Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1536

ตอนที่ 1536

ฉินซีกังวลใจ ไม่รู้ว่าโจวเอ้อไปเจอกับจั่วยีกับจั่วเอ้อหรือเปล่า

“น่าจะถึงแล้ว เมื่อสักครู่เขาส่งข้อความให้ฉันแล้ว”

ลู่เซิ่นก็กังวลใจเล็กน้อย แต่ความกังวลบนใบหน้าของพวกเขาก็หายไป

ฉินซีได้ยินเสียงแหวกหญ้าเบาบางรอบหู หันกลับไปดู มีคนหนึ่งออกมาจากพุ่มหญ้า

ฉินซีตกใจ รีบจับมือลู่เซิ่นแล้วทำท่าป้องกัน

“ใคร!”

ฉินซีตะโกนสุดเสียง ชักอาวุธออกมา

กริชคมหนึ่งเล่ม เสียบไปโดยตรง

โจวเอ้อหรี่ตามอง หันหัวเพื่อหลบ

กริชแทงลึกเข้าไปในลำต้น ใบไม้ร่วงลง

โจวเอ้อมองดูฉากนี้ด้วยความสยอง ตบหน้าอกซ้ำๆ “ฉินซี คุณจะฆ่าฉันแล้วหรอ?ฉันคือโจวเอ้อไง”

เขาพูดด้วยความตื่นตระหนก เปิดเผยตัวตน กลัวว่าฉินซีจะลงมืออีกครั้ง เช่นนั้นเขาอาจจะรักษาชีวิตน้อยๆไม่ได้แล้ว

ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ฉินซีตะลึงกะทันหัน

“โจวเอ้อ”

เธอมองไปที่ใบหน้าแปลกๆนั้น เกิดความสงสัยในใจเล็กน้อย

ทันใดนั้นฉินซีก็นึกขึ้นได้ว่า วันนี้โจวเอ้อบอกว่าจะปลอมตัวแล้วพาคนมา เช่นนี้ก็จะไม่ถูกสังเกตเห็น

เพราะเรื่องของคุณปู่เช่ เธอก็เลยลืมไป

โจวเอ้อดึงกริชบนต้นไม้ลงมา ด้วยความยากลำบาก

แรงแขนของฉินซีเยอะมาก สามารถแทงกริชเข้าไปได้ลึกมาก ถ้าแทงบนร่างคนจริงๆ ก็คงจะตายทันที

นึกถึงตรงนี้ โจวเอ้อตัวสั่นกะทันหัน

ภาพนั้นเสียวเกินไป เขาไม่กล้าดู

โจวเอ้อถือกริช เดินมาตรงหน้าเธอ คืนกริชให้กับฉินซี “ใช่ ฉันเอง”

รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา “พวกคุณสองคนปลอดภัยดีนะ ฉันกำลังคิดว่าจะขึ้นไปหาพวกคุณ”

โจวเอ้อมองทั้งสองอย่างกังวลใจ แล้วพูดช้าๆ

“ปลอดภัยดี”

ลู่เซิ่นส่ายหัว “ทำไมคุณถึงหลบอยู่ในนี้?”

เขาถามด้วยความสงสัย โจวเอ้อขมวดคิ้ว “เมื่อสักครู่ตอนที่ฉันรอพวกคุณที่เชิงเขา ทันใดนั้นได้ยินเสียงรอยเท้า หลังจากนั้นฉันก็เห็นจั่วยีกับจั่วเอ้อพาคนขององค์กรขึ้นไปบนภูเขา เพื่อหลีกเลี่ยงพวกเขาฉันจึงซ่อนตัวไว้”

โจวเอ้อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ให้พวกเขาฟังอย่างละเอียด

“จั่วยีเจอพวกคุณหรือไม่? ฉันเห็นพวกเขาลงมาอย่างโกรธเคือง ยังเตรียมจะขึ้นไปหาพวกคุณแล้ว”

โจวเอ้อกะพริบตาแล้วถาม ตอนที่เขาเห็นจั่วยีรู้สึกไม่ดีในปฏิกิริยาแรก

แต่ว่า หลังงจากนั้นเห็นจั่วยีกับจั่วเอ้อกลับมาคนเดียว ข้างกายไม่มีฉินซีกับลู่เซิ่น จึงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

โจวเอ้อคิดว่า ด้วยสีหน้าของจั่วยีกับจั่วเอ้อน่าจะหาฉินซีไม่เจอ ไม่เช่นนั้นตอนลงจากภูเขา ก็น่าจะเอาตัวพวกเขาลงมาด้วยแล้ว

ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รีบร้อนขึ้นไป คิดว่ารออีกสักพัก

ฉินซีส่ายหัว “ไม่เจอ”

ลู่เซิ่นมองไปรอบๆ พูดเบาๆว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุยกัน พวกเราควรออกไปจากที่นี่ก่อน”

ขณะพูด เขาก็จับข้อมือของฉินซี

โจวเอ้อเดินตาม หลังจากนั้นก็หามุมที่หลบภัย

ลู่เซิ่นมองไปที่โจวเอ้อ “ของที่ให้คุณเตรียม เอามาหมดหรือยัง?”

โจวเอ้อพยักหน้า “ทั้งหมดอยู่ในรถ”

สภาพถนนที่นี่แย่มาก ดังนั้นโจวเอ้อจึงไม่ได้ขับรถขึ้นมาด้วย

และถ้าขับรถมา เป้าหมายใหญ่เกินไป โจวเอ้อกลัวว่าจะถูกจ้านเซินหาเจอ

“พาพวกเราไปสิ”

ทั้งสามคนเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

ลู่เซิ่นกับฉินซีนั่งเข้าไปในรถ มองโจวเอ้อที่ยืนอยู่ข้างๆ “คุณไม่ขึ้นรถหรอ?”

โจวเอ้อมองทั้งสองคนด้วยความอาลัยอาวรณ์ “ฉันไม่ขึ้นไป พวกคุณขับรถไปได้เลย ฉันจะนั่งรถคันอื่นกลับ”

ถึงแม้เขาก็ไม่อยากให้ฉินซีกับลู่เซิ่นจากไป แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ

“ตกลง”

ลู่เซิ่นมองเขา เข้าใจความหมายของเขาแล้ว

เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก “เรื่องที่เมืองไห่ ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณกับโจวซิงแล้ว”

ลู่เซิ่นกล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“อืม คุณไม่ต้องกังวล ฉันกับโจวซิงจะจัดการให้ดีที่สุด พวกเราจะรอคุณกับฉินซีกลับมา”

โจวเอ้อกล่าวด้วยเสียงแหบ “พวกคุณรีบไปเถอะ ดูแลตัวเองด้วย!”

หลังจากนั้นเขาจับมือลู่เซิ่นมิตรภาพที่ลึกซึ้งระหว่างทั้งสองไม่ต้องพูดก็เข้าใจกัน

“ดูแลตัวเองด้วย”

ปากแดงๆของฉินซีกขยับเบาๆ รู้สึกประทับใจมาก

รถขับไปอย่างรวดเร็วบนถนน

ไม่นานก็หายไปจากตรงทุ่งนา โจวเอ้อยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ยืนเฝ้ามองรถหายไปจากสายตา จากนั้นจึงค่อยๆถอนสายตาออก เดินไปตามทางที่มา

……..

ฐาน

ในห้องหนังสือ จ้านเซินมองจั่วยีกับจั่วเอ้อที่ยืนอยู่ตรงหน้า ความโกรธหมุนวนอยู่ในใจ “ไร้ค่า!”

เขาหยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมา โยนออกไปโดยตรง

กระดาษลอยอยู่ในอากาศ ค่อยๆตกลงสู่พื้น

จั่วยีกับจั่วเอ้อยืนเคียงข้างกัน ยืนตัวสั่น

ทั้งสองก้มหน้าลง ไม่กล้าสบสายตาจ้านเซิน “ขอโทษ หัวหน้า”

มองหน้าตาโง่ๆของพวกเขา จ้านเซินโกรธเคืองมาก “พวกคุณบอกฉันว่า ฉินซีกับลู่เซิ่นซ่อนตัวอยู่บนภูเขานั่นไม่ใช่หรอ แล้วทำไมตอนนี้ไม่พบแม้แต่เงา พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่!”

เขาลุกขึ้นอย่างโกรธเคือง เดินไปตรงหน้าจั่วยีกับจั่วเอ้อ

จ้านเซินค่อยๆใกล้เข้ามา ทันใดนั้นจั่วยีกับจั่วเอ้อก็ตกใจมาก

ช่วงนี้อารมณ์ของจ้านเซินแย่มาก ทุกคนขดตัวกลัว ไม่กล้ายั่วโมโห

อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้จั่วยีกับจั่วเอ้อออกคำสั่งทหาร กล่าวว่าจะต้องหาฉินซีกับลู่เซิ่นเจอแน่นอน เกือบนำคนกว่าครึ่งองค์กรไปปิดทางเข้าออกของภูเขาทันที ค้นหาตามลำดับ

จ้านเซินตั้งความหวังไว้ที่จั่วยีกับจั่วเอ้อแต่พวกเขาใช้กำลังคนและทรัพยากรจำนวนมาก สุดท้ายกลับไม่เจออะไรเลย ทำให้จ้านเซินโกรธมาก

ตอนนี้ยิ่งเขามองสองคนนี้ ก็ยิ่งรู้สึกไม่เป็นที่พอใจ

ซื่อสัตย์และซื่อตรงอะไร พูดให้ไม่น่าฟัง ก็คือโง่ ไม่มีสมอง ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีร่องรอยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

“พูด!”

จ้านเซินชี้ไปที่ทั้งสองอย่างโกรธเคือง ตะโกนสุดเสียง “พวกแกคิดว่าเงียบแล้วไม่พูดอะไร เรื่องนี้ก็จะผ่านไปหรอ?”

เขาจ้องทั้งสองคน ดวงตาสีเข้มระเบิดแสงที่คมชัดออกมา

จั่วยีกับจั่วเอ้อไม่กล้าตอบ เพียงก้มหัวลงต่ำๆ

“หัวหน้า เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าท่านจะลงโทษ ก็ลงโทษฉัน ฉันยินดีรับผิด”

จั่วยีก้าวออกมาแล้วกล่าว ไม่อยากให้จั่วเอ้อเดือดร้อนไปด้วย

จั่วเอ้อเห็นพี่ชายรับผิด ก็ตื่นตกใจ “หัวหน้า นี่คือความคิดของฉัน ไม่เกี่ยวกับพี่ชาย”

เห็นทั้งสองกำลังแย่งกันรับโทษ ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้จ้านเซินใจอ่อน แต่ยิ่งทำให้เขาโมโหมากขึ้น

“พอได้แล้ว!”

สิ่งที่จ้านเซินไม่อยากเห็นที่สุดก็คือปฏิกิริยาที่พวกเขาเห็นอกเห็นใจกัน

ดูเหมือนว่ากฎเกณฑ์ในองค์กร พวกเขาได้ลืมไปหมดแล้ว

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะช่วยเตือนความจำให้กับจั่วยีกับจั่วเอ้อหน่อย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท