Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1569 โทรศัพท์

บทที่ 1569 โทรศัพท์

ฉินซีเห็นรอยยิ้มระหว่างคิ้วของลู่เซิ่น ตอบสนองทันที ——

“คุณล้อฉันเล่นหรอ?” เธอพูดอย่างโกรธเคือง

ลู่เซิ่นดูออกว่าฉินซีไม่ได้โกรธจริงๆ แต่ก็ทำท่าทางราวกับว่ากำลังฟ้อง เอามือโอบไหล่ของเธอ “ก็ฉันเห็นว่าคุณกำลังตื่นเต้นไง”

ฉินซีส่งเสียงฮึ ยังไม่ทันจะพูดอะไร โทรศัพท์ในมือก็ดังขึ้น

หมายเลขที่โทรเข้ามาเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย แต่ฉินซีและลู่เซิ่นก็รู้ว่าใครเป็นคนโทรมา

ฉินซีกำลังจะกดรับ แต่โทรศัพท์ถูกลู่เซิ่นแย่งไปก่อน

“ฮัลโหล” เขากดสปีกเกอร์โฟนแล้วแย่งพูดก่อน

เสียงจากทางโน้นเป็นเสียงของมู่วี่สิง เขาไม่แปลกใจเลยที่ลู่เซิ่นเป็นคนรับสาย เพียงแค่ทักทายธรรมดา “ประธานลู่ สวัสดีไม่ได้เจอกันนาน”

เสียงของลู่เซิ่นก็นิ่งมาก “ประธานมู่สวัสดี ไม่ได้เจอกันนาน”

ทั้งสองทักทายกันอย่างเย็นชา และไม่รู้จะพูดอะไรกันต่อ เหมือนว่าพวกเขากำลังรอให้อีกฝ่ายพูดก่อน ราวกับว่าถ้าใครพูดก่อนก็แสดงว่าคนนั้นอ่อนแอ

สุดท้ายคนที่ทำลายบรรยากาศที่เงียบก็คือฉินซี

เธอกระแอมในลำคอและพูดว่า “ประธานมู่ เวินจิ้งเธอ….. ยังโอเคอยู่ไหม?”

มู่วี่สิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า “ต้องขอบคุณคุณนะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

มู่วี่สิงไม่ได้เป็นคนโง่ ที่ไม่สนใจอะไรเลย หลังจากที่จัดการกับเวินจิ้งเป็นการส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็โทรศัพท์ไปสองสามสาย และให้คนไปตรวจสอบว่าเวินจิ้งถูกวางยาได้อย่างไร อีกด้านหนึ่งก็ให้คนมาตรวจร่างกายของเวินจิ้งว่าจะได้รับอันตรายจากยานั้นหรือไม่

ลูกน้องของมู่วี่สิงฝีมือดีมาก ใช้เวลาไม่นานก็พบฉินซีแล้ว และทางคุณหมอก็สรุปว่าเวินจิ้งไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่พักผ่อนหลับสักครู่ก็จะดีขึ้น

นี่เป็นเหตุผลที่มู่วี่สิงยังคงสามารถโทรหาลู่เซิ่นกับฉินซีอย่างใจเย็นได้ในตอนนี้ หากร่างกายของเวินจิ้งมีความผิดปกติ เขาจะไม่ยอมปล่อยลู่เซิ่นและฉินซีไปอย่างแน่นอน

หลังจากที่เขาตอบประโยคนี้ และไม่ได้นิ่งเงียบต่อไป แต่เริ่มถามคำถามว่า “ลู่เซิ่น คุณต้องการอะไร”

น้ำเสียงของมู่วี่สิงนิ่งมาก ราวกับจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย พูดคุยกันผ่านๆ

น้ำเสียงของลู่เซิ่นก็นิ่งมาก ยังยิ้มเล็กน้อย “ประธานมู่มั่นใจขนาดนี้เลยหรอว่าฉันมีธุระกับคุณ?บางทีฉันก็แค่เกิดมโนธรรมขึ้นมา ก็แค่ต้องการช่วยคู่รักสองคนให้สมหวัง”

มู่วี่สิงพอใจกับคำว่า “คู่รักสองคน” อย่างเห็นได้ชัด น้ำเสียงก็ไม่เย็นชาอีกต่อไป แต่เนื้อหาที่พูดไม่เป็นมิตรเลย “เมื่อครู่เวินจิ้งตื่นขึ้นมา แล้วอธิบายกับฉันว่าที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของพวกคุณก็เป็นแค่ข้อตกลง แต่ลู่เซิ่น พวกเราอย่าเสียเวลากันอีกเลย คุณให้เวินจิ้งเป็นเกราะป้องกันให้ แสดงว่าคุณก็ต้องมีเหตุผลของคุณ แต่ตอนนี้คุณไม่ต้องการเกราะป้องกันนี้แล้ว ก็เลยช่วย ฉันก็จะรับน้ำใจของคุณไว้ แต่อย่าคาดหวังเลยฉันจะรู้สึกซาบซึ้งปลื้มปีติคุณ”

ลู่เซิ่นหัวเราะอีกครั้ง “ประธานมู่ อย่าหยิ่งเกินไปเลย ฉันผลักเวินจิ้งกลับไปที่คุณ ไม่ได้คาดหวังว่าคุณและฉันจะกลายเป็นสหายในสนามรบ”

ในน้ำเสียงของมู่มู่วี่สิงยังคงมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย “จริงหรอ?” แต่ฉันได้ยินมาว่า สถานะของคุณในตอนนี้ ก็น่าจะมีปัญหาไม่น้อยใช่ไหม”

ลู่เซิ่นกับฉินซีมองหน้ากัน

ช่วงนี้ที่พวกเขาทั้งสองหายตัวไปก็ไม่ถือว่าเป็นความลับอะไร คนที่มีเส้นสายอย่างมู่วี่สิงมีหรือจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง ไม่มีประโยชน์ที่จะปกปิด ลู่เซิ่นก็ยอมรับอย่างเปิดเผย “ใช่ ฉันไม่ได้ทำสิ่งนี้โดยไม่มีเหตุผลอะไร——“

“อย่าหวังว่าฉันจะใช้กำลังของตระกูลมู่เพื่อช่วยคุณต่อสู้กับคนคนนั้น “จู่ๆมู่วี่สิงก็ขัดจังหวะลู่เซิ่น อาจเป็นเพราะกลัวว่าเขาจะพูดคำขอร้องของเขาออกมาจริงๆ ” กำลังของตระกูลมู่ไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับเขา และฉันไม่คิดที่จะทำเรื่องโง่ๆ แบบนี้”

ลู่เซิ่นขมวดคิ้วเพราะคำพูดของเขาถูกขัดจังหวะ แต่หลังจากฟังคำพูดของมู่วี่สิงแล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้น “ประธานมู่ ฉันก็ไม่ใช่คนโง่ จะมาขอให้คุณช่วยฉันแบบนี้ ทุกคนรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ คำขอร้องของฉันง่ายมาก ฉันไม่ขอให้คุณช่วยฉัน ขอเพียงคุณไม่ช่วยเขาก็พอ”

พวกเขาคุยกันไปมา แต่ก็ไม่ยอมเอ่ยชื่อของจ้านเซินออกมา มันเหมือนกับปริศนาใบ้ จำเป็นต้องใช้ “เขา” เป็นชื่อรหัส

มู่วี่สิงเงียบไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะแปลกใจเล็กน้อยเพราะคำขอของลู่เซิ่นง่ายเกินไป และพูดประโยคของเขาซ้ำอีกครั้งว่า “ฉัน…… จะไม่ช่วยเขา?”

ลู่เซินพยักหน้า “พรุ่งนี้ พวกเรากับเขาจะพบกันที่เมืองหนาน ครอบครัวที่มีชื่อเสียงในเมืองหนาน ไม่พึ่งพาคุณ ก็จะพึ่งพาฉัน ตราบใดที่คุณไม่ฉวยโอกาสนี้ ศัตรูที่ฉันต้องเผชิญหน้าก็จะเป็นเขาคนเดียว แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว”

มู่วี่สิงเงียบก่อน ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา “ลู่เซิ่น คุณก็อย่าดูถูกเหยียดหยามฉันเกินไป คุณคิดว่าฉันจะฉวยโอกาสเวลาที่คุณกับคนอื่นเผชิญหน้ากัน รอผลประโยชน์กำไลหรอ? ”

น้ำเสียงของลู่เซิ่นนิ่งมาก “นี่เป็นเพียงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง ฉันแค่อยากกำจัดความเป็นไปได้นี้” ยิ่งไปกว่านั้น…… ถ้าวันนี้เวินจิ้งมีอะไรกับฉันจริงๆ คุณอาจจะใช้โอกาสที่เป็นไปได้ทั้งหมดโจมตีฉัน และอาจใช้มีดแทงด้านหลังตอนวุ่นวาย ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ทำ”

มู่วี่สิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้ และเสียงหัวเราะของเขาค่อย ๆ ลดลง หยุดไปสักพักแล้วกล่าวว่า “คุณไม่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆหรอ? ”

ครั้งนี้ลู่เซิ่นยิ้ม “ทำไม ถ้าฉันบอกว่าต้องการ คุณก็จะช่วยฉันหรอ? ”

น้ำเสียงของมู่วี่สิงที่อยู่อีกทางของโทรศัพท์สิงเย็นลงเล็กน้อย “เป็นไปไม่ได้แน่นอน ฉันไม่มีความจำเป็นต้องไปยุ่งวุ่นวายเพื่อให้ตัวเองเดือดร้อน ตอนนี้…..ฉันยังมีคนที่ต้องปกป้อง “

ลู่เซิ่นพยักหน้า “ดีแล้ว ฉันไม่ต้องการให้คุณทำอะไรเพื่อฉัน ขอแค่คุณไม่ทำอะไรเลย ก็เพียงพอแล้ว “

มู่วี่สิงตอบรับอย่างรวดเร็ว “ตกลง ฉันรับปากคุณ”

ลู่เซิ่นได้รับคำตอบที่พอใจ และไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดคุยกับมู่วี่สิงต่อไป เขาและมู่วี่สิงก็ไม่มีเรื่องอะไรที่จะคุยกันตั้งแต่แรกแล้ว

แต่เมื่อกำลังจะวางสาย อีกฝ่ายหนึ่งของโทรศัพท์ก็มีเสียงของมู่วี่สิงดังขึ้น

“คุ้มไหม? ”

เสียงของมู่วี่สิงไม่ดัง คำสามคำนั้นเบาและสั้นมาก ถ้าหากในเวลานี้ลู่เซิ่นกับฉินซีไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ก็ไม่น่าจะได้ยินคำถามของเขา

มือของลู่เซิ่นที่จับมือของฉินซีไว้จู่ๆก็แน่นขึ้น

เขาไม่ได้ตอบมู่วี่สิงโดยตรง แต่กล่าวว่า “คุณมองคนข้างๆคุณ ก็น่าจะรู้คำตอบของฉันแล้ว”

ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงหัวเราะของมู่วี่สิงก็ดังขึ้นจากโทรศัพท์ “ดี ฉันเข้าใจแล้ว”

หลังจากพูดจบ เขาก็วางสายด้วยความสบายใจ

ลู่เซิ่นวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ หันไปเห็นสีหน้าของฉินซีที่แสดงถึงความโล่งอก

“มัน….. เยี่ยมมาก” ฉินซีถอนหายใจยาว และพูดด้วยเสียงทอดถอนใจ “เดิมทีมันเป็นแผนที่สิ้นหวัง ลนลานและรีบร้อน มีช่องโหว่อยู่ทุกหนทุกแห่ง คิดไม่ถึงว่ามันจะสำเร็จได้ในที่สุด”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท