Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1570 ไม่มีวันพรุ่งนี้

บทที่ 1570 ไม่มีวันพรุ่งนี้

ลู่เซิ่นจับมือของฉินซี ก้าวไปข้างหน้าแล้วจูบหน้าผากของเธอเบา ๆ กล่าวเบาๆว่า “แต่ฉันเชื่อมาโดยตลอดว่า พวกเราสามารถทำได้สำเร็จ”

ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนใกล้มาก ฉินซีแทบจะเห็นเงาของตัวเองในรูม่านตาของลู่เซิ่น เธอรู้ว่า ประโยคนี้ของลู่เซิ่นไม่ได้หมายถึงแค่เพียงเรื่องในคืนนี้เท่านั้น ยังหมายถึง……. พวกเขากำลังจะเผชิญหน้ากับจ้านเซิน อย่างตัวต่อตัว

เธอไม่ต้องการพูดเพื่อทำลายขวัญกำลังใจของลู่เซิ่น ดังนั้นจึงพยักหน้าเบา ๆ “ใช่…พวกเราจะประสบความสำเร็จแน่นอน”

พวกเขารู้ว่าตอนจบที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้อาจจะไม่พร้อมหน้าพร้อมกันและมีความสุขเช่นนี้อีกต่อไป

แต่ ณ เวลานี้ยังอยู่เคียงข้างกัน พวกเขาจึงไม่รู้สึกกลัว

ลู่เซิ่นยืนขึ้น แล้วจับมือของฉินซีให้เธอยืนขึ้นด้วยกัน และเดินเคียงข้างกันออกไป

ทั้งสองจับมือกันไว้ ไม่มีใครปล่อยมือ

ลู่เซิ่นให้คนที่เฝ้าอยู่นอกประตูบอกโจวเอ้อ และไม่ได้ไปหาเธออีก และจับมือฉินซีไว้แล้วเดินออกไปอย่างช้าๆ

ในขณะที่เดินผ่านห้องห้องหนึ่ง ฉินซีได้ยินเสียงเพลงที่ร้องโดยผู้หญิงเสียงแหบแห้งจากด้านในประตู

……ไปรักเถอะ ให้มันเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้

เธอหยุดเดิน

ลู่เซิ่นสงสัยเล็กน้อย หันกลับมามองเธอ “เป็นอะไรไป?”

ฉินซีดึงสติกลับมา ส่ายหัว “ไม่มีอะไร”

เพียงแค่จับมือของลู่เซิ่นแน่นขึ้น

ทั้งสองเดินออกจากบาร์อย่างสั่นคลอนไม่มั่นคง และกลับไปที่รถของตัวเอง

ลู่เซิ่นสตาร์ทรถแล้วถามว่า “อยากไปที่ไหน?”

ฉินซีคิดในใจ “ลู่เซิ่น คุณเคยไปดูดวงดาวในเมืองหนานไหม?”

ลู่เซิ่นงงเล็กน้อย หันไปมองเธอ “ทำไมหรอ? อยากไปดูดวงดาวหรอ?”

ฉินซียิ้มเล็กน้อย “ไปกันเถอะ ฉันรู้ว่าในเมืองหนานมีที่ที่หนึ่งที่เหมาะสมสำหรับดูดาว”

ลู่เซิ่นไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธคำขอของฉินซี แล้วก็เหยียบคันเร่ง ขับไปตามทางที่ฉินซีบอก

ฉินซีอาศัยอยู่ที่เมืองหนานไม่นาน และน่าจะรู้จักเหมืองหนานไม่ดีเท่าลู่เซิ่น แต่ประสบการณ์ในการดูดวงดาวที่โรแมนติกแต่ไร้ประโยชน์นี้ ลู่เซิ่นไม่เคยทำมาก่อน เดิมทีก็ไม่มีทางที่จะปรากฏในชีวิตของเธอเช่นกัน

เพียงแค่เป็นเรื่องบังเอิญเมื่อหลายปีก่อน ในขณะที่เธอกำลังปฏิบัติงานอยู่ ในกองหญ้าใกล้เนินเขาที่รกร้าง เธอเงยหน้าขึ้นมองถึงได้พบว่าดวงดาวที่นี่สวยงามมาก

ถนนบนภูเขาที่ขรุขระ ทั้งสองคนใช้เวลานาน ในที่สุดก็มาถึงที่นี่

ลู่เซิ่นหยิบเสื้อคลุมจากท้ายรถแล้วคลุมให้ฉินซี เขาทั้งสองคนนั่งข้างกันบนด้านหน้าของรถ

เทวดาบนฟ้าเป็นใจมาก บนท้องฟ้าไม่มีก้อนเมฆเลย แต่คืนนี้แสงจันทร์สว่างเกินไป ดวงดาวจึงกระจัดกระจายไปบ้าง

โชคดีที่ทั้งสองคนไม่ได้ตั้งใจมาเพื่อดูดวงดาวแต่แรก

ฉินซีกับลู่เซิ่น ถือเบียร์สองกระป๋อง ชนแก้วกัน และจิบช้า ๆ

มีความเงียบอยู่รอบ ๆ มีเพียงเสียงแมลงที่มาจากไกลๆ ความมืดที่อยู่รอบๆ ฉินซีมีความรู้สึกแปลกเหมือนเวลาผ่านไปอย่างช้าๆ

ถ้าสามารถหยุดเวลานี้ไว้ตรงนี้ได้ ก็จะดีมาก

เมื่อฉินซีหันมาเห็นใบหน้าข้างๆของลู่เซิ่น มีความคิดเดียวในใจ

เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองของฉินซี ลู่เซิ่นก็หันหน้ากลับมา “ทำไม?”

“คุณกำลังคิดอะไรอยู่” ฉินซีถามด้วยรอยยิ้ม

ลู่เซิ่นเอื้อมมือไปโอบไหล่ของฉินซี “ฉันกำลังคิดว่า… ถ้าหยุดช่วงเวลานี้ไว้ได้ตลอดไป ก็คงจะดี”

ฉินซีตะลึง แล้วก็ยิ้มอีกครั้ง

…..ปรากฏว่าพวกเขาสองคนกำลังคิดเรื่องเดียวกัน

“แต่ถ้าเดินต่อไปข้างหน้าก็ดีเช่นกัน” ฉินซีพูดเบา ๆ

ลู่เซิ่นก้มหน้ามองเธออีกครั้ง แต่ฉินซีไม่ได้สบสายตาลู่เซิ่น เพียงแค่มองไปที่ดวงดาวที่อยู่ห่างไกลดวงหนึ่ง และพูดต่อว่า “บางสิ่ง ก็เหมือนดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้าเช่นกัน อาจจะไม่ได้ครอบครอง แต่ก็ยังอยู่ที่นั่น ก็ถือว่าดีมากแล้ว”

ลู่เซิ่นเงียบไปสองสามวินาที จากนั้นก็ก้มหน้าลง โดยเอาหน้าผากของตัวเองแนบหูของฉินซี และกระซิบว่า “คุณจะรังเกียจไหมถ้าฉันจะสูบบุหรี่?”

ฉินซีรู้ว่าเขาจะสูบบุหรี่ แต่ลู่เซิ่นรู้ว่าฉินซีไม่ชอบกลิ่นควัน ดังนั้นจึงไม่เคยสูบบุหรี่ต่อหน้าฉินซี

ฉินซีพยักหน้าเหมือนถูกผีอำ

เมื่อลู่เซิ่นกำลังจะกระโดดลงจากฝาครอบด้านหน้าของรถเพื่อจุดบุหรี่ ฉินซีก็คว้าที่มุมเสื้อผ้าของเขา “ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่ล่ะ”

ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่เซิ่น “อยู่ที่นี่?”

ฉินซีพยักหน้าอย่างหนักแน่น “อยู่ที่นี่”

หลังจากลู่เซิ่นจุดบุหรี่ด้วยความงง เธอก็พูดขึ้นทันทีอีกครั้งว่า “ฉัน…..ขอลองหน่อยได้ไหม?”

เธอมองบุหรี่ในมือของลู่เซิ่น แสงจากบุหรี่เป็นแสงเดียวที่สว่างในความมืดทั้งหมด

ความประหลาดใจของลู่เซิ่นมากขึ้น แต่ฉินซีไม่คิดที่จะอธิบายให้เขาฟังเลยแม้แต่นิดเดียว สนใจแต่ตัวเอง และคว้าบุหรี่ที่อยู่ในมือของลู่เซิ่นมา

จากแสงไฟสลัว ทำให้ลู่เซิ่นเห็นท่าทางของฉินซีได้อย่างชัดเจนในตอนนี้

คิ้วของเธอขมวดเล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่ายังไม่ชินกับกลิ่นควันนี้ ลู่เซิ่นไม่ได้สูบบุหรี่ที่มีสำหรับผู้หญิง ปริมาณปริมาณน้ำมันดินของบุหรี่มีปริมาณมาก ถ้าไม่ใช่คนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ ก็จะรับไม่ค่อยได้

แต่เธอก็ยังเปิดริมฝีปากของเธอขึ้นเล็กน้อย แล้วคาบบุหรี่ที่ลู่เซิ่นคาบเมื่อครู่ หายใจเข้าลึกๆ แล้ว —— จากนั้นก็ไออย่างหนัก

ลู่เซิ่นหัวเราะ ยกมือขึ้นและกดก้นบุหรี่ให้ดับ หันกลับมาแล้วตบหลังฉินซีเบาๆ รอให้เธอดีขึ้น แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมจู่ๆคุณถึงอยากลองมัน”

กว่าฉินซีจะโอเคขึ้น เสียงพูดยังมีความแหบเล็กน้อย “ฉันแค่อยากจะลองดู…….สิ่งนี้จะมีประโยชน์อย่างที่ฉันเดาไว้ไหม”

เธอไม่ได้พูดอย่างชัดเจนว่าอะไรมีประโยชน์ แต่ลู่เซิ่นเข้าใจในทันที

สามารถช่วยคลายความกังวล สามารถทำให้ลืมสิ่งที่รบกวนที่อยู่ตรงหน้าชั่วครู่ ก็คือมีประโยชน์

เขามีความเจ็บปวดในใจอย่างลึกๆ แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ทำได้เพียงยื่นมือออกมาแล้วกอดฉินซีไว้ในอ้อมแขนและกอดไว้อย่างแน่น

ในสมองของฉินซีนึกถึงเนื้อเพลงอีกครั้ง

——ไปรักเถอะ ให้มันเหมือนไม่มีวันพรุ่งนี้

……….

ตอนนี้ฉินชีกับลู่เซิ่นกำลังกอดกันและดูดวงดาว ราวกับว่าความวุ่นวายบนโลกใบนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลย และสบายใจกว่าคนอื่นๆ

นอกจากหลินหยังที่ทุ่มเททำงานหนักจนถึงเที่ยงคืนในบริษัทลู่ซื่อ ความผิดปกติของฉินชีและลู่เซิ่น และแน่นอนว่ายังมีคนอื่นๆที่สามารถมองเห็นได้ในพริบตา

ยกตัวอย่างเช่น——

“หลินยี่ คุณจะไปอีกแล้วเหรอ?” เวยอานนั่งอยู่บนเตียง ด้วยอารมณ์อ่อนไหวที่ชัดเจนในน้ำเสียง

หลินยี่ไม่ได้หันกลับมามองเธอ ในขณะที่สวมเสื้อคลุมก็เดินไปที่ประตู “ทางลู่เซิ่นมีบางอย่างผิดปกติ ฉันจำเป็นต้องกลับไปดู”

เขารักษาตัวอยู่ในบ้านของตระกูลลู่จนหายแล้ว และมั่นใจว่าเวินจิ้งไม่สามารถเป็นคู่สามีภรรยาของลู่เซิ่นได้จริงๆ จึงได้ตัดใจแล้ว และไม่ยืนกรานที่จะจับคู่ให้ทั้งสองอีกต่อไป หลังจากที่ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ก็จะไป จากตระกูลลู่ กลับไปทำงานของตัวเองต่อ

ถิ่นของหลินยี่ยังอยู่ที่เมืองหนาน ดังนั้นช่วงนี้จึงใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหนานอย่างคล่องแคล่ว

เพราะเรื่องเล็กๆในตอนบ่ายเขาจึงไม่เห็นรายงานที่ลู่เซิ่นและฉินซีกลับไปยังบริษัทลู่เซิ่นในทันที เมื่อถึงตอนค่ำก็ได้เห็น ใจของเขาร้อนรน และไม่ได้สนใจที่จะตอบเวยอาน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท