Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน – บทที่ 1568 ดักฟัง

บทที่ 1568 ดักฟัง

“พวกเขากำลัง…….” ฉินซีไม่เคยแอบฟังคนอื่นทำเรื่องชายหญิงกัน กดเสียงต่ำมาก มีความเขินอายเล็กน้อย

ตรงกันข้ามลู่เซิ่นเงียบยิ่งกว่าเธออีก ยังล้อเล่นว่า “มู่วี่สิงใจร้อนจริงๆ ……ถ้าคำนวณตามเวลาแล้ว น่าจะยังไม่ได้กลับตระกูลมู่ แต่น่าจะกำลังหาบาร์สักที่?หรือไม่ก็น่าจะอยู่บนรถแล้ว…….มิฉะนั้นเวลาแค่นี้ จะพอให้พวกเขากลับไปได้อย่างไร?”

หูของฉินซีแดงเล็กน้อย และเธอก็ไม่สามารถสงบได้เหมือนลู่เซิ่น เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองลู่เซิ่นที่ยังแสดงความคิดเห็นอยู่ เอื้อมมือออกไป และกดปิดการดักฟัง

ท่าทางเขินอายของเธอไม่ค่อยได้เห็น เมื่อครู่ลู่เซิ่นได้ฟังความสนิทสนมของคนอื่นแล้ว ตัวเองก็รู้สึกอยากขึ้นมา เขาค่อยๆ โน้มตัวเข้าใกล้และเป่าหูของฉินซี “ปิดทำไม ยังต้องรอดูก่อนว่าพวกเขาจะเสร็จเมื่อไร……จะโทรหาพวกเขาหลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นเพื่อเจรจา ตอนนั้นอารมณ์ของผู้ชายจะอ่อนที่สุด พูดง่ายที่สุด…….”

เขายิ่งพูดก็ยิ่งเสียงก็ยิ่งต่ำลง คนก็เข้าใกล้ฉินซีมากขึ้น เมื่อเสียงของคำสุดท้ายจบลง ฉินซีถูกเขากอดอยู่ในอ้อมแขนแล้ว

ฉินซียังคงมีสติอยู่บ้าง เหยียดศอกออกแล้วสะกิดเขา “พวกเราอยู่ข้างนอก……”

ลู่เซิ่นหัวเราะ จงใจลดเสียงต่ำลงกระซิบข้างหูของฉินซี “แน่นอน ฉันรู้ว่าอยู่ข้างนอก….. คุณกำลังคิดอะไรอยู่ หรือ….. คุณคิดอยากทำอะไร”

ฉินซีถูกทุบหัว เงยหน้าขึ้นและจ้องไปที่ลู่เซิ่น เพียงแค่ไฟในห้องนี้มืดสลัว ดวงตาของฉินซีไม่ได้ดุจริงๆ จ้องอย่างนี้ ในทางกลับกันมันดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูด ลู่เซิ่นอดไม่ได้ ก้มหน้าลงแล้วจูบที่ริมฝีปากของฉินซี

ฉินซีไม่ได้ตอบสนองด้วยความกระตือรือร้น แต่ก็ไม่ขัดขืนเช่นกัน มือทั้งสองข้างอยู่ที่หน้าอกของลู่เซิ่น และทำท่าทางปฏิเสธ แต่ไม่ได้ออกแรงมาก

ท้ายที่สุดแล้วลู่เซิ่นก็ยังมีสติอยู่บ้าง รู้ว่าในสถานที่นี้ไม่เหมาะสมที่พวกเขามาทำอะไรในเวลา แต่ด้วยเหตุนี้เขาจึงดุร้ายกว่า ราวกับว่าเขาต้องการเติมเต็มความปรารถนาจากการจูบและเพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง

ฉินซีตามจังหวะของเขาไม่ทัน ออกซิเจนในสมองของเขาก็ลงเล็กน้อย และเวลาก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นความวุ่นวาย

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน กว่าลู่เซิ่นจะปล่อยเธอออกอย่างช้าๆ

ฉินซีค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเปียกชื้น และมีความสับสนเล็กน้อย

ลู่เซิ่นถอนหายใจ เอื้อมมือออกไปปิดตาเธอ “อย่ามองฉันแบบนี้”

เขาไม่เคยเป็นผู้ที่ถูกปลุกปั่น และมีความมั่นใจในการควบคุมตนเองได้เสมอ ดังนั้นเมื่อครู่จึงกล้าที่จะเข้าใกล้ฉินซีและจูบเธอ

แต่เขาลืมไปว่า การควบคุมตนเองของเขา จะเปราะบางเสมอเมื่อเจอกับฉินซี

เมื่อครู่… เขามีปฏิกิริยาแล้ว ถ้ายังไม่ผลักเธอออกไป เขาอาจจะทำอะไรบางอย่างที่นี่จริงๆ

ดังนั้นลู่เซิ่นรีบตั้งสติ และหยุดจูบต่อไป

ถ้าไม่มีกระจกที่ประตู ถ้าเป็นในห้อง………

หลู่เซินมีจินตนาการมากมายในใจ แต่เขาก็รู้ด้วยว่าตอนนี้ไม่สามารถทำได้สักอย่าง ทำได้แค่เลียฟันกรามหลังของตัวเองเท่านั้น จดจำทั้งหมดไว้ในใจ รอครั้งหน้าถ้ามีโอกาสหน้า จะต้องลองให้ได้

สำหรับฉินซี รอระบบการหายใจสงบลง สติก็ค่อยๆ กลับมา

เมื่อครู่ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่…….

เธอยังรู้ดีอยู่ในใจ ถ้าเมื่อครู่ลู่เซิ่นไม่หยุด และจะทำสิ่งนั้นจริงๆ เธออาจจะ… ตามกระแสนั้นจริงๆ และจะไม่ขัดขืน

ฉินซีก็อารมณ์เสียเล็กน้อย น่าจะผลักลู่เซิ่นออกตั้งแต่แรกแล้ว!

ทั้งสองคนต่างพยายามสงบอารมณ์ลง แล้วนั่งตัวตรง และมองหน้ากัน

ฉินซีไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องเมื่อครู่นี้ ดังนั้นจึงเลือกประเด็นหัวข้อมาหนึ่งหัวข้อ “ไม่รู้ว่าสถานการณ์ทางเวินจิ้งเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

ทันทีที่พูด เธออยากจะกัดลิ้นของตัวเองมาก

สถานการณ์ทางเวินจิ้ง…….. ประเด็นหัวข้อมันไม่ยิ่งทำให้คลุมเครือมากขึ้นหรอ!

ลู่เซิ่นเอาความรำคาญใจของเวินจิ้งไว้ในตา อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ถ้าอยากรู้ ก็เปิดมาฟังก็จะรู้เอง?”

น้ำเสียงของเขาดูยั่วยวนเล็กน้อย ราวกับว่าเห็นฉินซีเขินอายที่จะพูดถึงมัน ก็เลยแกล้งพูด

ฉินซีไม่สามารถทนต่อวิธีการเชิงรุกเช่นนี้ได้ ยิ้มที่มุมปาก “โอเค ฟังก็ฟัง”

หลังจากพูดจบ ก้มหน้าเปิดซอฟต์แวร์

โชคดี คราวนี้ไม่มีเสียงที่ไม่เหมาะสมดังขึ้นจากทางโน้นแล้ว มีเพียงเสียงหายใจที่แผ่วเบาเท่านั้น

……น่าจะจบลงแล้ว

ฉินซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ยาที่โจวเอ้อเตรียมให้พวกเขาไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงมาก เวินจิ้งน่าจะบรรเทาได้เมื่อเขาระบายออกมา ดูเหมือนว่ามู่วี่สิงก็ไม่ได้ฉวยโอกาสอะไร

ตามที่ลู่เซิ่นกล่าวก่อนหน้านี้ ตอนนี้พวกเขาควรจะไปเจรจากับมู่วี่สิงได้แล้วใช่ไหม?

…….อย่างไรก็ตาม มู่วี่สิงในตอนนี้ น่าจะพูดง่ายที่สุด

ขณะที่ฉินซีกำลังจะพูด ในเครื่องดักก็มีเสียงของมู่วี่สิงส่งเข้ามา

เสียงของเขาต่ำมาก ราวกับว่าเขากลัวที่รบกวนใครสักคน แต่โชคดีที่การรับเสียงของเครื่องดักฟังมีประสิทธิภาพดีมาก ฉินซีและลู่เซิ่นจึงได้ยินสิ่งที่เขาพูดได้อย่างชัดเจน

“ได้คลิปวิดีโอมาแล้วหรือยัง” อารมณ์ในน้ำเสียงของเขาฟังไม่ออก

ทางโน้นน่าจะให้คำตอบที่แน่ใจแล้ว มู่วี่สิงตอบว่า “ส่งให้ฉันเดี๋ยวนี้”

หลังพูดจบ น่าจะวางสายแล้ว และไม่มีเสียงใดๆอีก

ฉินซีเหลือบมองลู่เซิ่น “ติดตามมาด้วยจริงๆ ………. การเคลื่อนไหวนี้รวดเร็วจริงๆ”

ลู่เซิ่นแสดงสีหน้าที่คาดหวัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้……..งั้นพวกเราก็รอก่อน เขาน่าจะติดต่อมาหาพวกเราในเร็วๆนี้”

ฉินซีพยักหน้า

เมื่อมู่วี่สิงเห็นกล้องวงจรปิด ก็ต้องเห็นตัวเองอย่างแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนี้…….. ตรงกันข้าม พวกเขาไม่จำเป็นต้องไปอธิบายอะไรแล้ว

ไม่มีความกังวลในใจของฉินซีเลย แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างที่ยังไม่ชัดเจน แต่หลังจากคิดๆแล้ว แต่ก็คิดไม่ออก และคิดว่าน่าจะเป็นเพราะว่าตัวเองเข้าใจผิด จึงปล่อยวางความสงสัยนี้ กำลังคิดว่าอีกสักครู่ถ้ารับโทรศัพท์แล้วจะเจรจาอย่างไรดี

ทันใดนั้นลู่เซิ่นก็ถอนหายใจ “ก็ไม่รู้ว่าเวินจิ้งจะอธิบายให้เข้าใจไหมว่า ระหว่างเธอกับฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย”

ฉินซีนิ่งไปสักครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปทางลู่เซิ่น

——เธอพูดว่า ตัวเองน่าจะลืมอะไรไปสักอย่าง!

ตอนนั้นไม่ควรปิดเครื่องดักฟัง!

ถ้าเวินจิ้งไม่ชี้แจงอะไรให้กระจ่าง….. สิ่งที่พวกเขาทำไปทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์แล้ว?

และอาจจะทำให้ตัวเองเดือดร้อนด้วยซ้ำ!

ฉินซีรู้สึกหงุดหงิดและขมวดคิ้วเล็กน้อย และหลับตาลงแล้วไตร่ตรองว่าจะมีวิธีแก้ไขอะไรอีกหรือไม่

ทันใดนั้นนิ้วอุ่นก็ยื่นออกมา และแตะที่รอยย่นระหว่างคิ้วของเธอให้คลายออก

“โอเค ฉันล้อคุณเล่น” เสียงของลู่เซิ่นฟังดูผ่อนคลายมาก

ฉินซีสับสนเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมองเขา

ลู่เซิ่นยิ้มอย่างแผ่วเบา “ฉันรู้จักมู่วี่สิงดี ถ้าเวินจิ้งไม่ได้อธิบายให้เข้าใจ คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างเขา ต่อให้ส่งเวินจิ้งไปถึงหน้าประตู เขาก็ไม่มีทางสนองความต้องการของเวินจิ้งได้”

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน

อ่านนิยาย เรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน ฟรี ได้ที่ novel-fast 


โดยเรื่อง Flash Marriage เธอต้องแต่งงานกับฉัน บางส่วนของนิยาย

บทนำ

เดิมทีคิดว่ามู่วี่สิงเป็นคนธรรมดา หลังแต่งงานจึงรู้ได้ว่า เมื่อก่อนเธอไม่รู้จักผู้ชายคนนี้อย่างรอบคอบสามีของตัวเองไม่เพียงแต่เป็นหมอ ยังมีฐานะที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยทางการแพทย์ และทายาทของตระกูลใหญ่

เรื่องย่อ

“คุณเวิน คุณ25ปีแล้ว?”

“อีกเดือนนึงค่ะ”

“ก่อนหน้านี้คบกับผู้ชายมาแล้วกี่คน?”

“คนเดียวค่ะ”

“พัฒนากันไปถึงไหน?”

“พบครอบครัวกันแล้วค่ะ”

“เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งหรือยัง?”

เวินจิ้งสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีมารยาทในที่สุดก็หายไป พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า“เกี่ยวอะไรกับคุณเหรอ!”

“คุณ……เราไม่ได้มานัดดูตัวกันเหรอครับ?ก็แค่รู้จักกันและกันมากขึ้น คุณจะโมโหอะไรเนี่ย!”ผู้ชายตรงข้ามขมวดคิ้วพร้อมตำหนิเวินจิ้ง

“ฉันขอปฏิเสธที่จะรู้จักคุณ ลาก่อน!”เวินจิ้งหยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วหมุนตัวออกไป

เธอหยุดลงแล้ววางเงิน500หยวนไปอย่างเท่ๆ

ชายคนนั้นรีบดึงเวินจิ้งไว้“หมายความว่าไงอ่ะ?คุณอายใช่ไหม คุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์เหรอ?”

เสียงที่เขาพูดไม่ดังเท่าไหร่แต่เพราะว่าในร้านกาแฟค่อนข้างเงียบ ลูกค้าที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกันต่างได้ยินหมด

เวินจิ้งหรี่ตามองแล้วยกเท้าขึ้นมาเหยียบบนเท้าเขาแรงๆ จากนั้นยกกาแฟขึ้นมาสาดใส่หน้าเขาอย่างไม่ลังเล

พอถูกเธอเหยียบใส่ ชายคนนั้นก็ล้มลงไป ดังนั้นกาแฟในมือของเวินจิ้งก็สาดเป็นรูปโค้งใส่ผู้ชายชุดสูทที่กำลังจะออกจากร้าน

เวินจิ้งอึ้งไปแปปนึงกับฉากตรงหน้า

“ขอโทษค่ะ”เธอหยิบทิชชู่จากในกระเป๋าอย่างอึนๆ มองเสื้อเชิ้ตขาวที่โดนสาดใส่ของผู้ชายตรงหน้า พระเจ้า แค่มองก็รู้ว่าชุดราคาแพง

สีหน้าของมู่วี่สิงเย็นชา มองไปที่เวินจิ้งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกและไม่รับทิชช่าจากเธอ แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าออกมา ตอนที่เช็ดกาแฟก็แสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

เวินจิ้งรู้สึกผิดสักพัก ตอนนี้เอง เท้าของหนุ่มนัดดูตัวที่อยู่ข้างล่างก็รีบคว้าเท้าเธอไว้“ยัยผู้หญิงคนนี้ เหยียบเท้าผม!”

“น่ารำคาญจะตายชัก”เวินจิ้งดึงเท้าออกมา จะวิ่งออกจากร้านกาแฟ

ตอนที่ผลักประตู เธอก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้ชายชุดสูทนั่น รูปร่างหน้าตาเขาหล่อเหลาไร้ที่ติ กรอบหน้าชัดเจน ใบหน้าตรงนั่นเหมือนพระเจ้าค่อยๆวาดลงเพื่อทำให้คนที่เห็นแล้วตกตะลึง

พอเข้าไปในรถ เวินจิ้งที่ยังไม่ทันสตาร์ทรถก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา“ลูกรัก ดูตัวเป็นยังไงบ้าง?ผู้ชายคนนั้นโอเคใช่ไหม?”

“จบแล้ว”เวินจิ้งตอบไปสองคำ

ตอนนี้เองรถของเธอก็ออกไปไมได้ เวินจิ่งยิ่งรำคาญมากขึ้น

“อะไรกัน?นี่แม่สื่อแนะนำคนที่ปีนึงมีรายได้เป็นล้านๆให้ฉัน ลูกต้องไปมาหาสู่กับเขาดีๆ……จะหยุดไม่ได้นะ!”

เวินจิ้งไม่อยากฟัง เธอวางโทรศัพท์ลงทั้งที่แม่เธอกำลังบ่น

รถขยับออกไปไม่ได้ เวินจิ้งเลยดึงกุญแจออกมาแล้วลงจากรถ“วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินแน่ๆ!ถึงได้โชคร้ายสุดๆแบบนี้!”

พอพูดจบแปปนึง ฝนก็ตกหนักลงมา

เวินจิ้งหลับจาลง เปียกไปทั้งตัว

พอได้สติเธอก็ว่าจะวิ่งไปหลบฝนในร้านกาแฟ แต่พอนึกถึงผู้ชายที่นัดดูตัวท่าทางน่ารังเกียจเมื่อกี้ ก็เลยล้มเลิกไป

ตอนที่แกว่งไปมาซ้ายขวา ก็มีรถปอร์เช่สีดำก็มาจอดข้างๆเธอ หน้าต่างเปิดลงมาก็มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและคุ้นเคยนั้นเข้ามา

คือผู้ชายที่โดนเธอสาดกาแฟใส่อย่างไม่ตั้งใจเมื่อกี้

“ขึ้นมา”น้ำเสียงและใบหน้าของเขาเย็นชาเหมือนเดิม

เวินจิ้งยิ้มไปอย่างเขินๆพร้อมส่ายหัว“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากคุณเปล่าๆ”

“ไม่ลำบาก”มู่วี่สิงยังคงเย็นชาใส่

เวินจิ้งยิ่งละอายเข้าไปใหญ่ จากนั้นเห็นว่าด้านหลังมีแท็กซี่อยู่ก็เลยคิดว่าจะไปเรียกรถ

แต่บังเอิญจริงๆ เธอดันเหยียบแอ่งน้ำที่ขังไว้ จนรองเท้าส้นสูงพัง

มู่วี่สิงมองเห็นหญิงสาวล้มลงไปจากกระจกมองหลัง เขาขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้แล้วเปิดรถลงมาอุ้มเวินจิ้งขึ้นไปท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก

 

เวินจิ้งอึ้งไป พอนั่งข้างคนขับปุ๊ปก็เริ่มได้สติ

“ขอบคุณค่ะ”เธอหันไปมองผู้ชายข้างๆ

ใบหน้าที่เย็นชาของมู่วี่สิงกลับยื่นผ้ามา

เวินจิ้งก้มลงเช็ดผมและใบหน้าที่เปียกถึงเห็นว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกไปหมด

ดีที่เธอสวมชุดคลุมอยู่ ไม่งั้นคงจะน่าอาย

“ที่อยู่”มู่วี่สิงถาม

“ถนนอันหนิง10”

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป รถปอร์เช่สีดำนั่นก็หยุดลงที่ใต้ตึกเก่าๆที่พักแถวนั้น

เดิมทีเวินจิ้งไม่อยากให้เขาเข้ามาที่ข้างใน แต่ว่าเขาไม่ฟังเธอเลย

“ขอบคุณที่มาส่งฉันค่ะ เรื่องวันนี้ต้องขอโทษมากจริงๆ”เวินจิ้งขอโทษเขาอีกรอบ

“เชิ้ตอขงคุณราคาเท่าไหร่คะ เดี๋ยวฉันจ่ายให้ค่ะ”เวินจิ้งพูดด้วยเสียงหวาดหวั่นเล็กน้อย

สายจาของมู่วี่สิงมองไปข้างหน้า พอได้ยินก็ขมวดคิ้ว แล้วก็เห็นเวินจิ้งเปิดกระเป๋าเงิน

เธอทายในใจน่าจะหลักสี่ แต่ว่าราคาจริงๆไม่รู้

“คุณชดใช้ไหวเหรอ?”เสียงทุ้มต่ำของมู่วี่สิงก็ดังขึ้น เชิ้ตของเขาตัดอย่างดี ทั้งโลกนี้มีแค่ตัวเดียว

“ฉันชดใช้ราคาไม่ไหวเหรอคะ?”ใบหน้าของเวินจิ้งดูหดไป

ตอนนี้เองก็มีเสียงของเจี่ยนอีดังๆจากด้านนอกเข้ามา“เวินจิ้ง กลับมาไวขนาดนี้ทำไมเนี่ย ไม่ได้บอกว่าให้อยู่กับเขานานๆหน่อยเหรอ……”

เวินจิ้งลำบากใจเล็กน้อย ชุมชนเล็กๆแบบนี้ ทุกตึกเกือบจะเป็นเพื่อนบ้านกัน เจี่ยนอีตะโกนแบบนี้จนเกือบจะได้ยินไปทั้งชุมชน

“ขอโทษค่ะ ฉันต้องกลับแล้ว นี่เบอร์ของฉัน ถ้าให้ฉันชดใช้อะไรติดต่อมานะคะ!”เวินจิ้งรีบเขียนเบอร์โทรตัวเองจากนั้นก็ลงรถ

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ที่ปลายนิ้วยังมีกระดาษที่มีไออุ่นของเวินจิ้งอยู่ ด้านบนมีเบอร์โทรอยู่ เขากำกระดาษแน่น

เจี่ยนอีเห็นลูกสาวลงมาจากรถก็ตะลึง แต่ก็ได้สติกลับมา“เวินจิ้ง ทำไมถึงบอกว่านัดดูตัวจบแล้วล่ะ?นี่ไม่ใช่ว่าสำเร็จแล้วเหรอ?”

“ไม่ใช่เขา”เวินจิ้งดึงแม่เข้าบ้าน แต่ว่าดึงไม่ได้

เจี่ยนอีจ้องรถนั่น ในใจก็นับว่ารถนี่น่าจะมีศูนย์กี่ตัว

ที่แท้ก็เป็นคนที่ที่มีรายได้ปีละล้าน รถนี่แค่ดูก็รู้แล้วว่าเกินล้าน!

“ลูกพูดอะไร?อย่าหลอกแม่สิ รีบไปให้เขาลงมาให้แม่ดูหน่อย”

เวินจิ้งนิ่งไป มองมู่วี่สิงแล้วรีบปิดประตูรถ จากนั้นก็ดึงแม่ออกมา

ในรถนั่น มู่วี่สิงมองแม่ลูกที่เดินออกไปไกล สายตาหม่นลงเล็กน้อย

ในแสงสว่างนั่น โทรศัพท์สีขาวก็ตกลงที่เบาะข้างคนขับ

เขาหยิบขึ้นมา โทรศัพท์สั่นเล็กน้อยแล้วก็มีแจ้งเตือนเข้ามาว่า:วันที่1000ที่คุณจากไป

เวินจิ้งกับแม่ที่เพิ่งเข้าบ้าน ออดประตูก็ดัง

เป็นเขา?

เวินจิ้งเปิดประตู ร่างสูงๆของมู่วี่สิงยืนอยู่หน้าประตู

“โทรศัพท์คุณ”น้ำเสียงของมู่วี่สิงมีความไม่พอใจแฝงอยู่

“อ้อ ขอบคุณค่ะ!”เวินจิ้งยิ้ม“เดี๋ยวฉันลงไปส่งคุณ”

พอพูดจบเสียงของเจี่ยนอีก็เข้ามา“เวินจิ้ง ทำไมให้เขายืนอยู่ข้างนอกล่ะ รีบเข้ามานั่งสิ!”

เวินจิ้ง:……

มู่วี่สิงขมวดคิ้ว ขายังไม่ขยับก็พูดอย่างเรียบๆว่า“ผมมีธุระ ไปก่อนนะ”

เวินจิ้งโล่งอกไป วันนี้เธอก็รบกวนชายคนนี้พอแล้วจะให้มีเรื่องอะไรอีกไม่ได้

แต่เจี่ยนอีก็ยังมองมา เวินจิ้งปิดประตูดัง“ปัง”

“แม่ หนูไม่รู้จักเขา”

“ไม่รู้จักเขาแล้วมาส่งลูกได้ไง?”

“เขาใจดี หนูเปียกไปทั้งตัวแบบนี้?”

“แม่ว่าลูกสองคนได้อยู่ ฮิฮิ ผู้ชายคนนี้ไม่เลว เวินจิ้ง ครั้งนี้ลูกสายตาไม่เลวจริงๆ!”

เวินจิ้งกลับเข้าห้อง ปิดประตู


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท