Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1546 ฟ้อง

บทที่ 1546 ฟ้อง

เหยาจ้าวพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น

จั่วยีไม่กล้าที่จะชักช้าเสียเวลา เขาจึงแบกจ้านเซิงขึ้นไปบนตัวของเขาทันที

ทั้งสองคนเดินตามกันไป แล้วหายไปต่อหน้าซิวหน่ายซิงทีละคนๆ

ในขณะที่ซิวหน่ายซิงกำลังมองไปที่ภาพเงาด้านหลังที่รีบร้อนของทั้งสองคน ก็มีความดีอกดีใจเปล่งประกายแวววาวขึ้นมาภายในดวงตาสีเข้มของเขา

ในครั้งนี้จ้านเซินคงไม่รอดจริงๆแล้วสินะ หากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นถังย่าก็น่าจะทำใจได้แล้วมั้ง

แม้ว่าซิวหน่ายซิงจะมีฐานะเป็นผู้ช่วยของถังย่า แต่ในใจของเขากลับรักและศรัทธาเธออยู่เสมอ

ถ้าเป็นไปได้ เขาก็หวังว่าถังย่าจะชายตามามองเขาและให้โอกาสเขาบ้าง

แต่ทว่า เพราะว่าตอนนี้มีจ้านเซินอยู่ ถังย่าก็เลยเอาแต่เวียนไปเวียนมาอยู่รอบๆตัวจ้านเซินอยู่เสมอ

ดูเหมือนว่าในสายตาของถังย่า ซิวหน่ายซิงจะเป็นเพียงลูกน้องของเธอเท่านั้น และเป็นน้องชายที่เธอเก็บกลับมาด้วยความเมตตาสงสาร แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยคิดเกินเลยไปจนถึงเรื่องนั้นเลย ในสายตาของเธอมีเพียงจ้านเซินคนเดียวเท่านั้นมาโดยตลอด

เพราะว่าซิวหน่ายซิงค่อนข้างที่จะรู้จักถังย่าดีเกินไป ดังนั้น เขาก็เลยยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีก

ถังย่าทั้งยอดเยี่ยม สวย และรูปร่างดีขนาดนั้น

เธอได้รวมข้อดีทั้งหมดมาไว้ในร่างเดียวแล้วโดยสิ้นเชิง ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ จ้านเซินกลับไม่ชอบเธอเลย จนถึงขนาดที่ว่ายังทำร้ายเธออีก เห็นได้ชัดว่าเขาก็แค่ผู้ชายกากๆที่ไม่มีหัวใจคนหนึ่งเท่านั้น

คนแบบนี้ ไม่คู่ควรที่ถังย่าจะไปชอบเลยสักนิด

ตอนนี้เทวดาฟ้าดินต่างก็ทนดูไม่ไหวแล้ว จึงทำให้จ้านเซินหนีกรรมที่ตัวเองก่อไม่พ้น ดังนั้นเขาจึงได้ป่วยเป็นโรคเช่นนี้

แล้วก็หวังว่าหลังจากที่จ้านเซินสลบไปในครั้งนี้ เขาจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว

ความคิดที่ชั่วร้ายความคิดหนึ่งลอยขึ้นมาในหัวใจของซิวหน่ายซิง ว่ากันตามหลักการแล้ว ตอนนี้เขาควรรีบติดต่อถังย่าโดยเร็วที่สุด และให้เธอรีบกลับมาเร็วๆหน่อย

แต่ทว่า เพราะความเห็นแก่ตัวของซิวหน่ายซิง เขาก็เลยไม่ได้ทำอย่างนั้น

ซิวหน่ายซิงกำลังเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะได้รับแจ้งว่าอาการป่วยของจ้านเซินอยู่ในขั้นที่อันตราย และไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ หลังจากนั้นเขาค่อยโทรไปหาถังย่า

เมื่อเป็นอย่างนี้ ต่อให้ถังย่าจะรีบกลับมา เธอก็มาไม่ทันแล้ว

พอคิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มที่โกรธและชั่วร้ายก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าของซิวหน่ายซิง

……

และในเวลาเดียวกันนั้นเอง ถังย่ากำลังรีบไปที่สวนสนุกColorful

สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในองค์กร ถังย่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

ตอนนี้เธออยากไปที่สวนสนุกเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจสักหน่อยว่า ร่างเงาด้านหลังของคนสองคนนั้นที่เธอเห็นใน Weibo แท้จริงแล้วคือฉินซีกับลู่เซิ่นหรือไม่

ตอนนี้ถังย่าไม่ได้มีความคิดอะไรอยู่ในใจเลยแม้แต่น้อย เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า หลังจากที่ยืนยันตัวตนของพวกเขาแล้ว เธอจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป

เธอเพียงแค่ปรารถนาให้สามารถไปถึงที่นั่นได้เร็วขึ้นนิดนึง และเร็วขึ้นอีกนิดนึง

เธอจะต้องรีบไปถึงที่นั่นก่อนที่ฉินซีกับลู่เซิ่นจะจากไปให้ได้ หากพวกเขาจากไปแล้ว ก็จะเป็นการยากที่จะติดตามพวกเขา

เกิดความวุ่นวายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

ฉินซีกับลู่เซิ่นกลับกำลังเล่นอย่างมีความสุขอยู่ในสวนสนุก

ฉินซีเล่นรถไฟเหาะสามครั้งติดต่อกัน และในที่สุดก็ลงมาด้วยความพอใจมาก

ลู่เซิ่นช่วยจัดวิกผมให้เธอสักครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอ่อนและพูดว่า “ไม่เล่นแล้วเหรอ?”

เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนมาก และในดวงตาที่ดำขลับนั้นก็กำลังสะท้อนร่างเงาของฉินซีอยู่

ฉินซีจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เล่นแล้ว ไปเล่นอันอื่นกันเถอะ ยังมีเครื่องเล่นใหม่ๆอีกหลายตัวที่ฉันยังไม่เคยเล่นเลยนะ”

พวกเขามีเวลาเพียงวันเดียวที่จะอยู่ที่นี่ และจากนั้นพวกเขาจะต้องเหยียบย้ำเข้าไปในเส้นทางแห่งการหลบหนีจริงๆจังๆแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจเสียเวลาต่อไปได้

“เราไปทางนั้นกันเถอะ”

พูดจบ ฉินซีก็ดึงแขนของลู่เซิ่น และต้องการจะจากไป

แต่ทว่า เมื่อทั้งสองเพิ่งจะเดินเพียงไม่กี่ก้าว เชี่ยนเชี่ยนก็ได้ปรากฏตัวออกมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา และขวางทางเดินของพวกเขาเอาไว้

ฉินซีตกตะลึงไปครู่หนึ่งเมื่อได้เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เตี้ยกว่าตัวเอง

เธอกับลู่เซิ่นมองหน้ากัน นี่ไม่ใช่เด็กน้อยที่ลู่เซิ่นขอให้ช่วยลบภาพเมื่อครู่นี้หรอกหรือ?

ทำไมจู่ๆเธอถึงมาที่นี่ หรือว่าเป็นเพราะเรื่องเมื่อสักครู่นี้?

ฉินซีกำลังคาดเดาอยู่ในใจ แล้วถามด้วยรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าว่า “เด็กน้อย เธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

เธอดูเหมือนกับเป็นคนที่อ่อนโยนและใจดีอย่างนั้น จึงทำให้ความตึงเครียดที่อยู่ภายในหัวใจของเชี่ยนเชี่ยน ผ่อนคลายลงไปได้มาก

เชี่ยนเชี่ยนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วยื่นให้เธอและพูดว่า “สวัสดีค่ะ ฉันมีอะไรบางอย่างอยากจะให้คุณทั้งสองคนดู”

เธอเอาโทรศัพท์มาเปิดหน้าWeibo ขึ้นมา ซึ่งข้างในยังคงมีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างคึกคัก

ฉินซีมองดูโทรศัพท์ที่เธอยื่นมาให้อย่างเหม่อลอย แล้วกวาดตามองดูรอบหนึ่ง

หลังจากที่เธอได้เห็นรูปของตัวเองกับลู่เซิ่น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

ไฟแห่งความโมโหเดือดดาลก็ลุกโชนขึ้นภายในหัวใจของฉินซี เมื่อสักครู่นี้เธอก็รู้สึกแปลกๆ เธอมักจะรู้สึกว่ามีคนเดินตามพวกเธอมา แต่ลู่เซิ่นกลับบอกว่าเธอระแวงมากเกินไป ดังนั้นฉินซีก็เลยไม่ได้สนใจอะไร ดูเหมือนว่าในตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่ว่าเธอคิดมากไปเองแล้ว แต่มีใครบางคนกำลังเล่นลูกไม้ลับหลังพวกเขาจริงๆ

เธอแสดงสีหน้าที่โกรธเกรี้ยว และตั้งใจยื่นโทรศัพท์ให้ลู่เซิ่นดู “คุณลองดูเองเถอะ”

น้ำเสียงของฉินซีมีความพยายามที่จะอดกลั้นเอาไว้อยู่ด้วย แล้วหันไปมองรอบๆด้วยสายตาที่คมกริบ

วันนี้เธอแค่อยากเที่ยวเล่นให้สนุกสักหน่อย ไม่อยากก่อเรื่องทะเลาะวิวาทเลย แต่ถ้าใครบางคนต้องการจะหาเรื่องให้ได้ อย่างนั้นก็อย่าหาว่าเธอใจดำอำมหิตก็แล้วกัน

ฉินซีไม่ใช่คนที่ใจดีมีเมตตามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เธอได้รับการอบรมสั่งสอนจากองค์กรมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้เธอไม่มีความรู้สึกหวั่นไหวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหัวใจที่มีเมตตากรุณา คนที่น่าสงสารก็เป็นคนที่น่าน่าเคียดแค้นได้เช่นกัน

แม้ว่าจะกฎเกณฑ์บางอย่างในองค์กรจะไร้มนุษยธรรมเป็นอย่างมาก แต่ ณ จุดนี้ฉินซีกลับคิดว่ามันถูกต้องและแม่นยำมาก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในระหว่างดำเนินการปฏิบัติภารกิจ เธอก็ได้พบเจอผู้คนไม่น้อย และในนี้ก็มีคนมากมายหลายประเภท

คนบางคนไม่คู่ควรกับจิตใจที่มีเมตตาของเธอเลยจริงๆ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งฉินซีได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวงเพราะการปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยท่าทีที่เมตตา จึงถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานจนเกือบตาย

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ฉินซีก็ได้ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหา

ดังที่จ้านเซินได้พูดไว้ว่า ความเมตตาที่มีต่อศัตรู ก็คือความโหดร้ายต่อตนเอง

ต่อมา เมื่อฉินซีปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง เธอก็เลยไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมอีก

เมื่อลู่เซิ่นได้เห็นรูปที่อยู่ในโทรศัพท์ ดวงตาที่เรียวยาวของเขาก็หรี่ตาลงอย่างไม่ปลอดภัย

หลังจากที่ดูเสร็จ ก็ยื่นโทรศัพท์ให้เชี่ยนเชี่ยน แล้วพูดว่า “เด็กน้อย เธอรู้ไหมว่าใครเป็นคนถ่ายรูปนี้?”

ลู่เซิ่นถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ กลิ่นอายแห่งความอึมครึมไม่ปลอดโปร่งก็ได้ปรากฏอยู่ในดวงตาที่ดำขลับทั้งสองข้างแว็บหนึ่ง

เชี่ยนเชี่ยนสามารถรับรู้ได้ถึงความโกรธของฉินซีและลู่เซิ่น แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกกลัวแต่อย่างใด

เพราะถ้ากลายมาเป็นตัวเธอเอง ถ้าเธอเคยพูดอย่างชัดเจนแล้วไม่อยากถูกแอบถ่าย และก็ไม่อยากถูกเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต แต่ก็ยังมีคนไม่ยอมฟังคำแนะนำของเธอ และไม่ว่าอย่างไรก็ต้องซวย เธอก็คงโมโหเหมือนกัน

“ฉันไม่รู้ค่ะ ฉันก็แค่เห็นว่ามีคนโพสต์รูปของพวกคุณ ดังนั้นฉันก็เลยอยากจะมาเตือนพวกคุณน่ะค่ะ”

เชี่ยนเชี่ยนส่ายหน้าไปมา และบนใบหน้าก็มีสีหน้าที่อ้างว้างปรากฏออกมา

อันที่จริง เธอก็หวังเป็นอย่างมากว่าจะสามารถหาตัวการของเรื่องนี้ให้เจอให้ได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็จะสามารถระบายความคับแค้นใจออกมาได้แล้ว

คนๆนี้เอาแต่พูดว่าตัวเองเป็นสมาชิกในกลุ่มนี้ แต่พฤติกรรมที่เขาทำนั้น ทำให้ชื่อเสียงของกลุ่มสาววายต้องแปดเปื้อนอย่างเห็นได้ชัด

เชี่ยนเชี่ยนอยากจะจับตัวคนคนนี้เอาไว้ให้แน่น แล้วถีบเขาออกมา ให้ทุกคนได้รู้ว่า เขาเป็นเพียงแอนตี้แฟนคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่แฟนคลับตัวจริง

ลู่เซิ่นไม่ได้เปลี่ยนสีหน้าเพราะสาเหตุนี้ เขายิ้มเบาๆและลูบศีรษะเล็กๆของเชี่ยนเชี่ยนไปมา แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ขอบคุณเธอที่มาบอกพวกเรา เธอก็ระวังตัวด้วยนะ อย่าตกเป็นเป้าหมายของคนคนนี้ล่ะ ฉันจะรีบหาตัวเขาออกมาจัดการให้เร็วที่สุด เธอไม่ต้องห่วง”

ในขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น ในสมองของเขาก็มีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมา

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท