Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1564 ปมในใจ

บทที่ 1564 ปมในใจ

หลังจากที่ฉินซีพูดออกมา และไม่มีใครปฏิเสธ

ลู่เซิ่นและโจวเอ้อรู้ว่า นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุด

โจวเอ้อรู้สึกว่าความกดอากาศรอบตัวของลู่เซิ่นต่ำเล็กน้อย แต่เรื่องที่อยู่ตรงหน้าก็ยังหาข้อสรุปอะไรไม่ได้ เขาก็ทำได้เพียงแบกหน้าพูดขึ้นว่า “คุณไป…..ก็ดี อย่างแรกเลย เวินจิ้งกับคุณก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน คุณปรากฏตัวอยู่ข้างๆเธอในบาร์ เธอจะได้ไม่ระแวงมาก คุณลงมือก็ง่าย”

ฉินซียิ้ม “โจวเอ้อ อย่าสงสัยทักษะของฉันเลย แม้ว่าเธอจะป้องกันตัวเต็มที่แค่ไหน ฉันก็สามารถลงมือได้โดยไร้ร่องรอย”

แม้ขณะที่เธอพูดมองไปที่โจวเอ้อ แต่ทั้งสองก็รู้อยู่เต็มอก สิ่งที่เธอพูดนั้นกำลังพูดให้ลู่เซิ่นฟัง

ลู่เซิ่นเงียบตลอด แต่เอื้อมมือไปจับมือของฉินซี ออกแรงจับอย่างแรง

โจวเอ้อไม่อยากหันไปมองลู่เซิ่น ทำได้แค่มองฉินซีพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้…….มันควรจะจัดการให้เร็วที่สุด วันนี้เป็นวันที่เวินจิ้งจะมาที่บาร์พอดี พวกคุณทั้งสองก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว ทานข้าวเย็นที่นี่เลย ฉันจะไปดูแลสถานการณ์ด้านล่างก่อน สักครู่ฉันจะให้คนเอายามาให้คุณ ต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับคุณที่จะจัดการมันเอง”

ฉินซีไม่ได้สนใจการจัดการอะไรของเขา พยักหน้าตอบรับ

ลู่เซิ่นยังไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร

โจวเอ้อสังเกตเห็นว่าเขากำลังรู้สึกอึดอัดใจอะไรสักอย่าง แต่ก็เข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างสามีภรรยา ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างเขาจะเข้าไปยุ่ง แล้วโบกมือให้เตรียมห้องให้ทั้งสองคนพักผ่อน พาไปที่ห้องก็จากไปแล้ว

…….ต้องเว้นที่ว่างให้ทั้งสองคนได้คุยกันดีๆ

โจวเอ้อยืนอยู่หน้าประตู อดใจไม่หันไปมองผ่านหน้าต่างเล็กๆตรงประตู และเดินออกมาสองสามก้าว จัดคนมาเฝ้าหน้าประตูไว้ แล้วก็ลงไปชั้นล่างเพื่อเตรียมเปิดบาร์

……..

ความเงียบในห้องดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้อากาศในห้องอึมครึม

ฉินซีไม่ได้เริ่มพูดก่อน ลู่เซิ่นก็ไม่คิดจะพูด ถ้าทั้งสองไม่ได้จับมือกันไว้แน่น แค่มองสีหน้า เกรงว่าจะเข้าใจผิดว่าทั้งสองคนเป็นแค่คนแปลกหน้า

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน สุดท้ายลู่เซิ่นก็เป็นคนทำลายความเงียบนั้น

“…….ทั้งๆที่คุณก็รู้ ฉันทำเพื่อไม่อยากให้คุณไป แล้วทำไมคุณ……..ยังจะเสนอออกมาด้วยตัวเอง?”

เสียงของเขาค่อนข้างแห้งเพราะความเงียบมานาน แต่ความดื้อรั้นในน้ำเสียงของเขาชัดเจนขึ้น

ฉินซีหันกลับมา มองตาของลู่เซิ่นอย่างจริงจัง “ทั้งๆที่คุณก็รู้ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ไม่ใช่หรอ?”

ลู่เซิ่นไม่ได้ตอบ

แน่นอนเขารู้ มิเช่นนั้นขณะที่ฉินซีเสนอข้อเสนอแนะนี้ ก็คงจะปฏิเสธมันโดยตรงแล้ว

…….ถ้าเป็นไปได้ หากมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เขาจะยอมให้ผู้หญิงของตัวเองไปทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

ในห้องเงียบลงอีกครั้ง และเป็นเวลานาน ถึงจะถูกลู่เซิ่นทำลายโดยการถอนหายใจเบาๆ

เขาปล่อยมือที่จับมือของฉินซีไว้อย่างแน่น เงยหน้าขึ้น เอนหลังพิงโซฟาในห้อง ยกแขนขึ้นปิดหน้าของตัวเอง และทำให้เสียงของเขาดูอึดอัดเล็กน้อย

“แน่นอน ฉันรู้ว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่… นี่จะทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันไร้ความสามารถจริงๆ”

หลังจากรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาฉินซีมีชีวิตอย่างไรในองค์กร ลู่เซิ่นก็เคยสัญญากับตัวเอง ถ้าฉินซีสามารถกลับมาอยู่ข้างๆเขา เขาจะต้องปกป้องฉินซีให้ดีที่สุด จะไม่ยอมให้เธอกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมอีก

เขาจะทำให้ฉินซีมีชีวิตที่มีความสุขที่สุดแบบคนธรรมดา จะให้ฉินซีอยู่ในมือของเขา เพื่อไม่ให้เธอได้รับอันตรายใดๆแม้นแต่เพียงนิดเดียว เพื่อรักษาบาดแผลเก่าของฉินซีที่อยู่ในองค์กร ทำให้เธอค่อยๆลืมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับองค์กร

ทักษะที่ปราดเปรียวเหล่านั้น หรือการเข้าถึงข้อมูลอย่างอัจฉริยะเหล่านั้น ให้ลืมไปทุกอย่างเลยยิ่งดี

ขอแค่เธอเป็นช่างภาพธรรมดาคนหนึ่ง และอยู่กับตัวเองจนแก่เฒ่าก็พอแล้ว

แต่เขาทำไม่ได้

ตอนแรกก็ให้ฉินซีหลบซ่อนตัวกับเขามาตลอดทาง ต่อมาก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่ไม่แน่ใจว่าจะชนะหรือแพ้

แม้กระทั่ง……..ตอนนี้เขายังต้องพึ่งพาฉินซี ใช้ทักษะที่ได้เรียนรู้ในองค์กรเพื่อช่วยให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

เขารู้สึกว่าเขาไร้ความสามารถและน่ารังเกียจ และประเมินตัวเองในเชิงลบทั้งหมด ท่วมท้นอยู่ในจิตใจของเขาราวกับเป็นกระแสน้ำ

เขาหลับตา แล้วใช้แขนขวางแสงทั้งหมดที่ผ่านเข้ามาจากโลกภายนอก แต่เขารู้สึกว่ามีจูบอันอบอุ่นเข้ามาในหูของตัวเอง

“ลู่เซิ่น ถ้าคุณพูดอย่างนั้น ฉันก็ควรรู้สึกว่าฉันไร้ความสามารถใช่ไหม?”

ฉินซีกระซิบที่หูของเขา

ลู่เซิ่นขมวดคิ้ว ลดแขนลง และลืมตาขึ้นมองไปที่ฉินซี “คุณไร้ความสามารถอะไร คุณควรอยู่ที่นั่น ให้ฉันได้ปกป้องคุณก็พอแล้ว ตอนนี้ฉันยังต้องพึ่งพาคุณ——”

เขายังพูดไม่จบ ก็ถูกฉินซีกดนิ้วไปที่ริมฝีปาก

“หุบปาก…….” ฉินซีกระซิบ “ถ้าคุณยังคิดเช่นนี้อีก ฉันจะโกรธแล้วนะ ลู่เซิ่น ฉันไม่ใช่นกขมิ้น หรือดอกไม้ในเรือนกระจก ฉันไม่ต้องการให้คุณปกป้องฉันจากลมและฝน ฉันสามารถอยู่เคียงข้างคุณ และสู้ไปกับคุณ คุณจะให้ฉันยืนที่เดิมพื่อรอคุณมาปกป้อง ฉันทำไม่ได้ นี่คือความยากลำบากที่เราสองคนต้องเผชิญหน้ากันด้วยกัน ถ้าไม่ใช่ฉัน คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กับองค์กรยักษ์ใหญ่ ดังนั้นอย่าบอกว่าให้ฉันรอคุณมาปกป้องอีก”

ฉินซีและลู่เซิ่นใกล้กันมาก และหลู่เซิ่นเกือบจะมองเข้าไปเห็นรูม่านตาของฉินซี

ความจริงจังในสายตาของเธอ สะดุดใจของลู่เซิ่น

ทั้งสองถูกแยกจากกันนานเกินไป และเขาคงลืมไปว่า ตอนฉินซีกับตัวเองอยู่ด้วยกัน ไม่เคยชอบอยู่ในสถานะที่ให้ใครมาปกป้อง

ในเวลาที่แยกจากกัน เขาก็เคยชินกับความรู้สึกที่เป็นร่มที่คอยป้องกันและควบคุมทุกอย่างอีกครั้ง

ตอนนี้ฉินซีพูดเช่นนี้ เขาถึงจำความรู้สึกตอนที่ฉินซีอยู่เคียงข้างตัวเองได้อีกครั้ง

“อย่ามองเรื่องที่ฉันจะทำในคืนนี้ เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร” ฉินซีเห็นแววตาที่สั่นไหวของลู่เซิ่น และกล่าวต่อไปว่า “ฉันก็อยากจะทำอะไรเพื่ออนาคตของพวกเราบ้าง คุณอย่าคิดจะเอาเครดิตไปหมด”

ทันทีที่เธอพูด ลู่เซิ่นอดหัวเราะไม่ได้ ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก เขาแค่เงยหน้าขึ้นช้าๆ ก็กัดริมฝีปากของฉินซีเขาๆ “คุณพูดเก่งจริงๆ”

ฉินซีเห็นเขาคลายปมในใจแล้ว แล้วยิ้มจางๆ รู้สึกโล่งใจ

เธอรู้ช่วงเวลาที่ผ่านมา ลู่เซิ่นมีภาระหนักทางจิตใจ หลังจากยื่นหนังสือท้าให้กับจ้านเซิน ภายนอกเขาดูเฉยๆสบายๆ แต่เมื่อคืนฉินซีตื่นมา เห็นเขาสูบบุหรี่มวนต่อมวน ถึงได้รู้ว่า ในใจเขามีความกดดันมาก

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท