Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1507

ตอนที่ 1507

ฉินซีนึกย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่ไร้กังวลแต่อย่างใด ใบหน้าที่ขาวนวลเผยรอยยิ้มที่สดใส

เรื่องที่ฉินซีสัญญาเอาไว้เธอได้ทำตามสัญญาแล้ว นอกเสียจากช่วงที่เธอความจำเสื่อม เวลาที่เหลือ เธอจะลาพักกลับมาเยี่ยมปู่ในทุกๆปี

เธอจะไปเก็บยากับปู่ ไปจับปลาที่ลำธาร ทำยาด้วยกัน ทำอาหาร ผ่าฟืน ปลูกผัก อยู่กับคุณปู่เช่ เธอได้เรียนรู้ความรู้มากมายที่คนภายนอกไม่เป็น

ทุกครั้งที่ฉินซีมาที่นี่ ก็จะรู้สึกผ่อนคลายตัวเบาหวิวทุกครั้ง

ไร้การแก่งแย่งชิงดีของคนในเมือง พวกเขาใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เสมือนกับนกในป่าดง ที่อิสระ

ลู่เซิ่นจ้องมองใบหน้าด้านข้างที่อ่อนโยนของเธอ ฟังเสียงสดใสของเธอ ด้วยดวงตาประกายไออุ่น

ลูกกระเดือกที่เซ็กซี่เกลือกกลิ้งขึ้นลงไปมา เขาโน้มหน้าลงอย่างหักห้ามไม่ได้ หมุนหน้าของฉินซีกลับมา

ฉินซีไม่ทันตั้งตัว กำลังคิดที่จะถามลู่เซิ่นว่าจะทำอะไร หากแต่กลับถูกประกบริมฝีปากเสียก่อน

เธอจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ห่างเพียงคืบ ดวงตาอำพันฉายแววความตกใจ

ฉินซีไม่คิดเลย ว่าลู่เซิ่นจะเล่นเป็นโจรขโมย

ดวงตาของเธอเบิกกว้าง จับจ้องลู่เซิ่นนิ่ง ในหัวขาวโพลน

เสมือนกับว่ารู้สึกได้ถึงสายตาของเธอ ลู่เซิ่นจึงค่อยๆ ผละออก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “ตั้งใจหน่อยสิ”

เขาบีบนิ้วมือของฉินซีเบาๆ ทันใดนั้นหัวของเขาชาขึ้นมา

ความรู้สึกไฟฟ้าช็อต ไหลเวียนเข้าสู่เส้นเลือดของฉินซี

ฉินซีไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร ในห้องเงียบเสียเหลือเกิน เงียบจนเขาได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นโครม

เธอหลับตาลงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ตอบรับลู่เซิ่นอย่างใจสั่น

ไม่นาน ลู่เซิ่นถึงได้ค่อยๆ ผละออก

“ซู๊ด…..”

ฉินซีสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด เสมือนกับปลาที่ขาดอากาศหายใจ

หากช้าไปมากกว่านี้ เธอก็จะขาดอากาศหายใจตาย

เพราะจูบจึงขาดอากาศกายใจตาย เธอเป็นคนแรก

เมื่อนึกได้อย่างนั้น ใบหน้าของฉินซีแดงก่ำ

ลู่เซิ่นจ้องมองพวกแก้มที่แดงก่ำของเธอ ด้วยความรู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน

เขาเอื้อมมือออกไป แนบลงบนใบหน้าของฉินซี “ร้อนจังเลย”

ลู่เซิ่นกล่าวอย่างแผ่วเบา ด้วยน้ำเสียงแกมเย้าแหย่

ฉินซีพลันโมโหขึ้นมา เธอกล่าวอย่างกระฟัดกระเฟียด “อย่าแตะต้องฉัน!”

น้ำเสียงของเธอเสมือนกับลูกแมวน้อย วนเวียนอยู่ในหัวใจของลู่เซิ่น จนรู้สึกจั๊กจี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรั้งเธอเข้ามาในอ้อมก่อน

ลู่เซิ่นเป็นคนที่ถ้าหากมีความคิด ก็ต้องลงมือทำทันที

เขาไม่พูดมาก พลันจับหัวของเธอ กดเข้ากับอ้อมอกของเขา

ฉินซีถลึงตาโตด้วยความตกใจ รู้สึกว่าวันนี้ลู่เซิ่นจะมากเกินไปแล้ว

เธออยากจะผละออกด้วยความโกรธ เพื่อพิสูจน์ความเก่งกาจของเธอ

แต่กลับได้ยินน้ำเสียงที่เหนื่อยงอ่อนจากเหนือหัว “อย่าขยับ ฉินซี”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นอ่อนแรง ทำให้ฉินซีหัวใจตกวูบ

“ผมเหนื่อยจังเลย ขอผมกอดหน่อยนะ เพื่อชาร์จพลัง”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น หัวใจของฉินซีเต้นแรงกว่าเดิม

ลู่เซิ่นมองเธอเป็นอะไรกัน ที่ชาร์จแบตหรือ?

เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อนของลู่เซิ่น ฉินซีเกิดเจ็บปวดหัวใจ

เธอตบมือของลู่เซิ่นเบาๆ “นายปล่อยฉันก่อน”

ฉินซีกล่าวอย่างอ่อนโยน ในใจของเธอมีแผนการอื่น

ลู่เซิ่นคลายอ้อมกอดอย่างไร้หนทาง ฉินซีโอบกอดเขาเอาไว้ ให้เขาซับกับไหล่ของเธอ “เหนื่อยก็พักก่อนเถอะ ไม่เป็นไร มีฉันอยู่ ฉันจะปกป้องนายเอง”

เธอตบหลังจองลู่เซิ่นเบาๆ เสมือนกับปลอบใจเด็กน้อยด้วยความอดทน

สำหรับฉินซี ผู้ชายเองก็มีตอนที่เหนื่อยล้า พวกเขาไม่ใช่เหล็ก ไม่ใช่หุ่นยนต์ พวกเขาก็เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ

ผู้ชายเองก็ต้องการอ้อมกอดที่อ่อนโยน เพราะงั้นในตอนนี้เธอยินยอมที่จะมอบไหล่ของเธอ เพื่อให้ลู่เซิ่นได้พักพิง

ลู่เซิ่นนิ่งไป ทันใดนั้นขอบตาเกิดร้อนผ่าว

เขาโตมาขนาดนี้ เขาไม่เคยเสียน้ำตามาก่อน

ตอนที่บิดาลู่เซิ่นเสีย เขาคุกเข่าอยู่ที่โถง จับต้องที่ภาพขาวดำยังไงก็ร้องไม่ออก ไม่ใช่เพราะเขาไม่เสียใจ แต่เพราะต่อมน้ำตาของเขานั้นไม่ทำงาน ไม่ว่าจะบีบเคล้นอย่างไรก็ไหลไม่ออกแม้สักหยด

ตอนนั้น ทุกคนต่างบอกว่าลู่เซิ่นเลือดเย็น บอกว่าเขาไร้หัวใจ กับพ่อแม่ที่เลี้ยงดูยังทำแบบนี้ ใครที่อยู่กับเขา จะต้องไม่เป็นผลดี

หลังจากนั้น ญาติของเขาก็ไม่ไปมาหาสู่กับเขาอีก เพราะคิดว่าเขาเป็นคนนำพาสิ่งชั่วร้าย หรือแม้แต่มีคนคิดที่จะไล่เขาออกจากบ้าน

หากแต่ ตอนนี้ลู่เซิ่นกลับรู้สึกน้ำตาจะไหล

เพราะเขาอยู่กับฉินซี เขารู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

ลู่เซิ่นแหงนหน้าขึ้น จ้องมองฉินซีอยู่อย่างนั้น ด้วยความอัดอั้นตันใจ

ดวงตาที่ร้อนผ่าวของลู่เซิ่น จับจ้องฉินซีด้วยความรู้สึกที่ประหลาดออกไป

เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นอะไร?”

ฉินซีไม่รู้สึกว่าประโยคเมื่อสักครู่นั่นมีความหมายใดๆ ทำไมลู่เซิ่นถึงต้องจ้องมองเขาสายตาเช่นนั้น

เผชิญต่อคำถามที่เป็นห่วงเป็นใยของฉินซี ลู่เซิ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ไม่เป็นไร”

เขาพิงกับไหล่ของฉินซีเงียบๆ เขาได้กลิ่นดอกจัสมินอ่อนๆ แตะจมูก

กลิ่นหอมนั้น ช่างสดชื่นและสบาย ทำให้ลู่เซิ่นผ่อนคลาย

หลังจากที่ได้พบกับฉินซี นิสัยของลู่เซิ่นก็ดีขึ้นมาก

เขาในอดีต อารมณ์ร้อน โมโหง่าย

แต่ตอนนี้ กลับถูกฉินซีหล่อหลอมจนละลายทีละน้อย หนามอันแหลมคมในร่างค่อยๆ ถอดออก เปิดประตูหัวใจให้กับเธอ

ฉินซีรีบรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าลู่เซิ่นนั้นมีความผิดปกติ “อาเซิ่น อย่าคิดมากเลย ฉันไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ฉันมีความสามารถในการปกป้องตัวเอง ในเวลาเดียวกันก็ยังยื่นมือช่วยเหลือนายได้ด้วย ฉันไม่ต้องการให้คุณคิดว่าฉันเป็นนกขมิ้นที่อ่อนแอที่คอยวิตกกังวลว่าจะตกอยู่ในอันตราย”

เธอก้มหน้าลงมองใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา กล่าวของอ่อนโยน “ฉันอยากจะสู้ไปกับนาย ตอนนี้นายเหนื่อยคอยสนับสนุนนาย ผู้ชายของฉันไม่ต้องเข้มแข็งขนาดนั้นก็ได้ ไม่ต้องพยายามขนาดนั้น เพราะฉันรักนาย เพราะงั้นฉันยอมเสียสละทุกอย่างของฉัน”

พูดถึงตรงนี้ ฉินซีหยุดนิ่ง

ลู่เซิ่นไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เขาขัดคำของฉินซี ประกบริมฝีปากของเธออีกครั้ง

เขาต้องการบอกฉินซี ว่าไม่ต้องพูดอะไรอีก เขาเข้าใจ

ลู่เซิ่นไม่อยากเสียน้ำตาต่อหน้าฉินซี อย่างนั้นคงขายขี้หน้าแย่

แต่ประโยคของฉินซีช่างจริงใจ ทำให้เขาอดน้ำตาคลอไม่ได้

ฉินซีมุมานะที่จะกล่าวประโยคสุดท้ายให้จบให้ได้ พลันไม่แยแสการขัดขวางของเขา กล่าวต่อ “อาเซิ่น ความยุ่งเหยิงของฉันตลอดยี่สิบปีแรก ทุกวันได้แต่ทำตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย มีชีวิตเหมือนกับหุ่นเชิด ไร้จิตวิญญาณ”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท