Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1560 ไม่เสียใจภายหลัง

บทที่ 1560 ไม่เสียใจภายหลัง

ใบหน้าของซิวหน่ายซิงมีความร้อนใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายเขาก็ยอมตอบคำถามของถังย่า: “ก็แค่รู้สึกว่าแบบนี้จะควบคุมพวกเราได้ง่ายขึ้น”

ถังย่าส่ายหัว:“นี่เป็นเพียงแค่แง่มุมมองหนึ่งเท่านั้น”

ซิวหน่ายซิงยิ้มเยาะเย้ย: “ยังไง เธอจะบอกว่าเพราะหวังดีกับพวกเรางั้นเหรอ?”

ถังย่าไม่ได้พยักหน้า และก็ไม่ได้ส่ายหัว ได้เพียงแต่ดูเขาพูดต่อไป:“ความรักทำให้เราเสียสติ และทำสิ่งที่ไม่ดีต่อทั้งต่อตนเองและผู้อื่น”

ซิวหน่ายซิงรู้สึกว่าเธอดูเหมือนจะกล่าวหาว่าตัวเขาเองไม่ได้บอกเธอเรื่องอาการของจ้านเซิน กำลังจะเอ่ยปากโต้แย้ง แต่กลับเห็นถังย่าส่ายหน้า

เธอไม่ให้โอกาสซิวหน่ายซิงในการเอ่ยปาก และเธอก็พูดต่อไปว่า: “ในขณะเดียวกัน การมีความรัก ก็มีจุดอ่อน เธอเป็นคนสร้างจุดอ่อนนี้ให้คนอื่น อย่าทำให้คนอื่นเห็นจุดอ่อนแอที่สุดของเธอ มันเหมือนเป็นการหยิบยื่นอาวุธให้คนอื่นมาทำร้ายเธอ”

สายตาของถังย่ามั่นคงมาก แต่คราวนี้ซิวหน่ายซิงไม่มีอะไรจะพูด

……เพราะว่าสิ่งที่ถังย่าพูดนั้นคือความจริง

เขาหลงรักถังย่า งั้นถังย่าก็กลายเป็นจุดอ่อนที่สุดในตัวเขา ราวกับว่าต่อให้สวมชุดเกราะแข็งแกร่งเพียงใจ แต่ก็กลับมีช่องว่างที่ตรงส่วนลำคอ ทำให้ศัตรูโจมตีได้ และถูกฆ่าตายในท่ากระบวนเดียวได้

ถังย่ามองอากัปกิริยาที่หวั่นไหวของซิวหน่ายซิง รู้ว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่ตนเองพูด ดังนั้นใบหน้าของเธอเลยรู้สึกมีความโล่งใจขึ้นนิดหน่อย เธอกำลังจะลุกขึ้น ทิ้งท้ายอีกประโยคว่า “คิดดูเอาเองให้ดีๆ แล้วก็จะรู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไร” ซิวหน่ายซิงก็พูดขึ้นทันทีว่า: “เธอพูดผิดแล้ว”

ตรงกลางคิ้วของถังย่าเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเติบโตมาในองค์กรนี้ ทุกเรื่องจะไม่แก้ไขปัญหาด้วยการพูดแต่จะเป็นการใช้กำลัง เธอไม่เคยพูดเพื่อที่จะเกลี้ยกล่อมใครได้เป็นบทความยาวๆมากมายขนาดนี้ เธอไม่คิดเลยว่า ตนเองพูดจนคอแห้ง ซิวหน่ายซิงก็ยังโง่เขลาเบาปัญญาอยู่

ซิวหน่ายซิงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าถังย่าใจร้อน แต่เขายังยืนยันและพูดต่อไปว่า:“ความรักคือจุดอ่อน แต่ก็เป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่งที่สุด สำหรับความรักที่อยู่ในใจของฉันแล้ว ฉันสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้ว่าจะเป็นการสละชีวิตตนเอง ก็จะไม่เสียดายชีวิต”

ถังย่าลูบๆตรงคิ้ว เพราะรู้สึกเหนื่อย

เธอไม่รู้ว่าต้นตอความดื้อดึงของซิวหน่ายซิงเริ่มมีตั้งแต่ตอนไหน คุยกันมาตั้งนานสองนาน เธอก็ได้สังเกตเห็นว่าความคิดของซิวหน่ายซิงกับตนเองไม่มีสิ่งไหนที่เหมือนกันเลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าซิวหน่ายซิงเริ่มต้นจากตอนไหน ถึงมีความคิดที่ขัดแย้งต่อปรัชญาขององค์กรแบบนี้

และที่เห็นอย่างได้ชัดว่า……เขาเชื่อและยืนหยัดในความคิดของเขามาก จะพูดโน้มน้าวใจก็ไม่ฟัง

ถ้าอยู่สำนักงานใหญ่ จะจับขังเขาไว้ที่ใต้ดิน ถังย่าคิดในใจ

เพียงแต่ตอนนี้จ้านเซินอยู่โรงพยาบาล สถานการณ์คับขัน กำลังคนที่อยู่ในการควบคุมไม่เพียงพอ แม้ว่าซิวหน่ายซิงมีปมขัดแย้งในใจกับจ้านเซิน แต่ก็สามารถทำเรื่องอื่นๆได้

ดังนั้นถังย่าได้เพียงแต่ถอนหายใจในใจเงียบๆ เธอไม่มีวิธีที่จะจัดการกับคนที่ดื้อรั้นที่ไม่มีเหตุผลแล้วจริงๆ

ทัศนคติความคิดของทั้งสองคนแตกต่างกันมาก จนไม่สามารถโน้มน้าวใจกันได้ จึงไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป

เธอยอมถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

“สองสามวันนี้ เธอก็รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยด้านนอกละกัน จะมีคนที่ให้ความร่วมมือกับนายยู่”

พูดจบ เธอก็ไม่ได้ให้โอกาสซิวหน่ายซิงได้ตามตื้ออีกต่อไป เธอหันหลังแล้วจากไป

ซิวหน่ายซิงมองตามหลังของเธอ แล้วฝืนยิ้ม

อะไรคือมีคนให้ความร่วมมือ ก็แค่หาข้ออ้างให้คนมาจับตามองเขาก็แค่นั้น

ซิวหน่ายซิงรู้ว่า ต่อจากนี้ไป ตนเองกลายเป็นคนที่ถังย่าไม่ไว้วางใจอีกต่อไป ก่อนที่เธอจะ “คิดให้ดี” เธอคงจะทำทุกวิถีทางที่จะผลักตนออกไปให้ไกลให้ได้

แต่ว่าซิวหน่ายซิงไม่เสียใจภายหลัง

ทุกคนมีทัศนคติเรื่องความรู้สึกที่แตกต่างกัน เขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกของตนเองเหมือนถังย่าได้ จะทำให้เข้าหน้ากันไม่ติด

และเขาก็รู้ถึงปัญหาว่ากำลังคนไม่เพียงพอ จึงไม่กล้าไล่ตนออกไป ดังนั้นเขาจึงเลือกโอกาสนี้เผยความในใจออกมา

เพียงแค่ให้เธอรับรู้ ฉันก็จะไม่เสียใจภายหลัง

แม้ว่าเขาจะคิดอย่างนั้น รอยยิ้มที่มุมปากของซิวหน่ายซิง ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะแฝงด้วยความเหงา

……

ทางฝั่งของฉินซีกับลู่เซิ่นนั้นบอกได้เลยว่าชิวมาก แตกต่างกับสถานการณ์ทางฝั่งของจ้านเซินที่พัวพันยุ่งเหยิง

หลังจากที่ฝากข้อความถึงจ้านเซินแล้ว ทั้งสองคนก็ถอดหน้ากากออก และขับรถมุ่งไปข้างหน้าอย่าเปิดเผย

ไม่รู้เลยว่าทางฝั่งของจ้านเซินจะยอมรับข้อเสนอของพวกเขาหรือไม่ ระหว่างทางไม่มีคนคอยไล่ตาม ทั้งสองคนจึงขับรถกลับถึงเมืองหนานโดยไม่ได้รีบร้อนอะไร

ในช่วงเวลาที่ลู่เซิ่นออกมานั้น บริษัทลู่ซื่อได้ให้ข่าวไปว่าเขาไปเรียน แต่ลู่เซิ่นกลายเป็นเสาหลักของบริษัทลู่ซื่อมานานโดยที่เขาไม่รู้ตัว ดังนั้น หลังจากที่เขาหายตัวไปเป็นเวลานาน บริษัทลู่ซื่อทั้งในและนอกต่างก็สงสัยไปต่างๆนานา การใช้ข้ออ้างว่า“ไปเรียน” ไม่สามารถปลอบประโลมใจของทุกคนได้อีกต่อไป

หลินหยังรออย่างใจจดใจจ่อทุกๆวัน แต่ก็ไม่ได้รับข่าวคราวของลู่เซิ่นเลย เขาได้เพียงแต่ฝืนพยุงการงานของบริษัทลู่ซื่อไปวันๆ

ดังนั้นเมื่อตอนที่เขารู้ว่าลู่เซิ่นปรากฏตัวที่บริษัทลู่ซื่อในเมืองหนาน เขาเกือบจะตกลงจากเก้าอี้

“เธอจะบอกว่า เป็นประธานลู่จริงๆใช่มั๊ย?” เอกสารในมือเขาถูกบิดเป็นลูกกลมๆโดยที่เขาไม่รู้ตัว “เป็นเขาจริงๆใช่มั๊ย?”

ใบหน้าของพนักงานที่รายงานข่าวนี้ให้เขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น: “เป็นเขาเอง!เขาไปบริษัทด้วยตนเอง!มีหลายคนที่เห็นเขา”

หลินหยังตบไปที่ขาของเขา: “เยี่ยมมากเลย!”

เอกสารที่กองสูงดั่งภูเขาและสัญญาอันนับไม่ถ้วนที่ไม่มีใครจะเซนต์แทนเขาได้ กำลังเรียกร้องหาลู่เซิ่น

พนักงานคนนั้นมีใบหน้าที่ตื่นเต้น เห็นอย่างได้ชัดว่าจะไปกระจายข่าวนี้ให้พนักงานคนอื่นว่า “ประธานลู่กลับมาแล้ว ” หลินหยังค่อยๆสงบสติอารมณ์ลง จึงได้ตระหนักถึงหนึ่งปัญหา

……ถ้าหากปัญหาทุกอย่างคลี่คลายแล้ว แล้วทำไมลู่เซิ่นไม่กลับมา?

ถึงแม้ว่าตอนนี้กิจการใหญ่ๆของบริษัทลู่ซื่อล้วนอยู่ที่เมืองหนาน แต่สำนักงานใหญ่ได้ย้ายมาอยู่ในประเทศf แล้ว สิ่งที่จำเป็นต้องให้ลู่เซิ่นจัดการล้วนแล้วแต่อยู่ที่นี่

ถ้าต้องการให้บอกว่าเมืองหนานมีอะไรที่ไม่เหมือนกัน……ก็มีแค่จุดเดียว

รากฐานของตระกูลลู่อยู่ที่เมืองหนาน ซึ่งลึกซึ้งกว่าอยู่ที่ประเทศf มาก

ถ้าหากต้องใช้เครือข่ายคน หรือจะใช้ทรัพยากรอะไรอย่างอื่นที่นอกเหนือจากเงินและบริษัทลู่ซื่อแล้ว การกลับไปที่เมืองหนาน จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการกลับมาที่ประเทศ f

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความสุขบนใบหน้าของหลินหยังก็ค่อยหายไป จนค่อยๆกลายเป็นเคร่งขรึม

ดูเหมือนว่า เรื่องของลู่เซิ่นยังไม่ได้รับการแก้ไข

แต่……การปรากฏตัวสั้นๆของเขา มันเหมือนเป็นการ “จุดประกายให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง”

มันเหมือนเป็นการทำนายล่วงหน้าว่า จะมีพายุเข้าโถมกระหน่ำเร็วๆนี้

หลินหยังถอนหายใจอย่างเศร้าใจ และหยิบปากกาขึ้นมาอีกครั้ง

เรื่องที่ลู่เซิ่นกำลังเผชิญอยู่ เขาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย

ทำได้เพียงอย่างเดียวคือ อยู่ที่นี่รักษาบริษัทลู่ซื่อต่อไป

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนภายนอกไม่รู้เรื่องภายใน เพราะการปรากฏตัวของเขา ทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ

แค่นี้ ก็เพียงพอแล้ว

ส่วนเรื่องอื่น……พวกเขาจะพยายามแก้ไขปัญหาเอง

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท