Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1558 ความเข้าอกเข้าใจกัน

บทที่ 1558 ความเข้าอกเข้าใจกัน

เมื่อถังย่าเดินออกจากแผนกตึกผู้ป่วยใน เธอใจเย็นลงแล้ว

เธอไม่เสียใจที่ตนเองได้เปิดเผยและระเบิดออกมา เพียงแค่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย

เธอระวังและเก็บงำความรู้สึกอยู่ภายในใจมาหลายปี จู่ๆก็ต้องมาลงเอยแบบคาราคาซังอย่างนี้

ถังย่าหัวเราะเยาะตัวเอง พยายามที่จะซ่อนอารมณ์ที่แอบเก็บงำไว้ในใจอีกครั้ง แล้วจดจ่อกับเรื่องที่เธอกำลังจะไปทำ

——เธอต้องหาซิวหน่ายซิงให้เจอ

ไม่ว่าซิวหน่ายซิงจะคิดทำอะไรอยู่ก็ตาม สิ่งที่เขาทำทั้งหมดในวันนี้มันเกินขอบเขตที่ถังย่าจะให้อภัย

ถังย่าไม่มีกะจิตกะใจที่จะเล่นซ่อนแอบเป็นเพื่อนซิวหน่ายซิง เธอยกมือขึ้นโทรศัพท์ ต่อสายตรงไปที่ฝ่ายเทคนิคเพื่อหาตำแหน่งที่อยู่ของเขา

สิ่งที่เหนือความคาดหมายของเธอคือ ซิวหน่ายซิงไม่ได้หนีไปไกล แต่เขาอยู่ที่……พื้นที่สีเขียวหลังโรงพยาบาล

ใบหน้าที่เย็นชาของถังย่า เพียงไม่กี่นาทีก็หาเขาเจอ

เขากำลังนั่งอยู่ข้างทะเลสาบเทียมของโรงพยาบาล ตื่นตาตื่นใจกับการดูหงส์ที่เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เมื่อได้ยินฝีเท้าหยุดที่ข้างกายเขา เขาเงยหน้าขึ้นมอง

เขาเห็นถังย่า เขาก็ยิ้มออกมา แสดงรอยยิ้มที่แช่มชื่นออกมาตามปกติ: “อาจารย์ กลับมาแล้วเหรอ?”

ถึงถังย่าจะมีความคับข้องใจสักเพียงใด เห็นหน้าตาเขาแบบนี้แล้วก็ไม่วิธีที่จะคะยั้นคะยอเขา แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน ใบหน้าเธอยังคงเย็นชา เธอพูดเบาๆว่า: “เธอมาทำอะไรที่นี่?”

ไม่รู้ว่าซิวหน่ายซิงได้ยินที่ถังย่าพูดออกมาหรือเปล่า หรือแค่ตั้งใจทำเฉย เขาเผชิญหน้ากับใบหน้าที่เย็นชาของถังย่า แล้วยังคงยักไหล่พร้อมยิ้มแฉ่งว่า: “จ้านเซินกำลังพักฟื้นตัวในห้องคนไข้ คุณหมอไม่ให้ใครเข้าใกล้ ผมไม่มีอะไรทำ ก็เลยทำได้แค่มานั่งงุนงงที่นี่”

ถังย่ามองไปที่รอยยิ้มที่แช่มชื่นของเขา ความคุมความอัดอั้นในใจไว้ไม่ไหว เธอไม่มีเวลามาเล่นไทเก็กกับเขา แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า : “จ้านเซินเข้าห้องคนไข้ทำไมไม่ส่งข่าวให้ฉัน”

ถึงแม้พยาบาลจะพูดแบบผักชีโรยหน้าว่า “เกิดความผิดปกติทางกายภาพ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน” แต่ถังย่ารู้จักจ้านเซินเป็นอย่างดี

รู้ลึกและดีกว่าใครในโลกใบนี้ เธอรู้ดีว่าตามความสามารถในการต่อสู้ของจ้านเซิน ถ้าเขาเสียการควบคุมจริงๆ ถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นคงจะน่ากลัวมาก หมอคงจะเอาเป็นเอาตาย กว่าจะมีวิธีฉีดยาระงับประสาทให้กับเขาได้จริงๆ

ในสถานการณ์แบบนี้……อย่างไรก็ตามซิวหน่ายซิงไม่ควรที่จะไม่ส่งข่าวให้ตนเอง

แต่ปฏิกิริยาของซิวหน่ายซิงเป็นสิ่งที่ถังย่าคิดไม่ถึง เขาไม่ปฏิเสธ ไม่ได้อธิบายอะไรเพื่อตัวเองเลย เพียงแต่พยักหน้าปกติเบาๆ เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีหนักแน่นว่า:“ใช่ ผมแค่ไม่อยากให้คุณกลับมายุ่งเรื่องนี้ก็เท่านั้น”

ถังย่าขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเธอดุดันโดยที่ไม่รู้ตัว: “หมายความว่ายังไง”

ซิวหน่ายซิงเปะปากเป็นรูปโค้ง พร้อมสายตาที่เยือกเย็น เขาหันหน้าไปสบสายตากับถังย่า แล้วหันกลับมาที่ทะเลสาบเทียมมองหงส์สองสามตัวนั้นต่อไป: “อาจารย์ ตอนนั้นผมกำลังคิดว่า ถ้าหากอาจารย์กลับมา แล้วเกิดจ้านเซินเป็นอะไรไป อาจารย์จะทำยังไง”

ถังย่าไม่สามารถทนฟังคนอื่นพูด“เป็นอะไรไป”ไม่กี่คำนี้ออกมาจากปาก ใบหน้าของเธอเบี้ยวบูดสุดๆ เธอเอ่ยปากเตือนโดยการเรียกทั้งชื่อแซ่ว่า: “ซิวหน่ายซิง เธอรีบเก็บความคิดแบบนี้ไว้ให้ดี แล้วลืมมันไปซะ”

ซิวหน่ายซิงยังคงไม่หันกลับไปมองเธอ เหมือนเขายังพึมพำกับตัวเองต่อไปว่า: “ถ้าเขาไม่อยู่แล้ว เธอยังจะดึงดันที่จะอยู่กับเขาอยู่มั๊ย”

ถังย่าตกใจ

เธอรู้ว่าซิวหน่ายซิงรู้เข้าใจความรู้สึกของตนเองที่มีต่อจ้านเซิน แต่……กลับรู้สึกคลุมเครือ ตอนนี้คำพูดของเขาดูผิดปกติเล็กน้อย

ราวกับว่า……ถ้าให้เขาพูดต่อไป จะต้องมีเรื่องอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น

พูดอีกอย่างคือ ตนเองจะรับรู้เรื่องอะไรที่ไม่ควรจะรู้

ตามสัญชาตญาณแล้ว ถังย่าจะเอ่ยปากตัดบทเขา แต่ว่าซิวหน่ายซิงเหมือนจะรู้ว่าเธอจะทำอะไร เขาไม่เพียงไม่หุบปาก ในการตรงกันข้ามกลับเพิ่มระดับเสียงขึ้นเล็กน้อย และพูดโพล่งต่อไป

“ฉันไม่ใช่เธอ ถังย่า” เขาค่อยๆหันหน้ากลับมา แล้วมองตรงไปที่ถังย่า

ถังย่าตัวสั่นโดยที่ไม่มีเหตุผล

ในความทรงจำ……ซิวหน่ายซิงแทบที่จะไม่เคยตะโกนเรียกชื่อแซ่ของเธอแบบนี้เลย เขามักจะยิ้มแย้มพร้อมตะโกนว่า “อาจารย์ อาจารย์”

การที่เขาพูดด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมและเป็นทางการเช่นนี้ ถังย่ารู้ได้โดยทันทีว่า เขาไม่ใช่เด็กคนนั้นที่ตนเองเพิ่งเก็บมาอีกแล้ว”

อากิปกิริยาของเขาที่มองมาที่ตนนั้นทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก การรับรู้นี้ไม่เคยจะชัดเจนแบบนี้มาก่อน ถังย่ารู้แต่เพียงว่าคนที่เธอแหงนหน้ามองในตอนนี้ แทบจะไม่รู้จักไปแล้ว

ซิวหน่ายซิงเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในสายตาของถังย่า จึงหัวเราะเยาะตัวเอง แต่เขาก็ยังพูดต่อไปว่า: “ฉันไม่มีทางเหมือนเธอที่จะเก็บงำความรู้สึกไว้คนเดียว ทำอะไรคนเดียวมาโดยตลอดเวลา ฉันรักใครแล้ว ฉันจะต้องพูดมันออกมา ถังย่าฉัน—— ”

“พอแล้ว!”

แม้ว่าถังย่าจะเตรียมใจไว้แล้วก็ตาม แต่ก่อนที่ซิวหน่ายซิงจะควบคุมตนเองโพล่งพูดอะไรออกมา เธอพบว่าตนเองก็อดทนฟังต่อไม่ไหว

เธอ……ขี้อายจริงๆ

เธอไม่รู้ว่าตนเองจะไปเผชิญหน้ากับคำเหล่านั้นที่ซิวหน่ายซิงจะพูดออกมาอย่างไร เธอกลัวว่าหลังจากที่เขาพูดคำเหล่านั้นออกมาแล้ว ทุกอย่างจะยากเกินการควบคุม

ดังนั้นเธอจึงทำได้แค่เพียงขึ้นเสียงสูง เพื่อตัดบทคำพูดของซิวหน่ายซิง

ถึงแม้ซิวหน่ายซิงจะถูกตัดบทแต่เขาก็ไม่ได้อารมณ์เสีย หลังจากที่เขามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆเขาก็หัวเราะออกมา

“ฉันจะพูดอะไร เธอรู้หมดแล้ว ใช่มั๊ย”

ถังย่าได้แต่เม้มปาก ไม่ตอบอะไร

ซิวหน่ายซิงหัวเราะเบาๆ: “ถังย่า ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าในใจของเขาไม่สามารถมีเธอได้ตลอดไป เธอจะฝืนไปทำไม?”การดิ้นรนที่ไร้ความหมาย จะให้ดำเนินต่อไปเหรอ?”

ถังย่าไม่ได้ตอบในทันที เธอเม้มปากแล้วเงียบไปหลายวินาที

“ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ?” ซิวหน่ายซิงกลับเข้าสู่โหมดปกติ แต่เขาก็ยังเอ่ยปากเค้นถามอย่างก้าวร้าวเล็กน้อยว่า “เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น มันคุ้มมั๊ยที่เธอจะเจ็บช้ำน้ำใจแบบนี้ ยังจะฝืนต่อไปอีก? ”

เขากวาดสายตาไปที่ลำคอของถังย่า ร่องรอยที่น่าสยดสยองที่จ้านเซินบีบคอถังย่าอย่างโหดร้ายเมื่อสองสามวันก่อนตอนนี้จางขึ้นมากแล้ว แต่……มันเป็นสิ่งที่เคยมีอยู่จริง

เขาปฏิบัติกับเธอเช่นนี้ ทำไมถังย่าถึงยังไม่ยอมตัดใจ?

ซิวหน่ายซิงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะอิจฉา หรือควรจะโกรธ หรือ……ควรจะเสียใจดี

ถังย่าได้แต่เพียงแต่เงียบ

เธอมองท่าทางตีโพยตีพายของซิวหน่ายซิง รู้สึกงุนงงอยู่พักหนึ่ง

เธอเข้าใจความฉุนเฉียวของซิวหน่ายซิง แต่เธอกลับไม่มีวิธีที่จะเข้าอกเข้าใจได้ ไม่ว่าเขาจะโกรธหรือว่าเศร้าเสียใจ สำหรับตัวถังย่าแล้ว ไม่ใช่ความประทับใจ น่าจะ……เป็นภาระมากกว่า

……ในสายตาของจ้านเซิน เธอก็เป็นแบบนี้ใช่มั๊ย?

เธอคิดเองว่านี่คือความรักความผูกพัน อันที่จริงแล้วในสายตาของคนอื่นก็เป็นได้เพียงแค่เรื่องตลกที่ไม่มีนัยสำคัญอะไรเลย

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท