให้หายโดยเร็วที่สุด ให้พวกเธอได้ออกเดินทางแต่โดยเร็ว”

เขากล่าวอย่างหนักแน่น ทำให้ฉินซีซาบซึ้งใจอย่างมาก

“ขอบคุณนะคะ”

สองปีนี้เพราะเธอความจำเสื่อมจึงไม่ได้มาเยี่ยมเธอ แต่เขากลับยังดีต่อเธอเช่นเคย ความจริงใจนี้ช่างหาได้ยากยิ่ง

ปู่เช่ตบบ่าของเธอ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ยัยเด็กบ้า ต่อจากนี้หากต้องการความช่วยเหลืออะไร ขอเพียงแค่ฉันสามารถช่วยได้เธอว่ามาได้เลย”

เขาเคยได้ฟังเธอเล่าเรื่องในอดีตของเธอ หญิงสาวที่บอบบางเช่นนี้ อายุยังน้อยแต่ต้องแบกรับเผชิญหน้ากับเรื่องราวมากมาย ช่างน่าสงสาร

“โอเค ไม่พูดเรื่องน่าเศร้าพวกนี้แล้ว เราทำอาหารกันก่อนเถอะ ค่อยคุยกันตอนทานอาหารก็ได้”

ปู่เช่เลือกที่จะเลี่ยงหัวข้อ ไม่อยากที่จะให้ฉินซีเสียใจไปมากกว่านี้

แม้ว่าตอนนี้ได้หนีออกมาแล้ว ก็ต้องก้าวเดินไปข้างหน้า

……

ในเวลาเดียวกัน จ้านเซิ่นและถังย่ากำลังตามล่าตัวฉินซีและลู่เซิ่น

พวกเขาแยกออกเป็นหลายทีมไล่ตรวจสอบไปทุกเส้นทาง

แต่ฉินซีวางกับดักเอาไว้ตลอดทาง เธอใช้ความสามารถทุกอย่างที่เรียนรู้ในองค์กรมาใช้กับจ้านเซิ่น

จ้านเซินบังคับเครื่องยนต์มุ่งไปข้างหน้า บรรยากาศภายในรถกดดันน่าน่ากลัว

ถังย่าจับจ้องทีท่าที่มืดมนของเขา พลันถอนหายใจอย่างเงียบๆ

เธออยากจะบอกให้จ้านเซินปล่อยวาง ต่อให้จับตัวฉินซีกลับมา จุดจบก็ไม่ต่างกัน

แต่ ถังย่ารู้ดี ในเวลานี้ ไม่ว่าเธอจะว่าอย่างไร จ้านเซินก็ไม่มีทางยอม

เมื่อไร้หนทาง ถังย่าได้แต่นั่งอยู่เงียบๆ ที่เบาะข้างคนขับ

เธอรู้สึกเบื่อหน่าย มองออกไปนอกหน้าต่าง

“ปัง!”

เสียงที่ดังลั่น ทำให้ถังย่าตื่นตระหนก

เธอหันหน้าไปทางจ้านเซินเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ ก็ได้พบว่าสีหน้าของจ้านเซินนั้นดำทะมึนมากกว่าเก่า

เครื่องยนต์แล่นอยู่ดีๆ กลับยางระเบิดเสียได้

“ลงรถ”

จ้านเซินกล่าวอย่างโมโห น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยการข่มอารมณ์โกรธเอาไว้

ถังย่าเปิดประตูรถ ก่อนเดินตามลงไป

เมื่อเห็นยางรถที่บุ๋มลงไป ถังย่าไม่รู้ว่าควรที่จะพูดอะไร

เธอรู้สึกว่า ตอนนี้จ้านเซินต้องโมโหจนแทบคลั่งตาย

“อย่าใจร้อนไปเลย ฉันจะโทรหาซิวหน่ายซิงเดี๋ยวนี้”

เมื่อสักครู่ที่ออกเดินทาง ต่อให้ตายยังไงซิวหน่ายซิงก็ไม่ยอมขึ้นรถคันเดียวกับพวกเขา เพราะงั้นจึงไปกับจั่วยี

จ้านเซินยืนอยู่อีกด้าน ด้วยความโมโหที่แผ่ซ่านไปทั่ว

เขาขมวดคิ้วแน่น ไม่พูดอะไรสักคำ

ถังย่าหยิบโทรศัพท์ออกมา ต่อสายหาซิวหน่ายซิง “ตอนนี้แกรีบขับรถมาที่ฉันเร็วเข้า ฉันจะส่งโลเคชั่นให้”

ขณะคุยโทรศัพท์ สายตาของเขาแอบเหลือบไปอีกทาง

ทั้งคู่อยู่ห่างกันประมาณหนึ่งเมตร แต่ถังย่ายังคงรู้สึกถึงความมืดมนที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเขาได้อย่างชัดเจน ทำให้รู้สึกขาอ่อน

จ้านเซินในแบบนี้ทำให้เธอไม่รู้จะอยู่กับเขาอย่างไร

แต่ก่อนจ้านเซินเย็นชามาก แต่นิสัยของเขากลับใจเย็น

ถังย่าไม่เคยเห็นเขาโมโหเท่านี้มาก่อน เมื่อนึกขึ้นได้ว่าการที่จ้านเซินโมโหเป็นเพราะฉินซี เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าควรจะสงสารจ้านเซินหรือสงสารตนเองดี

เธอไตร่ตรองก่อนที่จะเดินเข้าไปที่จ้านเซิน “ซิวหน่ายซิงจะมาถึงในเร็วๆ นี้”

จ้านเซินยืนอยู่ที่เดิมอย่างไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลันพยักหน้า “อืม”

เขาจ้องจองล้อรถ กลั้นความโมโหที่อยู่ในใจ

ถังย่าจับมองเขาที่เป็นไข้ใจ ดวงตาดำขลับฉายแววความเจ็บปวด

เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าว “จ้านเซิน ในองค์กรก่อนหน้าก็เคยมีเคสเกี่ยวกับฉินซี ไม่อย่างั้นนาย…..”

ถังย่าลองเชิงเขา แต่ยังไม่ทันได้จบประโยค ก็ถูกจ้านเซินขัดขึ้นอย่างเย็นชา

“เธออยากจะพูดว่าอะไร?”

จ้านเซินจ้องมองเขานิ่ง ดวงตาเข้มแผดเผาด้วยความโกรธ

เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถังย่าจะบอกอะไร เพียงแต่เขาตั้งใจใช้วิธีนี้เพื่อหยุดคำพูดของเธอ

หากแต่ ถังย่าไม่อยากจะให้เขาอยู่ในความเจ็บปวดอีกต่อไป

เธอหลับตาลง สูดหายใจเข้า

ถังย่าลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอดูมีความกล้ากว่าเมื่อครู่ไม่น้อย

เธอจับจ้องดวงตาที่ล้ำลึกยากจะหยั่งถึงของจ้านเซิน พลันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “จ้านเซิน พอเถอะ”

ประโยคที่หลุดออก จ้านเซินรูม่านตาขยาย

“พอได้แล้ว!”

จ้านเซินคำราม ไม่อยากจะได้ยินอีก

แต่ถังย่ากลับตัดสินใจ ครั้งนี้ต่อให้เขาร่วงเกินจ้านเซิน เธอก็จะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาให้หมด ไม่เช่นนั้น เธอก็จะอัดอั้นตาย

“ฉินซีไม่ชอบนาย คนที่เธอรักคือลู่เซิ่น ต่อให้นายฆ่าลู่เซิ่นให้ตาย เธอก็ไม่มีวันชอบนาย จ้านเซิน นายตื่นเถอะ นาย…..”

ถังย่าเตือนสติด้วยความหวังดี เธอไม่หวังให้จ้านเซินมาชอบเธอตอบอีกแล้ว แต่เธอไม่ต้องการเห็นคนที่เธอรักทนทุกข์กับความรัก

เพราะถังย่าเป็นหนึ่งในนั้น เพราะงั้นเธอถึงเข้าใจดี รสชาติของความรักที่ไม่สมปรารถนานั้นทุกข์ทนขนาดไหน

เธอยอมที่จะให้จ้านเซินเป็นหุ่นยนต์ที่เย็นชา ไม่รักอะไรทั้งนั้น เป็นคนที่เห็นแก่ตัว ก็ไม่อยากที่จะเห็นเขาเป็นเช่นนี้

หากแต่ ไม่ทันจบคำของถังย่า ก็ถูกจ้านเซินขัดขึ้นเสียก่อน

ถังย่าเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ใบหน้าแดงก่ำ

เธอก้มหน้าลง จ้องมองมือหนาที่อยู่ตรงลำคอของเธอ ดวงตาอำพันประกายไปด้วยหยดน้ำตา

ถังย่าไม่คิดเลย จ้านเซินจะลงมือกับเธอเพียงเพราะประโยคเดียว

เขาคิดที่จะฆ่าเธอด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ?

ถังน่าเจ็บจี๊ดในใจ ใบหน้าที่งดงามเผยรอยยิ้มแห่งการเยาะเย้ยตนเอง “วันนี้ต่อให้ฉันตาย ฉันก็จะพูด จ้านเซิน เลิกฝันได้แล้ว นายไม่มีทางได้ฉินซีมาครอบครอง ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีทาง”

เธอกล่าวอย่างโมโห ด้วยความเกลียดชังเล็กน้อ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท