Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – ตอนที่ 1535

ตอนที่ 1535

ลู่เซิ่นกล่าวด้วยเสียงแหบ “คุณไม่เลว ถ้าคุณเลวจริงๆ ตอนนี้ก็คงจะไม่ร้องไห้ แต่คงจะรู้สึกดีใจที่ได้เอาเปรียบ”

เขาลูบหัวเล็กๆของฉินซี พูดเบาๆ “ฉินซี คุณต้องรู้ว่า ที่คุณปู่เช่ทำสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้ต้องการการตอบแทน เขาแค่อยากจะดีกับคุณด้วยความบริสุทธิ์ใจ ก็เหมือนกับที่คุณดีกับเขา คุณไม่ได้ทำผิดอะไร ดังนั้นไม่ต้องสร้างความกดดันให้ตัวเองมากเกินไปเข้าใจไหม?”

ลู่เซิ่นรู้ว่า ฉินซีให้ความสำคัญกับด้านความรู้สึกมาก

เธอไม่รู้ว่าจะระบายออกมายังไง หากจะแสดงความรู้สึกของตนเอง

ทั้งหมดนี้เกิดจากนิสัยที่ไม่ดีในองค์กร ดังนั้นฉินซีจึงอดกลั้นมาโดยตลอด

ตอนนี้สิ่งที่ลู่เซิ่นต้องทำก็คือ ค่อยๆสอนเธอ ให้เธอเรียนรู้ที่จะแสดงออก

สิ่งที่โชคดีก็คือ ฉินซีในตอนนี้ดีขึ้นมากกว่าตอนที่เพิ่งรู้จักกัน

แสดงว่า วิธีที่เขาใช้ เป็นวิธีที่ถูกต้อง เชื่อว่าฉินซีจะดีขึ้นเรื่อยๆ

“รู้แล้ว”

ฉินซีกล่าวด้วยความเศร้า ทําจมูกฟุดฟิด

เธอร้องไห้จนหน้าแดงไปหมด ทำให้ลู่เซิ่นเอ็นดูมาก

ลู่เซิ่นยกมือมาเช็ดหน้าเธอเบาๆ เช็ดน้ำตาออกจากหางตาเธอ “พอแล้ว อย่าร้องไห้แล้ว พวกเรารีบเก็บของให้เสร็จ แล้วก็ไปบอกลาคุณปู่เช่กันเถอะ ทางโจวเอ้อ น่าจะมารอพวกเราที่ตีนเขาแล้ว”

ฉินซีนึกถึงโจวเอ้อ นึกถึงสิ่งที่ต้องทำในอนาคต จึงต้องสงบลง

เธอพยักหน้าซ้ำๆ เช็ดน้ำตา เริ่มเก็บของ

หลังจากที่เก็บเรียบร้อยแล้ว ฉินซีมองดูกระท่อมที่อาศัยอยู่มาหลายสิบวันอย่างเสียดาย ตาแดง

ลู่เซิ่นถอนหายใจ ก้าวไปข้างหน้าจับมือเธอไว้ สิบนิ้วสลับกัน “พวกเราจะกลับมาอีก”

เขากล่าวด้วยเสียงที่อ่อนโยน เสริมความมั่นใจให้กับฉินซี

ใช่!พวกเขาจะกลับมาอีก ดังนั้นอย่าเศร้าไปเลย

ฉินซีเดินตามหลังลู่เซิ่น เดินไปทางห้องของคุณปู่เช่

……..

ในเวลาเดียวกันคุณปู่เช่ก็แอบปาดน้ำตาในห้อง

ในชีวิตนี้สิ่งที่เขากังวลมีไม่มาก โดยเฉพาะหลังจากอยู่อย่างสันโดษบนภูเขา ไร้กังวลมากขึ้น

แต่ว่า หลังจากที่เจอฉินซีฉินซีกลายเป็นโซ่ตรวนของเขา

“ตง ตง ตง(เสียงเคาะประตู)~”

ฉินซีเคาะประตู หายใจลึกๆ ไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าคุณปู่เช่ ไม่อยากให้เขาเป็นห่วง

คุณปู่เช่ตั้งใจจะไม่เจอพวกเขาแล้ว แต่ก็อดไม่ได้ อยากเห็นพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย

ดังนั้น เขาพูดด้วยเสียงแหบ “เข้ามาสิ”

น้ำเสียงของคุณปู่เช่แตกต่างจากปกติ

หลังจากฉินซีกับลู่เซิ่นได้รับการอนุญาตจากคุณปู่เช่ ก็เปิดประตูเข้าไป

ทันทีที่เข้าประตู ฉินซีเห็นคุณปู่เช่กำลังนั่งดื่มน้ำชาบนเก้าอี้

ในใจของเธอวุ่นวายมาก ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก “คุณปู่เช่ พวกเราจะไปแล้ว”

ฉินซีพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น ในน้ำเสียงมีเสียงร้องไห้

คุณปู่เช่ฟังแล้วเศร้า แค่บนใบหน้าแสร้งทำเป็นสงบ

“อืม ฉันรู้แล้ว”

เขาพูดอย่างไร้ความรู้สึก กลัวว่าถ้าพูดมากไปจะทำให้ทั้งสองฝ่ายอาลัยอาวรณ์

ฉินซีมองใบหน้าที่เย็นชาของเขา พูดอีกครั้ง “คุณปู่เช่ ท่านมีอะไรจะบอกพวกเราอีกไหม?”

เธอไม่อยากเป็นแบบนี้เลย

“เฮ่ย……ระหว่างทางก็ระวังตัวด้วย ถ้าเป็นไปได้ ก็มาเยี่ยมฉันบ้าง ถ้ามาไม่ได้ก็หาวิธีส่งจดหมายมาหาฉันทุกปี ให้ฉันรู้ว่าพวกคุณยังสบายดีก็พอ”

ในที่สุดคุณปู่เช่ก็กลั้นไว้ไม่อยู่ ความกังวลปรากฏบนใบหน้าที่แก่

ทันทีที่คำกล่าวนี้ฉินซีน้ำตาเกือบไหลออกมา แต่เธอก็กลั้นไว้ได้ ไม่อยากให้คุณปู่เช่เป็นห่วง

ฉินซีพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่เช่ ท่านไม่ต้องกังวลนะ ฉันกับลู่เซิ่นได้คุยกันแล้ว ท่านอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ พวกเราจะให้คนมาปกป้องท่านอยู่รอบๆ แล้วก็จะส่งข่าวผ่านพวกเขามาให้ท่าน”

วิธีนี้ ไม่ได้ละเมิดคุณปู่เช่ และพวกเขาก็จะได้จากไปอย่างสบายใจ เรียกได้ว่ามีความสุขกันทุกคน

คุณปู่เช่เข้าใจ ที่พวกเขาทำเช่นนี้ ก็เพราะความกตัญญู ดังนั้นจึงไม่ได้ปฏิเสธ

“ดี”

คุณปู่เช่พยักหน้าอย่างโล่งอก เขาเดินไปตรงหน้าลู่เซิ่น กล่าวด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ไอ้หนุ่มน้อย อยู่ข้างนอกคุณจะต้องดูแลหลานสาวของฉันให้ดี อย่าให้เธอต้องลำบาก มิฉะนั้นถ้าฉันรู้ ฉันจะไม่ปล่อยคุณไว้แน่”

เขาพูดเสียงดัง จ้องเขม็งลู่เซิ่น

ลู่เซิ่นมองหน้าที่ดุของเขา พยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านไม่ต้องกังวล คุณปู่ ฉันจะยอมให้ฉินซีเสียใจได้อย่างไร ฉันรักเธอมากกว่าชีวิตของฉันเสียอีก”

น้ำเสียงของเขาไม่หนักและไม่เบา แต่มีความรักที่แข็งแกร่งซ่อนอยู่ในนั้น

ลู่เซิ่นกับฉินซีมองหน้ากัน ได้เห็นรอยยิ้มในดวงตาของกันและกัน

มองดูความรักที่หวานชื่นของพวกเธอ คุณปู่เช่ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก “อืม ระวังตัวกันด้วย”

เขาพูดจบ แล้วพูดอีกครั้งว่า “พอแล้ว รีบไปเถอะ ชายชราอย่างฉันจะได้อยู่อย่างสงบสักที พวกคุณแสดงความรักต่อหน้าฉันทุกวัน ไม่รู้จักเคารพผู้อาวุโสและรักเมตตาเด็กเลย”

คุณปู่เช่แกล้งทำเป็นหงุดหงิดและโบกมือ บอกให้ทั้งสองออกไปโดยเร็ว

ฉินซีกับลู่เซิ่นรู้ว่าจะชักช้าต่อไปไม่ได้แล้ว แล้วก็กล่าวว่า “คุณปู่เช่ ท่านดูแลสุขภาพด้วย อีกไม่นานพวกเราก็จะกลับมาเยี่ยมท่าน”

“คุณปู่เช่ ลาก่อน”

ฉินซีกับลู่เซิ่นเดินไปทางประตูด้วยความอาลัยอาวรณ์

คุณปู่เช่พยักหน้าซ้ำๆ “ลาก่อน อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆ อย่าให้ได้รับบาดเจ็บอีก”

การหลบหนีในครั้งนี้ ไม่รู้จะมีอันตรายแค่ไหน คุณปู่เช่บอกว่าไม่กังวลเป็นเรื่องไม่จริง

แต่ว่า ถ้าให้ฉินซีกับลู่เซิ่นอยู่ที่นี่ ก็กลัวว่าคนในองค์กรจะหาเจอในสักวัน

ถึงแม้คุณปู่เช่อยากให้ฉินซีกับลู่เซิ่นอยู่กับตัวเอง แต่เขาก็ไม่เห็นแก่ตัวขนาดนี้

“ดี”

ฉินซีพยายามกลั้นน้ำตา แล้วตามลู่เซิ่นออกไป

ท่าทางการมองย้อนกลับไปของเธอ คุณปู่เช่เห็นจนตาแดง

ในที่สุดคุณปู่เช่ไม่ทนดูไม่ได้ จึงปิดประตูไป

ฟังเสียงที่มาจากด้านหลัง ฉินซีหายใจลึกๆ

เธอจัดการกับอารมณ์เรียบร้อยแล้ว ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง “อาเซิ่น พวกเรารีบไปเถอะ”

ฉินซีคิดว่า ถ้ายังอาลัยอาวรณ์อยู่ เธออาจจะเปลี่ยนใจได้

ลู่เซิ่นเคารพความคิดเห็นของเธอ ตามหลังเธอไป

ทั้งสองเดินเร็วมาก ลงจากภูเขาทันที

คุณปู่เช่แอบอยู่ในบ้าน มองตามหลังทั้งสองคน แล้วแอบเช็ดน้ำตา

เขาแอบหวังในใจว่า ขอให้ฉินซีกับลู่เซิ่นปลอดภัยตลอดทาง ไม่ต้องเจอเรื่องอันตรายอีกต่อไป

……..

ฝีเท้าของฉินซีกับลู่เซิ่นเร็วมาก

ทั้งสองคนใช้เวลาครึ่งชั่วโมง เดินจากบนภูเขาสู่เชิงเขา

ฉินซีมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นตัวของโจวเอ้อเลย

เธอขมวดคิ้ว มองไปที่ลู่เซิ่นที่ยืนข้างกัน “โจวเอ้อไม่ได้มาหรอ?”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท