Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร – ตอนที่ 272

ตอนที่ 272

TXV – 272 คืนฝนพรำ !
เมื่อกลางคืนปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา ต้นไม้แต่ละต้นก็ดูไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตจากโลกแห่งความมืดเลยเมื่อมองผู้คนบนภูเขานี้แล้ว ฝ่ายหนึ่งก็พยายามหนี อีกฝ่ายก็พยายามไล่ตามในสายตาพวกเขา คืนนี้เป็นแค่เกมส์น่าเบื่อเกมส์หนึ่งเท่านั้น

กู๋เค่อหวู่ตามล่าเซี่ยเหล่ยมาตั้งแต่6โมงเย็นจนเที่ยงคืนแล้ว ช่วงแรกก็ยังพอมีร่องรอยให้ตามอยู่แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่พบรอยอะไรอีกเลยกู๋เค่อหวู่จึงแบ่งกำลังคนเป็น 3 ทีม กลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าตรงขึ้นไปยังยอดเขาอีกทีมหนึ่งไปทางซ้ายและเหลืออีกทีมหนึ่งที่กู๋เค่อหวู่นำทีมด้วยตัวเองไปทางขวา

ตลอดการไล่ตามกู๋เค่อหวู่ก็ได้รับทั้งความตื่นเต้นและความผิดหวังแต่ท้ายที่สุดก็จบลงด้วยความสิ้นหวัง เขาไล่ล่าเซี่ยเหล่ยจนเหนื่อยเป็นสุนัขหอบพยายามดิ้นรนด้วยกำลังกายทั้งหมดที่มี แต่โชคร้ายที่แม้แต่ตดของเซี่ยเหล่ยก็ยังไม่ได้กลิ่นไม่ต้องพูดถึงการจับหรือฆ่าเขาเลย

แย่ไปกว่านั้นคือ ฝนเริ่มตกแล้ว

ฝนฤดูใบไม้ผลิร่วงหล่นลงมาจากฟ้า ฝนที่ตกลงมาเรื่อยๆทำพื้นเฉอะแฉะเป็นโคลนตมยิ่งไปกว่านั้นไม่มีทางเดินในป่าแล้วเพียงก้าวเท้าลงพื้นไปก็อาจจะลื่นได้ง่ายๆ จากบริเวณที่ค้นหาได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีก็เปลี่ยนมาใช้เวลานานมากแทน

“โอ๊ย!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งล้มลงกระแทกกับหินคม เขาทำหน้าเหยเกทันทีราวกับกินซาลาเปาร้อนๆเข้าไปพร้อมกับแมลงวันในคราวเดียว

“ให้ตายเถอะ ค้นหาตอนอากาศแย่แบบนี้เนี่ยนะ? คงเจอแต่ผีเท่านั้นแหละ!” บอดี้การ์ดบ่นเสียงเบา

“เบาๆหน่อย อย่าให้นายน้อยได้ยินเชียว เขาโมโหเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นะ อย่าทำเขาหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย” บอดี้การ์ดอีกคนกระซิบ

แต่บทสนทนานี้ดังไปไม่ถึงหูกู๋เค่อหวู่อันที่จริงไม่ใช่แค่เหล่าบอดี้การ์ดที่เริ่มหมดหวังแต่ความมั่นใจของกู๋เค่อหวู่เองก็เริ่มสั่นคลอนมานานแล้ว

กู๋เค่อหวู่เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝนสีหน้าดูโกรธ “แม่ครับ แม้แต่แม่ก็ยังช่วยไอ้เด็กนั่นเหรอ!”

“นายน้อยครับ เรา……” บอดี้การ์ดคนหนึ่งถามด้วยความระมัดระวัง

“หาต่อไป!” กู๋เค่อหวู่โกรธจัด “ตระกูลกู๋ชุบเลี้ยงพวกคุณมา ตอนนี้พวกคุณต้องตอบแทนเราแล้ว! ถ้าใครทำอะไรไม่ได้พ่อผมเฉดหัวคุณทิ้งแน่!”

กลุ่มบอดี้การ์ดเงียบลงทำสีหน้าให้นิ่งที่สุดและค้นหาต่อไป……

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็รอดพ้นสายตาเซี่ยเหล่ยไปไม่ได้ห่างออกไป 500 เมตรเซี่ยเหล่ยกระโดดลงจากยอดต้นไม้ใหญ่

“พวกเขาเจอเรารึเปล่า?” อเลน่าถามอย่างวิตกกังวล

“ยังอีกไกล ไม่ต้องห่วงนะ” เซี่ยเหล่ยนั่งลงพักผ่อนร่างกายในระยะห่าง 500 เมตรนี้ถือว่าปลอดภัยมาก เขาสามารถนั่งพักได้อีกหลายนาที

อเลน่าขยับเข้ามาซุกตัวเซี่ยเหล่ย ตัวเธอเย็นเฉียบโดยเฉพาะขายาวๆที่ไม่มีกางเกงช่วยปกปิด ขาที่โดนทั้งฝนทั้งลมก็ไม่ต่างจากการจับเธอลงแช่ในน้ำเย็นเลย

แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่ทางเหนือแม้จะเป็นฤดูใบไม้ผลิสภาพอากาศก็เย็นมากอยู่ดี

“ผมเอากางเกงให้คุณดีกว่า” เซี่ยเหล่ยลูบต้นขาอเลน่าความเย็นของผิวที่สัมผัสจากเธอทำเขาเริ่มกังวลแล้ว

“ทำแบบนั้นได้ไง? คุณให้เสื้อฉันมาแล้วนะ คุณน่ะคือคนสำคัญที่สุดเลย คุณป่วยไม่ได้ แต่ฉันป่วยได้” อเลน่ากล่าว

เซี่ยเหล่ยรู้สึกอบอุ่นในใจเขาดึงอเลน่าเข้ามาใกล้ “มานั่งบนตักผมสิ จะได้อุ่นขึ้น”

อเลน่าคลานขึ้นไปนั่งบนตักเซี่ยเหล่ยและพิงอกเขา ตัวเซี่ยเหล่ยค่อนข้างอุ่น นั่นจึงทำให้อเลน่ารู้สึกสบายขึ้นมาก

แต่ความสงบสุขก็เริ่มต้นได้แค่ 2 นาทีเท่านั้น อีก 2 นาทีต่อมาก็ความสงบนั่นก็ลดลงแล้ว

“อะไรน่ะ?” อเลน่าหันไปมองเซี่ยเหล่ย “คุณเอาอะไรมาจิ้มฉันเนี่ย? กิ่งไม้?”

เซี่ยเหล่ยอึกอัก “อย่าคิดลึกอะไรเชียวนะ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ……”

อเลน่าหมุนเอวหันไป

เซี่ยเหล่ยรีบดันตัวเธอลงทันที “อย่าวุ่นวายน่า ตอนนี้พักให้เต็มที่เถอะ”

อเลน่าหันกลับมาแล้วจับหมับเข้าที่สิ่งที่เธอเรียกมันว่ากิ่งไม้ก่อนจะยิ้มกว้าง “ฉันรู้นะว่าอะไร ฉันแค่อยากให้คุณผ่อนคลาย คุณน่ะเครียดเกินไปแล้ว”

เซี่ยเหล่ยไม่กล้าแม้จะยิ้มการที่เธอหยอกล้อเขาแบบนี้ช่วยให้เขาผ่อนคลายลงมาก ผู้หญิงจากวัฒนธรรมที่แตกต่างช่างให้ความรู้สึกที่ต่างกันจริงๆ เรื่องพวกนี้คงมีแค่ผู้หญิงตะวันตกเท่านั้นที่กล้าทำแต่คงหาได้ยากมากสำหรับผู้หญิงตะวันออกที่จะกล้าทำแบบนี้….

อเลน่ามองเซี่ยเหล่ยด้วยความรักก่อนจะจูบบนริมฝีปากเขาในป่าที่ฝนตกไม่ลืมหูลืมตาแบบนี้ เธอก็ต้องการความอบอุ่นในร่างกายและหัวใจเป็นธรรมดา

เป็นจังหวะเดียวกับที่ซ่างชิงซินตื่น เธอค่อยๆลุกขึ้นนั่งและเห็นอเลน่าตอนที่จูบเซี่ยเหล่ยพอดีรวมทั้งเห็นซ่างเหยี่ยเหยี่ยอยู่ใกล้ๆ

ภาพตอนเซี่ยเหล่ยพังประตูเข้ามาและทำให้เธอสลบก็ผุดขึ้นมาในหัวซ่างชิงซินทันที เธอเริ่มตึงเครียดและลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจอุ้มซ่างเหยี่ยเหยี่ยและค่อยๆเดินไปเตรียมตัวหนีเงียบๆ

เมื่อหยาดฝนตกจากยอดไม้ลงมาบนหน้าผากซ่างเหยี่ยเหยี่ย ความเย็นของมันก็ปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมาเธอลืมตาขึ้นพลางพูดว่า “แม่คะ มืดจังเลย”

ซ่างชิงซินยื่นมือออกไปปิดปากลูกสาวแต่ก็สายไปแล้ว คนที่ไม่ควรได้ยินกลับได้ยินเสียงของซ่างเหยี่ยเหยี่ยเข้าแล้วซึ่งเธอคนนั้นเป็นสาวต่างชาติที่จูบกับเซี่ยเหล่ยอยู่ ไม่รอให้เซี่ยเหล่ยพูดอะไร เธอก็รีบมาขวางทางสองแม่ลูกเอาไว้ทันที

ซ่างชิงซินรู้สึกแค่ว่าสาวต่างชาติตรงหน้าเธอดูตลกแปลกๆ เธอใส่เสื้อแจ็คแก็ตผู้ชาย แต่ท่อนล่างมีแค่กางเกงลูกไม้ขาดๆที่แทบจะปิดอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ที่เท้าก็ใส่แค่สลิปเปอร์เปรอะโคลนพูดสั้นๆก็คือเธอเซ็กซี่แต่ก็ดูน่าสงสารเป็นความรู้สึกวุ่นวายที่ตีปนกันจนยากจะอธิบาย

แต่ด้วยความเป็นคนต่างชาติของอเลน่า ป่ามืดทึบและเหตุการณ์น่ากลัวก่อนหน้านี้ทำให้ซ่างชิงซินนิ่งไปด้วยความกลัวตาย “คุณ คุณจะทำอะไร?”

กลับกันเซี่ยเหล่ยดูนิ่งมากๆ “ไม่ต้องกลัวนะ เธอเป็นเพื่อนผมชื่อเซี่ยเหม่ยเป็นหัวหน้าช่างของโรงงานทางกองทัพ คุณดูเธอสิ ทั้งหมดที่เธอทำเป็นเพราะพยายามช่วยพวกคุณนะ”

“ช่วยเรา? ฉันจำได้ว่าคุณทำฉันสลบไปนะ!” ซ่างชิงซินโกรธ

“เบาๆหน่อยคุณ! มีคนตามเรามาในป่าด้วย!” เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นยืน “ผมแบกพวกคุณมาทั้งคืน ผมจะไม่ขอให้พวกคุณตอบแทนอะไรหรอกนะ ตราบใดที่พวกคุณเชื่อใจผม ถ้าคุณอยากไป ผมไม่ห้าม แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้นะว่าถ้าคุณตกอยู่ในเงื้อมมือของคนพวกนั้นแล้วไม่ใช่แค่คุณกับลูกที่จะตายแต่แดลนี่ก็คงจบไม่สวยด้วยเหมือนกัน”

ซ่างชิงซินหันกลับไปมองแสงไฟฉายวูบวาบ เธอรู้ได้ทันทีว่าสถานการณ์ตอนนี้เหมือนพวกเขากำลังไล่ล่าอยู่แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าเธอเชื่อเซี่ยเหล่ยรึเปล่าว่าเขาเป็นฝ่ายถูกตามล่าบนภูเขาลูกนี้

เซี่ยเหล่ยกล่าว “คุณซ่าง ลองคิดดูดีๆนะครับ ถ้าผมอยากทำร้ายคุณกับลูกสาว งั้นผมมีโอกาสตั้งกี่ครั้งแล้วตั้งแต่เราพาคุณมาด้วย? แล้วผมทำร้ายคุณแม้แต่ปลายผมรึยัง?”

ซ่างชิงซินนิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ

เซี่ยเหล่ยกล่าว “ตอนนี้ผมกับเซี่ยเหม่ยกำลังจะไปที่เมืองข้างล่างภูเขาแต่คุณจะตามเรามาหรือไปกับพวกเขา คุณตัดสินใจดีๆแล้วกัน”

อเลน่ามองเซี่ยเหล่ยด้วยความสับสน เธอและเขาลำบากกันมากในการพาสองแม่ลูกมาให้ไกลได้ขนาดนี้แต่ตอนนี้เซี่ยเหล่ยกำลังจะปล่อยพวกเขาไป เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงอยากทำแบบนั้น

การที่เซี่ยเหล่ยดูเหมือนเต็มใจจะปล่อยทั้งสองคนไปเป็นเพียงชั้นเชิงทางจิตวิทยาเท่านั้นถ้าเช้าเมื่อไหร่ เขาก็จะเข้าเมืองป๋ายลู่ไปพร้อมกับซ่างชิงซินและซ่างเหยี่ยเหยี่ย จากนั้นก็จะหารถสักคันเพื่อไปหาหลงบิงเพราะเขาไม่มีทางเดินไปตามถนนกับผู้หญิงเหล่านี้แน่ๆ เขาจึงต้องทำให้ซ่างชิงซินเชื่อใจเขาก่อน

แต่ถ้าชนะใจเธอไม่ได้และเธอเลือกไปกับกู๋เค่อหวู่แทน เซี่ยเหล่ยก็จะยื่นมือไปดึงเธอกลับแบบไม่ลังเลและช่วยเธอออกมาอยู่ดี

“เซี่ยเหม่ย เราไปกันเถอะ” เซี่ยเหล่ยพูดแล้วเดินไปจริงๆ

อเลน่ายักไหล่แล้วเดินตามเซี่ยเหล่ยไปด้วย

“เดี๋ยว……” ในที่สุดซ่างชิงซินก็ตัดสินใจ “ฉันจะไปกับพวกคุณ”

เซี่ยเหล่ยรู้สึกโล่งใจทันที “งั้นผมจะช่วยอุ้มลูกคุณไปนะ”

“ไม่ล่ะ ฉันอุ้มเธอเองดีกว่า” ซ่างชิงซินยังระแวงเซี่ยเหล่ยอยู่เล็กๆ

เมื่อไม่ต้องแบกซ่างชิงซินแล้วแถมยังเป็นทางลงเขา เซี่ยเหล่ยรู้สึกว่าการเดินง่ายขึ้นเยอะ ความเร็วในการเดินเองก็เร็วขึ้นมากด้วยเช่นกัน

เมื่อเข้าใกล้เมืองป๋ายลู่มีผู้ชายสามคนเดินอยู่บนถนนคอนกรีต ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆแล้ว

ระหว่างเดินผ่านบ้านของชาวนาคนหนึ่ง เซี่ยเหล่ยก็แอบเข้าไปขโมยกางเกงยีนส์และเสื้อกันหนาวของผู้หญิงจากราวตากผ้ามาแม้ว่ามันจะเป็นกางเกงยีนส์ผู้ชาย แต่เพราะเจ้าของกางเกงคงสูงไม่ถึง 185 เซนติเมตรเท่าอเลน่าเมื่อเธอใส่มันแล้วจึงค่อนข้างแน่นที่บั้นท้าย ขากางเกงลอยเติ่ง ดูตลกนิดหน่อยแต่ก็เซ็กซี่ไปพร้อมๆกัน

“แม่ คุณลุงเป็นขโมย !” ซ่างเหยี่ยเหยี่ยพูดพลางชี้เซี่ยเหล่ย

ซ่างชิงซินรีบพูด “อย่าพูดไร้สาระน่า เขาไม่ใช่ขโมย เขา…… เขาจ่ายเงินแล้ว”

เซี่ยเหล่ยยิ้ม “เหยี่ยเหยี่ยน้อย วันนี้ลุงเซี่ยจะพาหนูไปหาพ่อนะ ดีมั้ย?”

“ดีค่ะ ดีค่ะ!” ซ่างเหยี่ยเหยี่ยตอบอย่างดีใจ

เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “แต่หนูต้องเชื่อฟังนะ ห้ามร้อง ห้ามพูดมาก จำได้ใช่มั้ย?”

“อื้ม! จำได้ค่ะ” ซ่างเหยี่ยเหยี่ยตอบรับขึงขังแล้วปิดปากตัวเองจริงๆ

เซี่ยเหล่ยพาอเลน่าและซ่างชิงซินที่อุ้มลูกอยู่เข้าไปในเมืองป๋ายลู่ระหว่างที่เดินไปก็โทรหาหลงบิงไปด้วย

“ทางนั้นโอเคมั้ย?” เซี่ยเหล่ยถามไปด้วยความกังวล

“ทางนี้เรียบร้อยดี สองแม่ลูกยังอยู่กับคุณมั้ย?” หลงบิงถามกลับมาน้ำเสียงเธอดูสงบมาก

“อยู่ กู๋เค่อหวู่ไล่ล่าผมทั้งคืนเลยตอนนี้เราอยู่ในเมืองป๋ายลู่ คุณอยู่ไหน?”

“ฉันกำลังไป คุณหาที่ซ่อนตัวก่อนขอเวลาฉันครึ่งชั่วโมง” หลงบิงกล่าว

“โอเค คุณรีบหน่อยนะ ที่นี่ไม่ปลอดภัย” เซี่ยเหล่ยวางสายไป เขามองไปรอบทิศ และเห็นครอบครัวหนึ่งอยู่ที่โรงแรมและคนที่เซี่ยเหล่ยไม่อยากเห็นถึงสองคนด้วย

นั่นคือบอดี้การ์ดสองคนของกู๋เค่อหวู่ห่างออกไป 300 เมตรกำลังกวาดตามองไปทั้งถนนเหมือนหาอะไรอยู่

กู๋เค่อหวู่ฉลาดให้คนของเขารออยู่ในเมืองด้วยแต่โชคดีที่เช้าหลังจากคืนฝนตกมีหมอกลงหนา พวกเขาจึงยังไม่เห็นเซี่ยเหล่ย

“ตามผมมา” เซี่ยเหล่ยหมุนตัวเดินไปทางซอยหนึ่งบนถนนและตั้งใจเดินอ้อมไปยังโรงแรมหนึ่งเดียวของเมืองนี้

ติดตามตอนต่อไป…………..

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Status: Ongoing

เซี่ยเหล่ยสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กเขาจึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อดิ้นรนเอาตัวรอดและสิ่งที่สำคัญเขาต้องเลี้ยงดูน้องสาวของเขา แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น

เขาประสบอุบัติเหตุในโรงงานซึ่งทำให้ตาของเขาบอดแต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าตาเขาไม่ได้บอดแต่มันมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมา !!

ในตอนนี้เขากำลังจะใช้ความสามารถพิเศษที่เขาได้มาในทางชั่วร้ายเพื่อสร้างชีวิตของเขาและน้องสาวให้ดีขึ้นเหมือนคนอื่นๆ

เซี่ยเล๋ยจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งชั่วร้ายกับพลังที่เขาเพิ่งค้นพบหรือไม่ ?

ข้าจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของข้าเอง !!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน