Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1527

ตอนที่ 1527

จ้านเซินราวกับจะระเบิดออกมาทันที ควบคุมไม่ได้ นี่ทำให้ถังย่ากับเหยาจ้าวไม่รู้จะรับมือยังไง

มองจ้านเซินที่ท่าทางเสียสติอย่างนี้ จู่ๆถังย่าก็รู้สึกเสียใจ

เธอกังวลว่าจ้านเซินจะแบกรับการโจมตีเอาไว้ไม่ได้ แล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ถังย่าจึงรีบเดินเข้าไปหาเขา: “จ้านเซิน นาย……”

เธออยากจะปลอบใจเขา แต่ตอนที่มือของถังย่ายังไม่ได้สัมผัสตัวเขา จู่ๆจ้านเซินก็หยุดเอาไว้ด้วยเสียงพูดเบาๆ จ้านเซินยืนอยู่กับที่ สายตาคมกริบมองไปที่เธอ: “อย่ามาแตะฉัน!”

เขาถอยหลังไปเล็กน้อย รักษาระยะห่างกับถังย่า

ท่าทางที่ห่างเหินนั้น ทำให้ในใจของถังย่าทนไม่ได้

ถังย่าพยายามระงับความเจ็บปวดในใจเอาไว้ เสียงแหบพร่าพูดขึ้น: “จ้านเซิน นายอย่าเป็นอย่างนี้ รู้สึกตัวสักหน่อยเถอะ คนในองค์กรทั้งหมดยังรอนายอยู่นะ”

เธอรู้สึกเหมือนหัวใจของตนเองกำลังโดนฉีกเป็นชิ้นๆ ยอมให้คนเหยียบย่ำ

แต่ถังย่ายินยอมที่จะวางทุกอย่าง เพียงแค่จ้านเซินดีขึ้น

สายตาที่อึมครึมของจ้านเซินมองเธอ: “ถังย่า ฉันเคยบอกไปแล้วนะ เรื่องของฉันเธอไม่จำเป็นต้องยุ่ง”

พูดจบ เขาก็ทิ้งถังย่ากับเหยาจ้าวเอาไว้แล้วออกไปทันที

มองเขาที่ท่าทางเลอะเลือน ถังย่าอยากจะตามไปมาก

แต่ เหยาจ้าวกลับห้ามเธอเอาไว้

เหยาจ้าวคว้าข้อมือของเธอ ถอนหายใจ: “ไม่ต้องไปแล้ว ให้เขาสงบสติอารมณ์ตามลำพังเถอะ”

สถานการณ์ตอนนี้ ที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว

ถ้ายังพูดมากกว่านี้อีก ไม่แน่ว่าจะทำให้จ้านเซินเกิดปฏิกิริยาต่อต้านได้

ถังย่ายืนเหม่อลอยอยู่ที่เดิม มองด้านหลังของจ้านเซินที่ไม่หันกลับมา ในดวงตาสีอำพันปรากฏความเศร้าเสียใจ

จนกระทั่งร่างของจ้านเซินหายไปตรงมุมทางเดิน ถังย่าจึงค่อยๆดึงสายตากลับมา

เธอก้มหน้า กำลังมองปลายเท้า ไม่พูดไม่จา

มองร่างที่บอบบางของเธอ เหยาจ้าวเอ่ยปากอย่างค่อนข้างเป็นห่วง: “ถังย่า คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ในวันปกติ ถังย่ามักจะทำอะไรด้วยท่าทีคล่องแคล่วเฉียบขาดเสมอ ดูแล้วไม่มีความกังวล นี่เป็นครั้งแรกที่เหยาจ้าวเห็นเธอตื่นตระหนกเช่นนี้

เหยาจ้าวไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรัก แต่เขาก็มองออกว่าถังย่าชอบจ้านเซินด้วยใจจริง

แต่เขาไม่รู้ว่าควรปลอบใจถังย่ายังไง จึงจะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น

ถังย่าได้ยินเสียงของเขา ก็รู้สึกตัว

เธอส่ายหน้า ยิ้มบางๆ: “ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ”

ใบหน้าของถังย่าดูแล้วซีดเซียวขนาดนั้น ใต้ตาคล้ำๆแค่เห็นก็รู้แล้วว่าในช่วงนี้เพราะเรื่องของจ้านเซินกับฉินซีทำให้ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

เหยาจ้าวก็ไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงนี้ รู้สึกพูดไม่ออก

เห็นๆอยู่ว่าถังย่ายอดเยี่ยมขนาดนั้น ไม่ด้อยไปกว่าฉินซีสักนิดเลย

ทำไมจ้านเซินถึงต้องไปชอบฉินซีด้วย แล้วยังจะแยกฉินซีกับลู่เซิ่นออกจากกันอีก

ถ้าคนที่จ้านเซินชอบคือถังย่า ก็จะดีกับทุกฝ่ายไม่ใช่เหรอ

ถังย่าสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้

เธอจ้องมองไปที่เหยาจ้าว พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “เหยาจ้าว คุณบอกความจริงฉันมาเถอะ คุณไม่รู้ว่าฉินซีกับลู่เซิ่นอยู่ไหนจริงๆเหรอ? ระยะนี้ที่พวกเขาหนีไปได้ติดต่อกับคุณไหม?”

ถังย่าไม่ชอบอ้อมค้อม จึงถามอย่างตรงไปตรงมา

เธอจ้องเหยาจ้าวเขม็ง ดูท่าทางของเขา ถ้าเหยาจ้าวโกหก เธอจะรู้สึกได้ในทันที

เหยาจ้าวไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่รู้ร่องรอยของฉินซีกับลู่เซิ่นจริงๆ ครั้งนี้เขาไม่ได้โกหกเลย ดังนั้นจึงไม่ต้องปกปิดอยู่แล้ว ยิ่งไม่จำเป็นต้องขาดความมั่นใจด้วย

เขาสบเข้ากับดวงตาใสแจ๋วของถังย่าคู่นั้นด้วยความสงบ พูดขึ้น: “ผมไม่รู้เรื่อง พวกเขาไม่เคยติดต่อผมเลย”

คำตอบของเขา ทำให้ถังย่าขมวดคิ้ว

ถังย่ายังไม่ค่อยแน่ใจ มองเขาอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง: “คุณไม่รู้จริงๆเหรอ?”

ริมฝีปากแดงๆขยับเล็กน้อย เธอถามขึ้นอีกครั้ง

บนใบหน้าของเหยาจ้าวปรากฏความจำใจออกมา: “ผมยอมรับ แต่ก่อนความสัมพันธ์ของผมกับฉินซีดีมาก เธอก็เคยหวังว่าผมจะสามารถช่วยให้เธอหนีไปได้ แต่จ้านเซินจับตาดูหนาแน่นขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ฉินซี แม้กระทั่งผมเองก็ยังไม่สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการจับตาดูของจ้านเซินอยู่ตลอด เรื่องนี้คุณก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอ?”

ตอนนั้นเป็นเพราะถังย่ากล่าวหา บอกว่าเขามีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ คิดจะทรยศองค์กร ดังนั้นจ้านเซินจึงเพิ่มการระมัดระวังตัวจากเขา

ถังย่าเม้มปาก ไม่ได้พูดอะไร

เธอไม่ตอบ แสดงว่ายอมรับแล้ว

เหยาจ้าวก็ไม่ได้บังคับให้ตอบ พูดต่อ: “ดังนั้น ตอนที่ฉินซีขอร้องให้ผมช่วย ผมจึงปฏิเสธไปทันที ตอนนั้นฉินซีจึงอยู่ในองค์กรอย่างเงียบๆมาโดยตลอด เพราะเธอรู้ว่าไม่มีใครสามารถช่วยเธอได้ ภายหลัง เธอจึงเอาแต่หาโอกาส เดิมทีเธอบอกผมว่า เธอไม่ได้คิดจะออกไปจากองค์กรในทันที”

พูดถึงตรงนี้ เหยาจ้าวหยุดเล็กน้อย

คำพูดของเขา ทำให้ถังย่ายิ่งอยากรู้

ถังย่าจ้องไปที่เขา ใช้สายตาบ่งบอกให้เขาพูดต่อไป

เหยาจ้าวรู้ดีว่าเธอต้องอยากรู้ความลับที่อยู่ในนั้นแน่ๆ ก็เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าตนเองบริสุทธิ์ หลุดพ้นจากความน่าสงสัย จึงบอกความจริงเธอแต่ไม่ได้บอกทั้งหมด

“จริงๆแล้วฉินซีก็ลำบากใจ ด้านหนึ่งเธออยากอยู่กับลู่เซิ่น หลบหนีไปแสนไกล แต่อีกด้านหนึ่ง ก็รู้สึกผิดต่อองค์กร รู้สึกผิดต่อความคาดหวังที่จ้านเซินมีต่อเธอ สภาพจิตใจของเธอจึงย่ำแย่มาโดยตลอด ถึงจะได้รับการรักษา แต่ก็ยังไม่ถึงกับหายดี”

คำพูดของเขา ทำให้ในใจของถังย่าเต็มไปด้วยหลากหลายความรู้สึก

เธอถามขึ้นด้วยความสงสัย: “งั้นทำไมสุดท้ายแล้วฉินซียังเลือกที่จะหนีไป เป็นเพราะเธอคิดดีแล้วใช่ไหม?”

เผชิญหน้ากับคำถามของถังย่า เหยาจ้าวค่อยๆพูดขึ้น: “ไม่ใช่หรอก ครั้งนี้เดิมทีเธอคิดจะออกไปปฏิบัติภารกิจ เยี่ยมลู่เซิ่นแล้วก็จะกลับมา แต่กลับไม่คิดว่า คุณกับจ้านเซินจะวางกับดักเอาไว้ รอไปจับเธอ ดังนั้นเมื่อเธอโดนบีบบังคับอย่างเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องหนีไปกับลู่เซิ่นทันที”

ทำไมถังย่าถึงไม่ได้คาดคิดเลย ความจริงของเรื่องนี้เป็นอย่างนี้นี่เอง

มิน่าล่ะ เธอถึงเอาแต่รู้สึกว่าในนั้นต้องมีความลับอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ

เท่าที่ถังย่าเข้าใจฉินซี เธอคงจะไม่ใช่คนที่ไม่ใส่ใจเรื่องอย่างนี้

ตอนนี้ดูแล้ว การคาดเดาของเธอถูกต้องทั้งหมด

นึกถึงตรงนี้ ถังย่าจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ: “เฮ้อ……”

คิดๆแล้ว พวกเขาเอาแต่คิดว่าฉินซีทรยศองค์กรคิดจะหนีไป

แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า จ้านเซินกับพวกเขานั่นแหละที่ค่อยๆบีบบังคับให้ฉินซีเดินไปถึงทางตัน

ถังย่าก็ค่อนข้างเห็นใจฉินซี ความรู้สึกที่รักแต่ไม่ได้ครอบครองเธอเข้าใจดี

ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น บางทีจ้านเซินคงจะลงโทษอย่างเด็ดขาด แล้วปล่อยตัวไปทันที

แต่ เพราะจ้านเซินชอบฉินซี จึงไม่ยินยอมให้เธอจากไป

ตอนนี้ถังย่า ไม่รู้แล้วว่าควรพูดยังไงดี

วนเวียนอยู่ในใจของเธอ จู่ๆก็นึกถึงเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งได้

ถังย่ามองไปที่เขา ในดวงตาสีอำพันเปล่งประกาย ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง: “หมอเหยา คุณรู้สึกไหมว่า ช่วงนี้จ้านเซินแปลกไปมาก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท