Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1537

ตอนที่ 1537

ใบหน้าที่หล่อเหลาของจ้านเซินซ่อนความโกรธที่ไม่อาจต้านทานได้ “ดี ในเมื่อพวกคุณยินดีที่จะรับโทษเช่นนั้นก็ลงโทษพวกคุณโดยไปสำนึกผิดที่ห้องขัง คัดลอกคำสั่งสอนขององค์กรหนึ่งร้อยจบ คัดลอกเสร็จเมื่อไหร่ ก็ออกมาเมื่อนั้น”

ทันทีที่คำกล่าวนี้ออกมา จั่วยีกับจั่วเอ้อโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด

“ครับ หัวหน้า”

จั่วยีจั่วเอ้อพูดพร้อมกัน

จ้านเซินตะโกนอย่างโกรธเคือง “ยังไม่รีบไสหัวไป!”

เขาจ้องมองทั้งสองคน จั่วยีจั่วเอ้อรีบไสหัวออกไปอย่างรวดเร็ว

…….

ขึ้นรถ

ฉินซีนั่งอยู่เบาะข้างคนขับ เปิดกระเป๋าใบเล็กที่โจวเอ้อเตรียมไว้

ในกระเป๋ามีอุปกรณ์ฉุกเฉินแผนที่เข็มทิศเป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นในการหลบหนี

มองดูสิ่งของภายในที่มีค่ามากมาย ฉินซีต้องถอนหายใจโจวเอ้อรอบคอบกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก

ฉินซีเปิดแผนที่ออก ขมวดคิ้ว กำลังคิด

ตอนที่ฉินซีกับลู่เซิ่นอยู่บนภูเขา ก็เริ่มวางแผนเส้นทางหลบหนีของทั้งสอง

ลู่เซิ่นเห็นเธอก้มหน้าเงียบ ดังนั้นจึงถาม “เป็นอะไรไป?มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

เขาขับรถไปด้วย และสังเกตปฏิกิริยาของฉินซีไปด้วย

ฉินซีเม้มปาก “ฉันกำลังคิดว่า เราควรใช้เส้นทางไหนดี?”

สิ่งที่พวกเขาต้องทำในตอนนี้คือค้นหาเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด แล้วเดินไปข้างหน้า

เส้นทางนี้ดีที่สุดคือเส้นทางที่สามารถหลีกเลี่ยงจ้านเซิน เช่นนี้ทั้งสองคนก็จะได้คลายกังวลได้มาก

ตามที่ฉินซีรู้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาองค์กรพยายามขยายขอบเขตอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ตอนนี้ตัวของจ้านเซินจะอยู่ในองค์กร แต่เส้นสายของเขามีอยู่ทุกที่ ถ้าจ้านเซินประกาศตามหาเธอกับลู่เซิ่น และเผยแพร่ภาพถ่ายของทั้งสองคนออกไป ถ้าอาศัยเส้นสายเหล่านี้มาตามหา เช่นนั้นก็จะเดือดร้อนมาก

ฉินซีบอกความกังวลในใจให้กับลู่เซิ่นหลังจากที่ลู่เซิ่นฟังแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย

มองรอยยิ้มของลู่เซิ่นที่คลุมเครือ ฉินซีขมวดคิ้ว ถามอย่างไม่เข้าใจ “อาเซิ่น คุณกำลังยิ้มอะไร?”

ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาล้อเล่นนะ ฉินซีมองหน้าตาแบบนี้ของเขา โกรธเล็กน้อย

เผชิญหน้ากับคำถามของฉินซีลู่เซิ่นมองเธออย่างหลงใหล “ฉินซี คุณลืมไปแล้วใช่ไหมว่าพวกเรามีหน้ากากหนังคนอยู่ในมือ”

เขาพูดเสียงต่ำเตือน

ฉินซีรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลันรอยยิ้มร่าเริงปรากฏขึ้นบนใบหน้า

มิน่าล่ะเมื่อสักครู่ลู่เซิ่นทำหน้าเหมือนผู้ชนะ ที่แท้ก็เตรียมทุกอย่างไว้อย่างดีแล้ว

ลู่เซิ่นพูดว่า “ตอนนี้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น เพียงแค่เลือกเส้นทางที่คุณอยากไปก็พอ แม้ว่าตอนนี้พวกเรากำลังหลบหนี แต่ก็มีเวลาว่างเยอะแยะ สามารถไปได้ทุกที่”

อย่างไรก็ตามถ้าพวกเขาใส่หน้ากากหนังคนเดินอยู่ข้างนอก ลูกน้องของจ้านเซินก็ดูไม่ออกอยู่ดี

หน้ากากหนังคนที่ลู่เซิ่นทำ แม้แต่ฉินซีกับโจวเอ้อก็ยังแยกแยะไม่ออก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเส้นสายที่ไม่เคยเห็นตัวจริงเลย

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้ว ฉินซีรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

ความสุขเกิดขึ้นได้เองฉินซีรู้สึกว่าการที่ได้อยู่กับลู่เซิ่นเป็นความโชคดีสุดๆ

เดิมทีเธอคิดว่าเส้นทางนี้คงจะยากลำบากมาก แต่ลู่เซิ่นได้เตรียมทุกอย่างมาก่อนแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเลย

“ค่ะ”

ฉินซีพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ใบหน้าเนียนๆปรากฏรอยยิ้มที่สดใส

ตอนที่เธอเปิดแผนที่ออกอีกครั้ง อารมณ์ของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก

ฉินซีฮัมเพลงในอารมณ์ที่มีความสุขมองแผนที่อย่างสบายใจ

สีหน้านั้นดูไม่เหมือนทั้งสองคนกำลังอยู่ในช่วงหลบหนีเลย แต่เป็นการวางแผนจะท่องเที่ยวอย่างไร

ลู่เซิ่นขับไปได้ครึ่งทาง ก็จอดรถที่ข้างทาง “ข้างหน้าเป็นย่านใจกลางเมืองแล้ว พวกเราใส่หน้ากากกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

ข้างนอกคนเยอะมากเปลี่ยนลุคกันเถอะ จะปลอดภัยกว่า

ฉินซีพยักหน้า “ตกลง”

เธอรู้ว่าลู่เซิ่นไม่ทำร้ายตัวเองแน่นอน ดังนั้นเปิดกระเป๋าด้วยความไว้ใจ หยิบกล่องไม้สีดำออกมาแล้วหยิบหน้ากากหนังคนที่ล้ำค่าออกมาจากกล่อง

ตอนที่ฉินซีเห็นหน้ากากหลังคนอีกครั้ง ก็ตกตะลึงมาก ครั้งนี้ลู่เซิ่นทำได้เนียนกว่า ความหนาก็บางกว่าเดิม ใสเหมือนปีกจักจั่น

ฉินซีหยิบหน้ากากหนังคนขึ้นมาอย่างระมัดระวัง กลั้นลมหายใจ กลัวว่าเล็บมือจะไปข่วนโดนแล้วทำให้ขาด

มองดูท่าทางที่ระมัดระวังของเธอ มุมปากของลู่เซิ่นยกขึ้นเล็กน้อย

หน้ากากหนังคนติดบนผิวของฉินซีฉินซีรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้ใส่หน้ากาก ไม่มีความรู้สึกหนักหน่วงเหมือนหน้ากากธรรมดาทั่วไปเลย

กลับให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อใส่ทำให้เธอรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาก

ดวงตาของฉินซีเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจรูม่านตาหรี่ลง เธอเอียงหัวมองไปทางลู่เซิ่น ถามอย่างตะลึง “ทำไมตอนที่ฉันใส่ จะรู้สึกเหมือนมีน้ำเย็นๆมากระทบหน้า?”

ฉินซีไม่เคยใส่หน้ากากหนังคน สัมผัสพิเศษนี้ทำให้เธอรู้สึกมหัศจรรย์มาก

ความจริงครั้งก่อนหน้ากากหนังคนที่ลู่เซิ่นกับโจวเอ้อใส่เป็นเพียงหน้ากากธรรมดา ไม่มีความรู้สึกเย็นและเป็นพิเศษเช่นนี้

หน้ากากหนังคนที่ฉินซีใส่ในตอนนี้ ลู่เซิ่นพยายามอัพเกรดและเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องระหว่างรักษาในโรงพยาบาลผลิตโดยกรรมวิธีที่พิเศษ

เพื่อให้หน้ากากได้ความรู้สึกเย็นเช่นนี้ไม่รู้ว่าลู่เซิ่นใช้ความพยายามแค่ไหน ล้มเหลวมามากแค่ไหนแล้ว

ทั้งๆที่หน้ากากเดิมก็ยังดีมาก แต่ไม่สามารถใส่นานๆได้ ไม่งั้นหน้าจะเปื่อยเน่า

และหน้ากากหนังคนแบบนั้นเก็บรักษายาก ง่ายต่อการเสียหายเมื่อใช้เป็นเวลานาน

ลู่เซิ่นทำเสร็จนานแล้ว เตรียมจะพาฉินซีหนีไปให้ไกล ดังนั้นเขาจะต้องทำหน้ากากหนังคนที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ต่อให้ใส่เป็นเวลานานๆก็จะไม่เพิ่มภาระให้กับผิว

ไม่เสียหายง่ายในระหว่างการเก็บรักษามิเช่นนั้นในช่วงที่หลบหนีพวกเขาอาจไม่สามารถหาวัสดุทั้งหมดเพื่อทำใหม่ได้

สิ่งที่ฉันใส่ในวันก่อนเป็นเวอร์ชันอัพเกรดของลู่เซิ่นหน้ากากตัวที่ 2แม้ว่ามันจะบางกว่าเดิม น่าสัมผัสกว่า แต่ก็ยังไม่บรรลุผลตามที่ต้องการของลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นกำลังจะทำการทดลองต่อไปจนกว่าจะสำเร็จ แต่คิดไม่ถึงว่าฉินซีจะเข้ามาก่อน แผนเร็วกว่าเดิมมาก ดังนั้นเขายังทำไม่เสร็จ แต่ต้องรีบพาฉินซีออกมาแล้ว

ดีที่เขาให้โจวเอ้อเตรียมอุปกรณ์ใหม่ให้ เก็บไว้ใช้ระหว่างทาง

ลู่เซิ่นมองเขาเหมือนเด็กที่แสดงความประหลาดใจ ในใจเต็มไปด้วยความสงสาร “เพราะฉันเพิ่มวัสดุพิเศษในนั้นอัพเกรดมันขึ้น”

ในเวลานี้ฉินซีกลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว ลู่เซิ่นรู้สึกแปลกเล็กน้อย เขาขมวดคิ้ว “ทำไมคุณใส่ของผู้ชาย?”

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขารู้สึกไม่ปกติ ที่แท้ก็ด้วยเหตุผลนี้เอง

ฉินซียกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เธอกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “คุณไม่เข้าใจใช่ไหม?”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท