Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1531

ตอนที่ 1531

เสียงของจั่วยีเบาลงเล็กน้อย ไม่ดุเหมือนเมื่อสักครู่

คุณปู่เช่สบตากับดวงตาสีเข้มคู่นั้นของเขา พูดเบาๆว่า “ฉันไม่เห็น ฉันอาศัยอยู่ในป่านี้มาหลายปีแล้ว อยู่คนเดียวมาโดยตลอด บนภูเขานี้มีทางแยกที่คดเคี้ยวมากมายแม้ว่าพวกเขาจะขึ้นมาบนภูเขาแต่ก็ไม่เสมอไปที่จะมาที่ฉัน ถ้าพวกคุณไม่เชื่อ ก็สามารถตรวจค้นได้ตามสบายเลย”

คุณปู่เช่ระวังตัวและเตรียมพร้อมสำหรับวันนี้มาโดยตลอด ดังนั้นทุกครั้งเขาก็จะเก็บข้าวของที่เกี่ยวข้องกับฉินซีและลู่เซิ่นให้เรียบร้อย เพื่อหลีกเลี่ยงถ้ามีคนค้นพบที่นี่ขึ้นมา

ความกังวลของเขา ในที่สุดวันนี้ก็ได้เป็นประโยชน์แล้ว

จั่วยีมองสีหน้าที่เฉยเมยของเขา รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ

เขาคิดว่าสีหน้าเช่นนี้ของคุณปู่เช่ดูไม่เสแสร้ง เขาใจเย็นมาก

ถ้าฉินซีกับลู่เซิ่นอยู่ที่นี่จริงๆ เขาจะใจเย็นเช่นนี้ได้อย่างไร

จั่วเอ้อกล่าวอย่างใจร้อน “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วจะรออะไรอีก พี่ชาย พวกเรารีบนำคนไปตามหาเถอะ ไปช้าฉินซีกับลู่เซิ่นรู้ตัว หนีไปจะทำอย่างไร?”

ถ้าให้จ้านเซินรู้ ก็จะโดยตำหนิ ก็อย่าหวังจะได้อยู่เป็นสุขเลย

ช่วงนี้จ้านเซินอารมณ์ไม่ดี ต่อให้เป็นจั่วยีจั่วเอ้อก็ต้องคอยระวังและพิถีพิถัน เพราะเกรงว่าจะทำให้จ้านเซินไม่พอใจ

จั่วยีเห็นด้วยกับเขา จึงพยักหน้า “อืม”

เขาหันหลัง มองลูกน้องที่อยู่ด้านหลัง “พวกคุณแยกย้าย ตรวจค้นทุกห้องหนึ่งรอบ”

จั่วยีออกคำสั่งอย่างเคร่งขรึม

“ครับ”

ทุกคนตอบรับพร้อมกัน หันหลังแล้วแยกย้าย

จั่วเอ้อพูดขึ้นว่า “พี่ชาย ฉันจะออกไปดูด้านนอก พี่รออยู่ที่นี่เถอะ”

ที่คุณปู่เช่ก็ต้องมีคนเฝ้าอยู่ เพื่อปกกันไม่ให้เขาแอบออกไปส่งข่าวให้ฉินซีกับลู่เซิ่น

“อืม ไปเถอะ ถ้ามีอะไร ก็รีบติดต่อหาฉันทันที”

จั่วยีเน้นย้ำสองสามคำด้วยความกังวล มองตามหลังจั่วเอ้อออกไป

ตั้งแต่ต้นจนจบคุณปู่เช่ก็อยู่ในครัวอย่างสงบ

เขาดูมีความสุขใจและร่าเริง นั่งบนม้านั่งเล็กๆ กวนน้ำซุปในหม้อ

จั่วยีรู้สึกว่าสีหน้าแบบนี้ของเขา มันแปลกๆ แต่บอกไม่ถูกว่ามันแปลกยังไง

เขามองสิ่งดำๆในหม้อ ถามด้วยความสงสัย “ชายชรา คุณต้มอะไรในนั้น?”

ปฏิกิริยาของจั่วยีเป็นกันเอง คุณปู่เช่ตอบเบาๆว่า “อาหารกลางวัน”

เขาไม่อยากสนใจจั่วยีเลย เมื่อคิดถึงความทุกข์ที่ฉินซีได้รับ คุณปู่เช่รู้สึกโกรธมาก

จั่วยีขมวดคิ้ว “สิ่งนี้กินได้หรอ?”

ใบหน้าของเขาแสดงความรังเกียจออกมา มองสีแล้วรู้สึกไม่น่ากินเลย

หลังจากที่คุณปู่เช่เห็นปฏิกิริยาของเขา กล่าวอย่างเย็นชา “เหอๆ คนในเมืองอย่างพวกคุณที่มีทั้งอาหารป่าและอาหารทะเลอันโอชะทั้งวัน จะรู้ความทุกข์ของพวกเราคนธรรมดาได้อย่างไร แค่มีกินก็ถือว่าดีมากแล้ว ยังจะมาจู้จี้จุกจิก”

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยการเสียดสี ทำให้จั่วยีรู้สึกอึดอัดมาก

นี่มันยุคไหนแล้ว ชายชราที่อยู่ตรงหน้า ยังใช้คำพูดเช่นนี้ของคนในเมือง

เขาไม่ได้ลงจากภูเขานานแค่ไหนแล้ว จนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอก

จั่วยีดูออกว่าคุณปู่เช่ไม่อยากสนใจเขา ดังนั้นจึงตัดสินใจอยู่อย่างเงียบๆ

เขาก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ เดินเล่นรอบๆห้องครัว

จั่วยีมั่นใจมาก หันหลังให้คุณปู่เช่ ไม่กังวลเลยแม้แต่นิดเดียวว่าเขาจะลอบโจมตี

ในสายตาของจั่วยี เขาก็เป็นแค่ชายชราที่อ่อนแอไม่มีแรง ให้ความกล้าเขามากแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าลงมือ

……..

ฉินซีกับลู่เซิ่นไปถึงกระท่อมด้านหลังอย่างเงียบๆ

ฉินซีมองเห็นไกลๆ มีเงาดำหลายคนกำลังตามหาอยู่

แม้ว่าจะอยู่ไกลมาก แต่ฉินซีก็มองออก คนพวกนั้นถูกส่งมาจากองค์กร รูปลักษณ์และท่าทางของพวกเขา ฉินซีรู้จัก

จู่ๆฉินซีก็รู้สึกเลือดพุ่งขึ้นมาจ้านเซินโหดเหี้ยมจริงๆ เธอหนีมาถึงที่นี่ จ้านเซินก็ยังไม่ยอมปล่อยเธอไปอีก

“เดินทางนี้”

ลู่เซิ่นจับข้อมือเธออย่างแน่น กระซิบเบาๆ

เขาไม่กล้าประมาทเลยแม้แต่นิดเดียว เกรงว่าถ้าปล่อยมือ ฉินซีอาจจะวิ่งออกไป

ไม่ใช่เวลามาประมาท สิ่งที่สำคัญคือต้องรู้ว่าข้างในมีสถานการณ์เป็นอย่างไร

ฉินซีระงับความโกรธไว้ในใจ เดินตามหลังเขาอย่างเชื่อฟัง

ทั้งสองก้มลงเดินไปข้างหน้า อ้อมไปด้านหลังห้องครัว

ฉินซีเงยหน้าขึ้น เห็นด้านหลังของจั่วยี

ทั้งสองอยู่ในองค์กรมาหลายปี แม้ว่าจะเป็นเพียงด้านหลัง ฉินซีก็จำได้

ตามมาด้วย เธอเห็นคุณปู่เช่กำลังนั่งอยู่หน้าเตาที่อยู่ข้างๆ ต้มยาที่พวกเขาดื่มเป็นประจำ ด้วยสีหน้าที่นิ่งมาก

ลู่เซิ่นกับฉินซีอยู่ในจุดบอดพอดี ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนข้างนอกหาเห็นพวกเขา แต่พวกเขามองเห็นข้างใน

นี่เป็นสิ่งที่ลู่เซิ่นเตรียมไว้เพื่อป้องกันเวลาที่คนของจ้านเซินมาตามหา ดังนั้นจึงได้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว

ลู่เซิ่นเห็นคุณปู่เช่มีปฏิกิริยาที่สบาย สุขใจและร่าเริงจึงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก “ฉินซี คุณดูสิคุณปู่เช่สบายดี ตอนนี้จั่วยีพวกเขาน่าจะยังไม่พบร่องรอยของพวกเรา พวกเราแอบอยู่ที่นี่ก่อน ไม่ออกไปเป็นวิธีการทำให้คุณปู่เช่ปลอดภัยที่สุด”

ถ้าจั่วยีกับจั่วเอ้อหาพวกเขาไม่เจอ ก็จะจากไปเอง

อย่างไรก็ตาม ถ้าพวกเขารีบร้อนออกไป อาจจะทำให้จั่วยีจับตัวคุณปู่เช่ไว้ เป็นตัวประกันข่มขู่พวกเขา เมื่อถึงเวลานั้นสถานการณ์ก็จะยุ่งยากขึ้น

ลู่เซิ่นไม่อยากให้สถานการณ์นี้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงพยายามเกลี้ยกล่อมฉินซีให้ใจเย็นลง

หลังจากที่ฉินซีเห็นคุณปู่เช่ปลอดภัยดี ใจที่ปั่นป่วนก็เริ่มสงบลงมาก

เธอพยักหน้าอย่างจริงจัง “อืม”

ตอนนี้ฉินซีหวังว่าเรื่องนี้จะผ่านไปเร็วๆ รอหลังจากที่จั่วยีกลับไป พวกเขาจะรีบบอกลาคุณปู่เช่ จะไม่ทำให้คุณปู่ต้องเดือดร้อนอีก

หลังจากไม่กี่นาที ลูกน้องที่จั่วยีส่งออกไปก็กลับมาอย่างเร่งรีบ

พวกเขาสีหน้าเย็นชา เหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีความรู้สึก

ฉินซีก็คุ้นเคยกับสีหน้าของพวกเขามานานแล้ว แต่คุณปู่เช่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

“รายงาน พวกเราได้ค้นหาทุกห้องแล้ว แต่ไม่พบอะไรเลย”

ชายชุดดำคนหนึ่งเปิดปากพูด จั่วยีขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึมปรากฏขึ้น

จั่วยีหันมาจ้องเขา “ไม่พบอะไรเลย?”

เขากัดฟันถามด้วยความแค้น รู้สึกเหลือเชื่อ

ตามที่เขาคิดไว้ ฉินซีกับลู่เซิ่นทิ้งรถแล้วหนีไป ต้องไปได้ไม่ไกลแน่นอน

ต้องอยู่บนภูเขาแห่งนี้สิ ตอนนี้พวกเขาได้ปิดภูเขาแห่งนี้ทุกทางแล้ว ห้ามสิ่งมีชีวิตเข้าออก ไม่น่าจะหาไม่เจอ

ถ้าฉินซีไม่อยู่ที่นี่ แล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?

ภูเขาหลายลูกเรียงกันในบริเวณใกล้เคียง ก็ต้องค้นหาทีละแห่ง จั่วยีฉันรู้สึกปวดขมับ ความมืดอยู่ตรงหน้า

พวกเขาคงไม่ได้มาหาผิดที่นะ

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท