Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร – ตอนที่ 349 กลิ่นอายเก่าแก่ !

ตอนที่ 349 กลิ่นอายเก่าแก่ !

TXV –

สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการปรับปรุงและอัปเกรดเครื่องมือและเครื่องจักรก็คือคนและอุปกรณ์เครื่องมือแต่ดูเหมือนในเรื่องนี้จะไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไหร่
หลังจากต้องปรับปรุงและอัปเกรดเครื่องมือเครื่องจักรแล้ว เขายังต้องปรับปรุงปืนไรเฟิลอีกสามกระบอก โดยที่สองกระบอกแรกจะทำให้กับถ่างหยู่เหยี่ยและถ่างปั่วฉ่วน ส่วนอีกกระบอกคือปืนโมเดลตัวอย่างของอเลน่าที่ต้องการจะนำไปจัดแสดงที่งานนิทรรศการที่กรุงมอสโคว์
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน
ในห้องทำงานปฏิบัติการของเซี่ยเหล่ย ทั้งเขาและอเลน่าในตอนนี้กำลังช่วยกันปรับปรุงและอัปเกรดเครื่องมือเครื่องจักรของเขาให้สามารถใช้ได้สำหรับการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพตามที่พวกเขาต้องการ
”ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด มันน่าจะเสร็จภายในครึ่งเดือน” อเลน่าพูดขึ้นพร้อมกับเอามือเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง
ด้วยสะโพกที่โด่ดเด่นและช่วงขาที่เรียวยาวแม้ว่าเธอจะสวมชุดปฏิบัติการสีน้ำเงินอยู่ก็ตาม เสน่ห์และความเซ็กซี่ของเธอก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อมองไปที่อเลน่าเซี่ยเหล่ยก็ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก
คนงานที่อยู่ในห้องทำงานปฏิบัติการของเซี่ยเหล่ย พวกเขาบางส่วนก็ได้มองไปยังเซี่ยเหล่ยและอเลน่าที่กำลังทำงานด้วยกันอยู่ บางคนก็ยิ้มให้กับพวกเขา บางคนก็กระซิบกัน บางคนก็รู้สึกอิจฉาพวกเขาแต่ทั้งหมดนี้พวกเขาไม่ได้พูดอะไรที่หยาบคายต่อเซี่ยเหล่ยและอเลน่าเลยในช่วงเวลาที่เซี่ยเหล่ยอยู่ในโรงงานความสามารถของเขาเป็นที่ประจักษ์แล้วว่ายอดเยี่ยมแค่ไหน คนงานทุกคนต่างรู้สึกยกย่องเขาแม้กระทั่งช่างเทคนิคที่มีความสามารถหรือวิศวกรไฟฟ้าที่มีใบอนุญาต พวกเขาต่างชื่นชมในตัวเซี่ยเหล่ยป็นอย่างมาก
”เหมือนว่าจะมีคนมองเราอยู่นะ….. ” เซี่ยเหล่ยพูดในขณะนี้เขารู้สึกอายเป็นอย่างมาก
อเลน่ายิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “คนจีนเป็นคนขี้อายและพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นพวกที่ชอบสังเกตคนอื่น….”
เซี่ยเหล่ยยิ้มให้เธอแต่ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไปนั่นก็เพราะวัฒนธรรมของพวกเขามีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ชาวตะวันตกจะเป็นคนที่เปิดเผยมากกว่าคนจีน ดังนั้นพวกเขาจึงมองว่าเราเป็นคนขี้อาย
ในเวลานี้ฉิงเสวียงก็เดินเข้ามาในห้องทำงานปฏิบัติการ เขามองไปที่เครื่องจักรก่อนพูดขึ้นว่า “มันเป็นอย่างไรบ้าง? มันใช้งานได้แล้วหรือยัง?”
ในตอนที่ฉิงเสวียงเดินเข้ามา พวกคนงานก็มีท่าทางที่เปลี่ยนไป พวกเขากลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างรวดเร็วนั่นก็เพราะพวกเขากลัวฉิงเสวียงและไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามพวกเขาตั้งชื่อเรียกให้เธอโดยเฉพาะว่า “เสือสาว !”
จังหวะเดียวกันนี้อเลน่าและเซี่ยเหล่ยก็หยุดทำงานพร้อมหันมามองที่ฉิงเสวียง
ฉิงเสวียงเดินไปหาเซี่ยเหล่ยจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “คุณนี่จริงๆเลย ถ้าคุณต้องการความเป็นส่วนตัวและไม่ต้องการให้มีคนมอง ไปทำที่สำนักงานของฉันก็ได้นะ”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเจื่อนๆจากนั้นก็พูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก”
ฉิงเสวียงยักไหล่ก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า “อ้อ…เมื่อกี้ถ่างหยู่เหยี่ยมาที่นี่ เธอต้องการพบคุณ ตอนนี้เธอกำลังรอคุณอยู่ที่สำนักงาน”
”ผมจะไปพบเธอเดี๋ยวนี้แหละ” เซี่ยเหล่ยพูด
ฉิงเสวียงมองเซี่ยเหล่ยเดินออกจากห้องทำงานปฏิบัติการไปจากนั้นก็หันมายิ้มพร้อมพูดกับอเลน่าว่า “อเลน่า เธอไม่เห็นงั้นเหรอ?”
”เห็นอะไร?” อเลน่าพูดขึ้นในขณะที่ตัวเองยังคงหมุนสกรู
”ทุกๆอย่างแต่ช่างมัน…ให้ฉันช่วยไหม?” ฉิงเสวียงพูดขึ้นในขณะที่ตัวเองกำลังถลกแขนเสื้อและหยิบประแจที่เซี่ยเหล่ยวางไว้ก่อนจะออกจากห้องขึ้นมา
อเลน่าพูดว่า “ก็ได้ งั้นก็บิดสกรูสิบรอบและรอบสุดท้ายอีกครึ่งรอบ ห้ามมากหรือน้อยกว่านี้ ไม่อย่างนั้นมันจะทำงานผิดพลาดหรือทำงานได้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร”
”เธอมันตาบอดจริงๆ” ฉิงเสวียงพูดเบาๆกับตัวเอง
”คุณพูดว่าอะไรนะ?” อเลน่าถามเพราะได้ยินไม่ถนัด
”ไม่มีอะไร ฉันซื้อหน้ากากมาใหม่คุณต้องการมันมั้ย ?” ฉิงเสวียงถาม
อเลน่า “……”
กลับมาที่เซี่ยเหล่ยในตอนนี้เขาเดินมาถึงออฟฟิศแล้ว
ถ่างหยู่เหยี่ยที่นั่งฮัมเพลงอยู่ที่โซฟาได้ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา เธอมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมรอยยิ้มและในวันนี้เธอแต่งหน้ามาด้วย เธอเขียนคิ้วและขอบตาขึ้นใหม่ให้มีลักษณะที่ดูคล้ายดวงตาของนกฟีนิกส์ ปากของเธอก็ทาลิปสีเชอร์รี่อ่อนๆ แก้มของเธอก็ปัดสีแดงหน่อยๆ
เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นเธอก็พูดขึ้นว่า “วันนี้ คุณดูดีมากเลยนะ”
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มก่อนพูดว่า “ฉันไม่อยากได้ยินคำนี้ซักเท่าไหร่”
”คุณน่าเกลียดจริงๆ” เซี่ยเหล่ยพูดอีกครั้งโดยเปลี่ยนประโยคคำพูด
”อะไรนะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมมองตาโตไปที่เซี่ยเหล่ย
”ฮ่าฮ่า…ผมแค่ล้อเล่น ผมรู้ว่าที่คุณมาหาผมเพราะอะไรแต่ก่อนอื่นผมมีอะไรจะให้คุณดูก่อน” เซี่ยเหล่ยเดินไปที่โต๊ะของตัวเองจากนั้นก็ลากกล่องที่อยู่ใต้โต๊ะออกมา และหยิบปืนไรเฟิลที่เหมือนกันสองกระบอกขึ้นมาวางบนโต๊ะ
ถ่างหยู่เหยี่ยเห็นปืนที่เซี่ยเหล่ยวางไว้บนโต๊ะ เธอก็รีบหยิบปืนไรเฟิลกระบอกหนึ่งขึ้นมาดูก่อน
ในขณะที่ถ่างหยุ่เหยี่ยกำลังดูอยู่นั้น เซี่ยเหล่ยก็พูดว่า “มันคือปืนไรเฟิลรุ่นใหม่ของเรา แต่มันยังไม่สามารถใช้การได้”
”ทำไมหล่ะ?” ถ่างหยู่เหยี่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยพร้อมถาม
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “เพราะเครื่องมือและเครื่องจักรที่เรามีตอนนี้ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่จะดึงความสามารถทั้งหมดของมันออกมาได้”
ถ่างหยู่เหยี่ยพูดว่า “งั้นฉันจะรอจนกว่าคุณจะดัดแปลงจนมันสมบูรณ์”
เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “แต่อันนี้ผมยังให้คุณไม่ได้เพราะหลังจากผมดัดแปลงปรับเปลี่ยนใหม่จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจะนำมันไปแสดงในงานนิทรรศการที่ประเทศรัสเซีย มันเป็นโอกาสสำหรับเราที่จะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักซึ่งถ้าเป็นไปตามที่คาดไว้ เราจะมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศจำนวนมาก ”
”อะไรกัน” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจและพูดต่อทันทีว่า “ที่อัฟกานิสถานเราผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งมากมาย แต่ฉันยังไม่ได้อะไรเลยจนถึงตอนนี้!”
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมพูดว่า “คุณหมายความว่าไง?”
ถ่างหยู่เหยี่ยเบ้ปากก่อนพูดว่า “ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกงั้นเหรอ? หลงบิง…เธอได้ของขวัญจากคุณทั้งๆที่เธอไม่ได้ไปเสี่ยงอันตรายด้วยเลยที่อัฟกานิสถานเลย แต่จู่ๆเธอก็ได้รับจี้ไพลินเป็นของขวัญที่มาจากชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์!! ส่วนฉันที่ต้องไปเสี่ยงชีวิตกับคุณกลับไม่ได้อะไรเป็นของขวัญเลย”
แม้จะเป็นคำพูดที่ดูรุนแรง แต่คำพูดเหล่านี้ก็มีส่วนถูกอยู่ไม่น้อย.Aileen-novel.
”ที่จริงผมได้เตรียมของบางอย่างให้คุณไว้ตั้งนานแล้ว” เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมหันไปเปิดลิ้นชักและหยิบห่อกระดาษขึ้นมาจากนั้นก็ส่งมันให้กับเธอ
”คุณ …… คุณให้ของขวัญฉันจริงๆงั้นเหรอ?” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดพร้อมรับของขวัญมาจากเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยิ้มและตอบกลับไปว่า “ที่คุณพูดมาก็ไม่ผิดแต่ผมจะไม่ให้คุณได้ยังไงกัน ทั้งผมและคุณผ่านมาอะไรมาตั้งมากมายในอัฟกานิสถาน เราเกือบจะถูกฆ่าด้วยซ้ำ แต่เราก็ผ่านมาได้แถมคุณยังเห็นก้นของผมแล้วอีกต่างหาก รวมกับสิ่งนี้แล้วคงจะเป็นของขวัญให้คุณได้ใช่ไหม? ฮ่าฮ่า”
”จะบ้าหรือไง? ฉันไม่ได้อยากเห็นก้นของคุณซักหน่อย” แม้ว่าปากเธอจะพูดออกไปแบบนี้แต่บนใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความดีใจหลังจากพูดจบเธอก็เปิดห่อกระดาษออกทันที
ภายในห่อประดาษมีปืนสีทองแบบโบราณ ตรงปลายถูกประดับด้วยไพลินสีแดง เมื่อมองไปที่มันแล้วจะให้ความรู้สึกหรูหราอย่างมาก แน่นอนว่านี่คือสิ่งที่อยู่ภายในโรงศพของเจ้าหญิงหยงเหม่ย
”นี่มัน …… ” ถ่างหยู่เหยี่ยอุทานออกมาด้วยความประหลาดรวมปนกับความดีใจ
เซี่ยเหล่ยพูดว่า “ผมได้มาจากชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ คุณเก็บมันไว้เถอะตอนนี้มันเป็นของคุณแล้ว ”
หลังจากนั้นเธอก็พยายามรวบผมและพยายามปักมันลงไปที่ผมของเธอ เธอใช้เวลาอยู่ราวๆสองถึงสามนาทีได้กว่าจะปักสำเร็จ
แต่อย่างไรก็ตามถ่างหยู่เหยี่ยก็สงสัยว่ามันจะเป็นของที่มาจากชนเผ่าเฮ็ปตาไลท์ไปได้อย่างไรในเมื่อที่นั่นแทบไม่มีอะไรที่พอจะเรียกว่าเป็นของมีค่าได้เลย เธอมองไปที่เซี่ยเหล่ยก่อนจะพูดว่า “ที่ชนเผ่าเฮ็มตาไลท์ ฉันก็เห็นสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาแล้ว พวกเขาไม่น่าจะมีของมีค่าแบบนี้ได้ คุณหามาจากไหน?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า “แล้วคิดว่าผมได้มาจากไหนหล่ะ?”
ถ่างหยู่เหยี่ยยิ้มและพูดอย่างหลอกล่อและมีชั้นเชิงว่า “แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณได้มาจากไหน”
พูดเสร็จพวกเขาก็ยิ้มให้กันดูเหมือนว่าถ่างหยู่เหยี่ยจะรู้ว่าเซี่ยเหล่ยได้เครื่องประดับเหล่านี้มาจากไหนแต่เธอก็ไม่ได้พูดออกมา……
และดูเหมือนเธอจะยังรู้อีกว่าภารกิจในครั้งนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยสูญเสียเงินไปมาก ถ้าเขาจะต้องการสิ่งเหล่านี้เพื่อชดเชยเงินที่เสียไปบ้างก็คงจะไม่แปลกอะไร
”ที่จริงแล้วปืนของคุณและของพี่ชายคุณได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว ประสิทธิภาพของมันใกล้เคียงกับกระบอกเก่าที่คุณได้ไปก่อนหน้านี้เลย” เซี่ยเหล่ยพูดเปลี่ยนเรื่อง
”ฉันไม่คิดว่าคุณจะทำมันเสร็จเร็วขนาดนี้” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดด้วยท่าทางตะลึงเล็กน้อย
”ก็ที่นี่เป็นโรงงานผลิตอาวุธนี่ มันก็ต้องเร็วเป็นธรรมดาอยู่แล้ว” เซี่ยเหล่ยตอบกลับอย่างเรียบง่าย
ถ่างหยู่เหยี่ยวางโมเดลปืนก่อนจะพูดว่า “ที่จริงแล้วฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อมาถามหาเรื่องปืนหรอกนะ ฉันแค่จะมาชวนให้คุณไปหาปู่ด้วยกันกับฉัน”
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วพร้อมพูดว่า “วันนี้ผมยุ่งมากเพราะต้องอัพเกรดเครื่องมือเครื่องจักรของโรงงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากพอที่จะผลิตปืนไรเฟิลตามที่ต้องการให้ได้เร็วที่สุด ถ้าเป็นอีกสิบวันหลังจากนี้จะได้หรือไม่?”
”ฉันรู้ว่าคุณยุ่ง ฉันจึงมาหาคุณวันนี้” ถ่างหยู่เหยี่ยพูดต่ออีกว่า “ก่อนหน้านี้ปู่ของฉันอยู่ที่เมืองชู่แต่ตอนนี้ฉันได้เชิญปู่มาที่นี่ด้วยความที่เขาอยากเจอคุณ เขาจึงยอมมา ดังนั้นคุณพอจะมีเวลาซักครึ่งวันมั้ย ? ”
เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสถ่างได้เดินทางมาถึงที่นี่ทำให้เซี่ยเหล่ยตอบกลับไปว่า “ตกลง ผมขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นผมจะไปกับคุณ”
ตระกูลถ่างเมื่อเทียบกับตระกูลกู๋แล้วก็เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจไม่น้อยไปกว่ากันซักเท่าไหร่ดังนั้นหากผู้อาวุโสของตระกูลเดินทางมาถึงที่นี่ด้วยตัวเองแล้วจะไม่ออกไปพบก็เห็นจะน่าเกลียดเกินไป
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยก็เดินไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทางไปหาผู้อาวุโสระหว่างที่กำลังเดินทางเซี่ยเหล่ยก็ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับตระกูลถ่างเพิ่มเติมจากการเล่าของถ่างหยู่เหยี่ย เธอบอกว่ามีหลายคนในตระกูลของเธอมีตำแหน่งหน้าที่ในกองทัพทหารและตอนนี้ก็มีไม่น้อยที่เกษียรไปแล้ว หนึ่งในนั้นแม้จะเกษียรไปแล้วแต่ก็ยังมียศและอำนาจที่สูงมาก เนื่องจากเขาได้เข้าร่วมสงครามและสร้างผลงานไว้จนเป็นที่น่าพอใจ
หลังจากขับไปจนถึงจุดหมาย ถ่างหยู่เหยี่ยก็จอดรถข้างทางทั้งเซี่ยเหล่ยและถ่างหยู่เหยี่ยเดินลงจากรถรอบข้างถนนมีต้นไม้อยู่เรียงราย ทั้งสองข้างของถนนก็มีบ้านเดี่ยวขนาดเล็กที่มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมตะวันตกรวมอยู่ มันดูเก่ามาก แต่ด้วยความปราณีตของตัวอาคารทำให้มันยังดูสวยงามและมีเสน่ห์อยู่ด้านบรรยากาศของที่นี่เงียบมาก มันให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในชนบทแม้ว่าที่นี่จะยังเป็นเขตตัวเมืองก็ตาม
ซึ่งคนที่อยู่ที่นี่สภาพแวดล้อมแบบนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดา
”ปู่ของคุณจะรับผมเป็นลูกศิษย์จริงๆงั้นเหรอ?” เซี่ยเหล่ยถามขึ้นเพราะความไม่แน่ใจ
ถ่างหยู่เหยี่ยตอบกลับไปว่า “เรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ใจแต่ถ้าคุณมีความพยายามมากพอ โชคอาจจะเข้าข้างคุณก็ได้นะ”
”ผมจะพยายามให้ถึงที่สุดเพราะผมต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะของตระกูลถ่างแต่ถ้าที่สุดแล้วมันไม่สำเร็จตามที่หวัง ผมก็ยอมรับมันได้” เซี่ยเหล่ยพูด
ถ่างหยู่เหยี่ยชี้ไปที่บ้านหลังเล็กๆที่อยู่ถัดจากทางเดินและพูดขึ้นว่า “ตรงนั้นเป็นบ้านของฉันปกติแล้วพ่อแม่และพี่ชายของฉันจะอยู่ที่นี่”
เซี่ยเหล่ยมองตามมือที่เธอชี้ไป เขาก็เห็นบ้านที่เธอชี้แต่มันไม่น่าสนใจเท่ากับปลายทางที่เขามองไป เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งหลังจากเห็นผู้หญิงคนนั้นหน้าผากและคิ้วของเขาก็เหี่ยวย่นทันที
ผู้หญิงคนนั้นคือกู๋เค่อเหวิน
กู๋เค่อเหวิน เธอสวมกระโปรงยาวสีดำพร้อมกับสะพายกระเป๋าสีดำ ท่าทางของเธอดูมีความเป็นผู้ใหญ่และดูน่าสนใจทีเดียวแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันไปซักพักหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแต่มีสิ่งหนึ่งที่เซี่ยเหล่ยตระหนักได้ในทันทีก็คือครั้งนี้ความรู้สึกที่เขามองไปที่เธอกลับเป็นความรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่ากู๋เค่อเหวินในตอนนี้ก็มองกลับมาที่เซี่ยเหล่ยแต่ท่าทางของเธอกลับไม่มีความเกลียดชังหรือท่าทางที่ดูไม่เป็นมิตรเลย เธอดูสงบและดูเยือกเย็น มุมปากของเธอมีรอยยิ้มเล็กน้อยราวกับว่าเธอในตอนนี้มีความสุขดีอยู่แล้ว
เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง?
….
ติดตามตอนต่อไป………..

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร

Status: Ongoing

เซี่ยเหล่ยสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กเขาจึงต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อดิ้นรนเอาตัวรอดและสิ่งที่สำคัญเขาต้องเลี้ยงดูน้องสาวของเขา แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น

เขาประสบอุบัติเหตุในโรงงานซึ่งทำให้ตาของเขาบอดแต่หลังจากที่เขาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลเขาก็รู้ได้ทันทีเลยว่าตาเขาไม่ได้บอดแต่มันมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมา !!

ในตอนนี้เขากำลังจะใช้ความสามารถพิเศษที่เขาได้มาในทางชั่วร้ายเพื่อสร้างชีวิตของเขาและน้องสาวให้ดีขึ้นเหมือนคนอื่นๆ

เซี่ยเล๋ยจะประสบความสำเร็จในการทำสิ่งชั่วร้ายกับพลังที่เขาเพิ่งค้นพบหรือไม่ ?

ข้าจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของข้าเอง !!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน