Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1528

ตอนที่ 1528

แค่พูดออกไป เหยาจ้าวก็รู้แล้วว่าเธออยากพูดอะไร

เหยาจ้าวพยักหน้า: “จ้านเซินแปลกไปมากจริงๆ ผมอยากจะทำการตรวจเขาให้ครอบคลุม แต่ตอนนี้ในระยะนี้ เขาคงจะไม่เห็นด้วย”

ตอนนี้จ้านเซินไม่เชื่อใจเขา ความมุ่งมั่นของเขาแข็งแกร่ง ต่อให้เหยาจ้าวอยากจะบังคับให้เขาตรวจร่างกาย เขาก็คงปฏิเสธ ทำให้ดำเนินการตรวจต่อไปไม่ได้

พูดเรื่องนี้ ใบหน้าของถังย่ากับเหยาจ้าวก็ปรากฏความลำบากใจออกมาพร้อมกัน

พวกเขารู้นิสัยของจ้านเซินอย่างชัดเจน ถ้าเขาไม่อยากทำ ใครก็ฝืนใจเขาไม่ได้

ถังย่ากัดฟัน: “แต่จะปล่อยปละละเลยเขาต่อไปอย่างนี้ไม่ได้นะ!” เธอพูดขึ้นอย่างกระวนกระวาย บนใบหน้าสวยๆปรากฏความฉุนเฉียวออกมา

ถ้าวันไหนจ้านเซินเกิดเรื่องอะไรจริงๆ เธอควรจะทำยังไงดี?

ถังย่าไม่หวังให้ไปถึงขั้นนั้นจริงๆ ดังนั้นตอนนี้เธอจำเป็นต้องยืนขึ้นมาขัดขวาง

เห็นเธอค่อยๆลนลานขึ้นมา เหยาจ้าวจึงพูดอย่างจำใจ: “ถังย่า คุณอย่าเพิ่งรีบร้อน ใจเย็นหน่อย พวกเรามาหาวิธีด้วยกัน”

พูดจริงๆเขาก็หวังว่าเรื่องนี้จะมีบทสรุปที่ดี อย่างนี้ไม่เพียงแต่ฉินซีจะสามารถหนีออกไปจากองค์กรได้ เขาเองก็บรรลุความต้องการของตนเองอีกด้วย

ท่ามกลางเสียงปลอบโยนของเขาถังย่าค่อยๆใจเย็นลง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ: “คุณคิดว่าถ้าตามฉินซีกลับมา จ้านเซินจะดีขึ้นไหม?”

เธอลองถามดู ในหัวปรากฏวิธีการหนึ่งออกมา

ถังย่าคิดว่าถ้าตามฉินซีกลับมาได้จริงๆ แล้วให้เธอพูดโน้มน้าวจ้านเซิน บางทีจ้านเซินอาจจะยอมฟังก็ได้

แต่ว่า เธอไม่อยากใช้วิธีนี้สักเท่าไหร่

หลังจากเหยาจ้าวได้ฟังเธอพูดอย่างนี้ ก็ขมวดคิ้ว: “ถังย่า คุณพูดอย่างนี้หมายความว่าไง?”

ใบหน้าของเขาอึมครึมขึ้นมาทันที ในน้ำเสียงมีความไม่พอใจ

เหยาจ้าวรู้สึกว่าถังย่าสติเลอะเลือนไปแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าที่ฉินซีจะหนีไปได้ จะเป็นไปได้ยังไงที่จะยอมกลับมา

นอกจากว่าถังย่าจะส่งคนไปจับฉินซีกลับมาเอง แต่อย่างนั้นมีแต่จะทำให้ฉินซีไม่พอใจ

อยากให้ฉินซีนั่งคุยกับจ้านเซินอย่างใจเย็น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

แม้ฉินซีจะยินยอม แต่จ้านเซินก็คงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน

ถังย่ารู้สึกได้ว่าตนเองพูดผิดไปแล้ว จึงเม้มปาก: “ช่างเถอะ ฉันจะหาวิธีอื่นดูอีกที”

……

เรื่องภายในองค์กร ฉินซีกับลู่เซิ่นไม่รู้เรื่องด้วยอยู่แล้ว

กี่วันนี้ทั้งสองคนตกหลุมรักชีวิตในชนบทไปแล้ว ทุกๆวันตามคุณปู่เช่ไปปลูกผักด้วยกัน ไปจับปลาที่แม่น้ำ พัฒนาคุณภาพชีวิต

พวกเขาได้สูดอากาศที่สดชื่น ใช้ชีวิตอย่างอิสระ ไม่ถูกบังคับ แล้วก็ไม่ต้องแยกจากกันอีก

จู่ๆฉินซีก็เข้าใจแล้ว ทำไมคุณปู่เช่ถึงชอบใช้ชีวิตตามลำพังบนภูเขา

ช่วงเวลาสบายๆอิสรเสรี มักจะสั้นเสมอเลย

ตอนบ่าย ฉินซีกับลู่เซิ่นกำลังจับปลาอยู่ที่แม่น้ำ

จู่ๆมือถือของลู่เซิ่นก็สั่นขึ้นมา

“ตื้ดตื้ดตื้ด……”

เพื่อหลีกเลี่ยงเสียงที่ดังจนเกินไป ลู่เซิ่นจึงตั้งใจปรับมือถือเป็นระบบสั่นโดยเฉพาะ

ทั้งสองคนสบตากัน ลู่เซิ่นจึงรับสาย

“ฮัลโหล ลู่เซิ่น ของที่พวกนายต้องการ ฉันเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”

เสียงที่เบิกบานของโจวเอ้อลอยเข้ามา เขาไม่เคยเนรคุณกับความคาดหวังของลู่เซิ่นเลย

ตอนที่ลู่เซิ่นรับโทรศัพท์ ก็รู้สึกได้อยู่แล้ว

ดังนั้นคำพูดที่โจวเอ้อพูดออกมานี้ จึงไม่ประหลาดใจเลยสักนิด

ลู่เซิ่นพยักหน้า: “อื้ม”

เขาวางอุปกรณ์จับปลาในมือลง เดินขึ้นฝั่ง

โจวเอ้อไม่ได้ยินความผิดปกติในน้ำเสียงของเขา: “งั้นตอนนี้ให้ฉันส่งของไปให้นายเลยไหม? พวกนายอยู่ที่ไหน?”

เขาพูดอย่างรอไม่ไหว หวังว่าจะได้เจอลู่เซิ่นเร็วๆ

แต่ทว่า ลู่เซิ่นกลับยังไม่ให้เขามา: “นายเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนเกินไป เปลี่ยนคนดีกว่า”

เขาพูดเรียบๆ มองทิวทัศน์รอบด้าน จู่ๆก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์

เช่นเดียวกัน ฉินซีก็ไม่อยากจากที่นี่ไป

โจวเอ้อขมวดคิ้ว บนใบหน้าปรากฏความผิดหวังออกมา

เขาก็รู้ ถ้าเขาไปเอง คงเห็นได้ชัดเกินไปจริงๆ

ตามที่โจวเอ้อสืบมาก็รู้ว่า ช่วงนี้อารมณ์ของจ้านเซินฉุนเฉียว ตามหาตำแหน่งของลู่เซิ่นกับฉินซีไปทั่วทุกที่ เรียกได้ว่าใช้ทุกวิถีทางถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล

ถ้าตอนนี้เขาใช้ใบหน้าที่คุ้นเคยออกไปข้างนอก ต้องกลายเป็นเป้าหมายหลักของจ้านเซินแน่ๆ

นึกถึงตรงนี้ จู่ๆโจวเอ้อก็ชะงักเล็กน้อย

“ลู่เซิ่น ฉันสวมหน้ากากหนังคนที่นายให้ฉันได้นะ!”

โจวเอ้อเอ่ยปากด้วยความยินดี บนใบหน้าที่สุภาพเรียบร้อยปรากฏรอยยิ้มบางๆ

เขาเกือบจะลืมไปแล้ว ในมือของพวกเขายังมีของดีขนาดนี้อยู่อีกหนึ่งชิ้น

ลู่เซิ่นก็ไม่ได้นึกถึงจุดนี้ เห็นเขานึกขึ้นมาได้ แม้จะค่อนข้างกังวล แต่ก็ยังพยักหน้า: “ได้ งั้นนายมาได้เลย ตอนนี้ฉันอยู่ที่……”

เขาไม่ได้ขัดขวาง บอกตำแหน่งที่อยู่ให้เขารู้

“เราไปเจอกันที่ตีนเขา นายไม่ต้องขึ้นมา”

ที่นี่คดเคี้ยวเลี้ยวลด ถ้าวันนั้นไม่ได้ฉินซีเป็นคนนำทาง ต่อให้ลู่เซิ่นรู้ว่าคนอยู่บนภูเขาลูกนี้ ก็ไม่แน่ว่าจะขึ้นมาได้

ที่เขาด้านนี้มีภูเขามากมาย เพียงแค่คุณเดินผิดทางแยกเล็กน้อย งั้นจุดหมายปลายทางก็จะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้นลู่เซิ่นจึงไม่ให้เขาขึ้นมา

โจวเอ้อรู้สึกว่าอย่างนี้คงเร็วขึ้นหน่อย จึงตกลงอย่างรวดเร็ว: “อื้ม”

ทั้งสองคนนัดแนะเจอกันเรียบร้อยแล้ว โจวซิงที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงพูดขึ้นด้วยความอิจฉา: “พี่ ผมไปด้วยได้ไหม?”

ยังไงก็มีหน้ากากหนังคนสองอัน เพิ่มเขาอีกคนหนึ่งก็คงไม่โดนจับได้

ใบหน้าที่เคร่งขรึมของโจวเอ้อมองเขา: “ไม่ได้ นายต้องเป็นคนสั่งการอยู่ที่นี่”

เขาพูดขึ้นอย่างเย็นชา สายตาคมกริบ

โจวซิงไม่พอใจขึ้นมาทันที: “มีเหตุผลอะไรถึงให้ผมอยู่ที่นี่ ผมก็อยากเจอฉินซีกับลู่เซิ่นเหมือนกัน พี่พาผมไปด้วยเถอะ”

จู่ๆเขาก็เอาแต่ใจขึ้นมา ทำให้โจวเอ้อปวดหัวมาก

เดิมทีลู่เซิ่นเตรียมจะวางสายแล้ว แต่กลับได้ยินโจวเอ้อกับโจวซิงเถียงกันขึ้นมาอย่างฉับพลัน

เขาก็ไม่ได้หลบฉินซี ฉินซีจึงได้ยินเสียงจากในโทรศัพท์ ยิ้มบางๆแล้วพูดขึ้น: “อาเซิ่น ส่งมือถือมาให้ฉัน”

เธอรู้สึกว่าโจวซิงก็เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ที่ต้องการคนปลอบโยน

แต่พ่อหนุ่มพวกนี้ ไม่มีความคิดอย่างนั้นหรอก ทำได้เพียงใช้กำลังป่าเถื่อนมากำราบ จึงต้องพึ่งเธอแล้วแหละ

ลู่เซิ่นมองเธอ ส่งมือถือให้

หลังจากฉินซีรับมา ก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: “โจวเอ้อ คุณส่งมือถือให้โจวซิงหน่อย ฉันมีเรื่องต้องพูดกับเขา”

เธออยากคุยกับโจวซิงโดยตรง ไม่อยากให้โจวเอ้อพูดแทน

โจวเอ้อชะงักเล็กน้อย แล้วจึงพยักหน้า: “อื้ม”

เขาเปิดลำโพง แล้วส่งให้โจวซิง

โจวซิงเห็นมือถือส่งมาให้เขา ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มสดใส: “ฉินซี คุณจะคุยกับผม! มีเรื่องสำคัญที่อยากให้ผมทำใช่ไหม คุณสบายใจแล้วสั่งผมมาได้เลย ผมจะทำให้สำเร็จ”

เขาเหมือนกับเด็กน้อย อยากแสดงความสามารถของตนเองต่อหน้าผู้ใหญ่ โอ้อวดไปทั่วทุกที่

ตอนที่พูด เขายังไม่ลืมที่จะชำเลืองมองโจวเอ้ออีกด้วย ใครให้เขาเอาแต่ขัดขวางตนเองล่ะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท