Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่1538 ผู้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชาย

บทที่1538 ผู้หญิงปลอมตัวเป็นผู้ชาย

เขาหันกลับมามองลู่เซิ่นกล่าวอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้จ้านเซินคงจะไม่รู้ ว่าพวกเรามีหน้ากากหนังคนที่สามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้ ต่อให้เขาสั่งลูกน้องตามหาก็ต้องให้รูปถ่ายกับพวกเขา บอกลักษณะทางกายภาพโดยทั่วไปกับพวกเขา ดังนั้นคนเหล่านั้นก็ต้องคิดว่าพวกเราเป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิง”

ฉินซีพูดทีละคำทีละประโยค ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ความสงสัยที่ลู่เซิ่นมีก็ค่อยๆคลี่คลาย

แม้ว่าฉินซีพูดยังไม่ทันจบ แต่ลู่เซิ่นก็พอจะเข้าใจความหมายของเธอแล้ว

มองดูฉินซีที่กำลังภูมิใจ ลู่เซิ่นก็ไม่ได้ขัดเธอ กลับนั่งฟังอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ

ลู่เซิ่นรู้ว่า ถ้าในเวลานี้ไม่ให้เธอพูดต่อไป ฉินซีก็จะรู้สึกไม่มีความสุขแน่นอน

“ถ้าฉันปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้วติดตามข้างกายคุณ แบบนี้จะปลอดภัยกว่าไหม”

ฉินซีกล่าวอย่างจริงจัง ปลุกความคิดของลู่เซิ่น

ความจริงสิ่งที่ฉินซีพูดก็มีเหตุผล ตอนนี้จ้านเซินกับคนพวกนั้นก็เข้าใจเช่นนั้น เมื่อเห็นหนึ่งชายหนึ่งหญิงก็จะต้องตรวจค้นอย่างละเอียด

ถ้าเป็นผู้ชายสองคน ก็จะสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายมากกว่า

แต่ลู่เซิ่นคิดว่าถ้าใช้วิธีนี้จะรู้สึกผิดต่อฉินซีมาก เขามองฉินซีด้วยความห่วง “เป็นเพราะฉันไร้ประโยชน์ ดังนั้นจึงทำให้คุณต้องพเนจรไปกับฉัน”

มองสีหน้าเศร้าๆของเขาฉินซีรีบปลอบใจว่า “ไม่โทษคุณหรอ ฉันชอบความรู้สึกในตอนนี้มาก คุณก็รู้ว่าฉันไม่เหมือนผู้หญิงทั่วไป ฉันไม่ใช่นกขมิ้นในกรงฉันหวังว่าจะสามารถอยู่เคียงข้างคุณและเผชิญปัญหาด้วยกันเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงแค่นี้ สำหรับฉันแล้วไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย”

วันเก่าๆที่ผ่านมา เธอลำบากมากกว่าตอนนี้อีก

ในองค์กรไม่มีการแบ่งแยกชายหญิง การฝึกทางกายภาพทั้งหมดเหมือนกัน

อาจารย์ที่สอนพวกเธอ ไม่มีความสงสารเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิง

จวบจนบัดนี้ ฉินซียังจำสิ่งที่อาจารย์พูดในขณะนั้นได้ชัดเจน เธอบอกว่าถ้าฉันยอมให้คุณขี้เกียจตอนนี้ วันที่คุณไปอยู่ในสนามรบ คุณอาจจะถูกศัตรูฆ่าได้

เมื่อก่อนฉินซีไม่ชอบอาจารย์คนนั้นมาก รู้สึกว่าอาจารย์คนนั้นไร้มนุษยธรรม

แต่ต่อมาเมื่อมีการปฏิบัติภารกิจหลายๆครั้ง ความคิดของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลง

โดยเฉพาะตอนที่ฉินซีต้องเผชิญกับวิกฤตชีวิตและความตายเพิ่งนึกถึงความดีของอาจารย์ท่านนั้น

ความทุกข์ยากไม่เคยแบ่งแยกชายหญิง ในสนามรบก็เช่นกัน

อยากมีชีวิตรอด คุณก็ต้องแข็งแกร่งกว่าฝ่ายตรงข้าม มิเช่นนั้นคุณจะกลายเป็นหมูบนเขียง ถูกคนหั่น

ฉินซียิ่งเห็นใจลู่เซิ่นยิ่งรู้สึกละอายใจต่อเธอ

ลู่เซิ่นแอบคิดในใจในอนาคตจะต้องดีกับฉินซีให้มากเป็นเท่าตัว จะไม่ยอมให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป

ตอนนี้ทั้งสองแค่กำลังหลบหนีชั่วคราวเท่านั้นรอทางโจวเอ้อเตรียมการเรียบร้อยแล้ว เขาจะพาฉินซีกลับไป

หลังจากที่ได้รู้ความคิดของอีกฝ่ายแล้วฉินซีกับลู่เซิ่นไม่เพียงแต่จิตใจจะไม่รู้สึกแปลกแยกแต่กลับใกล้ชิดกันมากขึ้น ปฏิบัติต่อกันเสมือนเป็นกำลังใจสุดท้ายของกันและกัน

เห็นฉินซียืนยันจะใส่หน้ากากหนังคนผู้ชาย ลู่เซิ่นก็ไม่ได้ขัดขวางอีก

เขาเพียงแต่เตือนด้วยเสียงเบาๆ “ถ้าคุณตัดสินใจจะใส่หน้ากากหนังคนอันนี้ ก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย”

ทันทีที่คำกล่าวนี้ออกไป ฉินซีจึงนึกขึ้นได้

เธอพยักหน้า “มีเหตุผล เช่นนั้นฉันไปเปลี่ยนที่ด้านหลังสักครู่ คุณรอฉันสักครู่นะ”

ฉินซีรูปร่างสูงมาก ต่อให้เทียบกับเด็กผู้ชายก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย

ดังนั้นหลังจากที่เธอใส่ชุดผู้ชายแล้ว ไม่ได้มีความรู้สึกผิดปกติเลย แต่กลับหล่อมาก

ลู่เซิ่นคิดว่าหน้ากากหนังคนที่ตนเองทำ ก็ธรรมดาพอแล้ว เขาไม่ต้องการที่จะโอ้อวดเกินไปเพราะทั้งสองกำลังอยู่ในช่วงหลบหนี ดึงดูดความสนใจมากเกินไปจะไม่ดี

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นฉินซีเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วเดินมา ก็รู้สึกเสียใจทันที

ทำไมเขาไม่ทำหน้ากากให้มันน่าเกลียดกว่านี้อีกนิด ทำไมหลังจากที่ฉินซีใส่มันแล้ว ยังดูสวยอยู่เลย

ลู่เซิ่นรู้สึกหงุดหงิด คิดว่าทั้งหมดนี้เป็นเกิดจากบุคลิกของฉินซี

เธอแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ด้านหลังก็ดูดีกว่าคนอื่นๆ

หลังจากที่ฉินซีเดินมา เห็นลู่เซิ่นกำลังจ้องมองอยู่ มีลมหายใจที่มืดและไม่ชัดเจนในดวงตา

เธอเอียงศีรษะเล็กๆ ถามอย่างไม่เข้าใจ “อาเซิ่นคุณเป็นอะไรไป?”

ไม่รู้ว่าทำไม เธอรู้สึกว่าแววตาของลู่เซิ่นแปลกๆ แต่ก็บอกไม่ถูกว่ามันแปลกยังไง

“ไม่มีอะไร”

ลู่เซิ่นพูดด้วยเสียงแหบ ระงับความหวั่นไหวในใจ

ฉินซีรู้สึกว่าอารมณ์ของเขาไม่ค่อยปกติ แต่เห็นว่าเขาไม่อยากพูด จึงไม่ได้ฝืนใจเขา “คุณมายืนอึ้งอะไรตรงนี้ ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว คุณยังไม่ได้ใส่หน้ากากเลย”

เธอจ้องเขม็งลู่เซิ่นมีความไม่พอใจอยู่ในคำพูด

มองหน้าเนียนๆของฉินซีลู่เซิ่นอยู่ดีๆก็รู้สึกโชคดี

โชคดีที่ฉินซีเลือกหน้ากากผู้ชาย มิเช่นนั้น วันหน้าเขาคงจะต้องมาคอยไล่พวกผู้ชายที่เหมือนหมาป่าและเสือทั้งวันแน่ๆ

ลู่เซิ่นคิดกลับไปกลับมาในใจเป็นพันเป็นร้อยรอบ เห็นเธอไม่สบายใจ รีบพูดว่า “ฉันจะใส่เดี๋ยวนี้”

ใส่หน้ากากต่อหน้าฉินซี

หลังจากฉินซีเห็นลู่เซิ่นใส่หน้ากากเรียบร้อยแล้ว เกิดความคิดเดียวกับเขา

เธออดไม่ได้ที่จะพูด“อาเซิ่น ครั้งหน้าตอนคุณทำหน้ากาก ทำให้มันน่าเกลียดกว่านี้หน่อยนะ”

ถึงแม้หน้ากากจะใส่ไว้ในกล่อง ดูธรรมดามาก แต่ไม่รู้ทำไม หลังจากใส่บนหน้าลู่เซิ่นแล้ว ความรู้สึกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ความคิดของคนสองคนตรงกันลู่เซิ่นเม้มปาก “ได้ ฉันจะจำไว้”

ต่อให้ฉินซีไม่พูด ครั้งหน้าเขาก็จะทำเช่นนี้เหมือนกัน

“งั้นเรารีบไปกันเถอะ ออกเดินทางไปที่ที่หนึ่ง”

ฉินซีพูดอย่างตื่นเต้น ตอนนี้เธอเพิ่งจะรู้สึกว่าได้หนีออกมาองค์กรจริงๆแล้ว เริ่มต้นชีวิตพเนจร

แต่การพเนจรครั้งนี้แตกต่างไปจากการพเนจรปกติ พวกเขามีเงิน เพียงแต่ไม่สามารถใช้ใบหน้าเดิมเพื่อใช้ชีวิตภายนอกได้

ฉินซีไม่ได้สนใจส่วนนี้ เรื่องของรูปลักษณ์มันเป็นสิ่งนอกกายอยู่แล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ คนที่อยู่เคียงข้างคือใคร และในระหว่างที่เธอท่องเที่ยว มีความสุขมากแค่ไหน

ถ้าใช้ใบหน้าเดิม คงจะเที่ยวได้ไม่เต็มที่

เพราะเธอกับลู่เซิ่นมีรูปลักษณ์ที่ดูดีมาก เดินไปที่ไหนก็จะถูกคนมอง แม้แต่แอบถ่าย ความรู้สึกนี้มันแย่จริงๆ

ยังมีบางคน ทำเหมือนพวกเขาเหมือนดารา จะขอถ่ายรูป ขอลายเซ็น

สิ่งเหล่านี้สำหรับฉินซีแล้ว เป็นเรื่องที่ปวดหัวมาก

เปลี่ยนมาเป็นหน้าตาในตอนนี้ น่าจะลดความกังวลเหล่านี้ได้บ้าง

แต่สิ่งที่ฉินซีคิดไม่ถึงก็คือ เมื่อเธอกับลู่เซิ่นปรากฏตัวที่สวนสนุก ก็ยังคงมีคนจ้องมอง รูปลักษณ์และบุคลิกก็เป็นเหตุผลส่วนหนึ่ง สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือเพราะมือของฉินซีกับลู่เซิ่น จับกันไว้แน่น

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท