พอพาทาสสปาตัน 20 คนมาถึงแคมป์ที่สปาตั้นกลุ่มแรกอาศัยอยู่เสร็จ, นักรบสปาตั้นกลุ่มแรกก็ช้อคไปเลย.
แค่คนเดียวก็สามารถปราบปรามการลุกฮือของทาสนักรบ20คนได้. นี่เจ้านายของพวกเขาเป็นพระเจ้ารึไงนะ?
แต่พอเห็นพวกนั้นทุกคนเอามือกุมท้อง ไม่ก็แขนและขา, นักรบสปาตันกลุ่มแรกก็รู้สึกเวทนาพวกเขาจากใจจริง. ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้สึกโชคดีที่ไม่ได้ถูกอัดตอนที่พบกับเย่เทียนครั้งแรก.
หลังจากเย่เทียนตักเตือนมารยาทนักรบสปาตั้นกลุ่มใหม่นี้เสร็จ, ทั้งสองกลุ่มก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขได้ไม่นาน. เพราะถึงยังไงพวกเขาทุกคนก็มาจากสปาร์ต้า. ตอนที่คุยกันก็สามารถรับรู้ได้ถึงสายสัมพันธ์.
ทาสนักรบสปาตันที่แข็งแกร่งทั้ง 30 คนนั้นเป็นกำลังทหารที่ไม่ได้อ่อนแอเลย อีกอย่างเขาก็กำลังจะกลายเป็นชนชั้นสูงหน้าใหม่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือมาจากการช่วยเหลือของทั้งตระกูลซีซาร์และออเรเลียอีก. เย่เทียนคิดว่าถึงเวลาที่จะดำเนินแผนธุรกิจแล้วเริ่มดูดเงินจากโรมได้ซักที.
ตัวอย่างเช่นเปิดร้านอาหารสุดหรูไงล่ะ!
ก่อนหน้านั้น, เย่เทียนได้เรียนมาว่าแม้อาหารโรมันในยุคนี้จะมีสไตล์พิเศษ, ร้านอาหารสุดหรูก็ยังไม่มีเลย. ในตลาดนั้นมีร้านก็จริงอยู่แต่ขนาดมันก็เล็กๆและสภาพแวดล้อมโดยรอบก็สกปรกมาก, พวกชนชั้นสูงกับคนรวยๆคงไม่เข้าร้านไปกินอาหารให้เปลืองเงินหรอก.
นั่นเป็นเพราะว่า สังคมหรืองานเลี้ยงของพวกชั้นสูงในโรมโบราณนั้นปกติแล้วจะจัดขึ้นในบ้านของตัวเอง แล้วก็หรูหรามากด้วย. มีทาสหญิงให้รับใช้มากมาย.
บางทีเพราะชาวโรมันใช้เครื่องบนโต๊ะอาหารที่ทำจากตะกั่วมานาน, ต่อมรับรสของพวกเขาคงจะมีปัญหา. พวกเขาชอบอาหารที่มีรสจัดจ้าน แต่พวกเครื่องปรุงก็มีน้อยมากในยุคนั้น.
เถียงไม่ได้เลยว่าถ้าเย่เทียนสร้างสรรค์ความอร่อยหลายๆแบบให้แก่ร้านในอนาคตของเขาแล้วล่ะก็ มันก็จะเป็นที่นิยมไปทั่วทั้งโรมแน่ๆและจะต้องกลายเป็นจุดเด่นให้เมืองของโรมในเวลาสั้นๆได้แน่นอน.
แผนนี้เย่เทียนเริ่มชงมานานแล้ว. เพราะแต่ก่อน เขาไม่มีคนหนุนหลังดีๆและอำนาจที่จะปกป้องทรัพย์สินของเขา, เขาเลยไม่กล้าลงมือ.
เถียงไม่ได้จริงๆว่า ในยุคแห่งการครองทาสนี้, หากไร้อำนาจและพลัง คนเราก็จะถูกคนอื่นเหยียดหยามรังแกเอาได้.
เย่เทียนได้มองเห็นแล้วว่าเมื่อธุรกิจของเขาเริ่มปังขึ้นมา เขาจะล่อแมงวันมาได้เยอะแยะ, แม้แต่พวกหมาและพวกเสือ. เย่เทียนต้องเตรียมความพร้อมเรื่องตบแมลง, ทุบหัวหมาและฆ่าพวกเสือด้วยมีด.
นายทาสที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นยังไงนะ?
หากไม่มีความมั่งคั่งที่เทียบเท่ากับประเทศทั้งประเทศหนึ่ง แล้วจะเรียกว่านายทาสที่แข็งแกร่งที่สุดได้ไงกันล่ะ?
เมื่อเย่เทียนสามารถครองเศรษฐกิจของโรมได้ เขาก็จะเป็นกษัตริย์ไร้มงกุฏแห่งโรมได้!
“เจ้านายครับ….ชนชั้นสูงผู้นั้น ที่ถูกเรามัดไว้เมื่อวาน เราควรให้อาหารกับน้ำเขาไหมครับ? เขาใกล้จะตายแล้วครับ….”
หลังจากเย่เทียนหยุดคิด, ทาสนักรบสปาตั้นคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างๆเย่เทียนแล้วถามเบาๆ.
“เจ้าไม่ได้ให้น้ำมันกินเรอะ?”
เย่เทียนถามด้วยความประหลาดใจ.
“เจ้านายครับ, น้ำนั้นมีค่ามากๆ. หากท่านไม่ออกคำสั่ง, เราก็ไม่กล้าให้เขา….”
ทาสนักรบสปาตั้นตอบด้วยความเคารพ. โรมนั้นแห้งแล้งมา2เดือนติดแล้ว ฉะนั้นน้ำจึงมีค่ามากในช่วงนี้.
“อ่าวเห้ย, พวกเจ้านี่ไร้เมตตากว่าข้าอีกนะเนี่ย. อย่างน้อยก็น่าจะให้พวกนั้นกินข้าวแล้วก็น้ำซักหน่อย. ขอแค่ไม่ให้อดข้าวอดน้ำตายก็พอ!”
เย่เทียนพูดอย่างชิวๆ แล้วเดินไปหาเกลเบอร์.
“ปล่อยข้าไป…”
“ได้โปรด ปล่อยข้าไป. ข้าไม่กล้าอีกแล้ว, ปล่อยข้าไป!”
“อย่างน้อย, เจ้าก็ควรส่งจดหมายให้ตระกูลของข้าให้มารับข้า….”
ในตอนนั้น, เกลเบอร์อยู่ในสภาพที่แย่มากทำให้เย่เทียนรู้สึกว่าเขาจะตายได้ทุกเมื่อ. พอเห็นเย่เทียน, เกลเบอร์เลยมีใจกลับมาทันที. เนื่องจากมือและเท้าของเขาถูกมัดอยู่ เขาเลยทำได้แค่ดิ้นไปดิ้นมาบนพื้นเท่านั้น.
ท่าทียโสโอหังของเขาได้หายไปหมดแล้วและเขาก็ร้องขอชีวิตอย่างสุดใจจากเย่เทียน. เสียงเขาทั้งแหบแห้งและอ่อนแรง, เดาได้ว่าเมื่อคืนนี้เขาคงตะโกนทั้งคืน.
“เอาน้ำให้มัน!”
เย่เทียนพูดกับทาสปาตั้นอย่างใจเย็น, ทาสนักรบสปาตั้นคนหนึ่งจึงรีบเอาถ้วยที่มีน้ำมาให้เขา.
“ค่อยๆกิน…”
เสียงของเย่เทียนนั้นค่อนข้างอ่อนโยน, เขาถึงขนาดป้อนน้ำให้หมอนั่นด้วยตัวเอง.
“อึ่กก, อึ่กกก..”
เกลเบอร์คอแห้งมากถึงขนาดกินน้ำได้ดูน่าสังเวชจริงๆ.
“ขอบคุณ….ปล่อยข้าไปเถอะ, ข้าจะไม่แก้แค้นท่าน….”
หลังจากเลิกกระหายแล้ว, เกลเบอร์ก็อ้อนวอนเย่เทียนต่อ, ให้น่าสงสารเท่าที่เขาจะทำได้.
แต่ถึงจะน่าสังเวชยังไงก็ต้องมีสิ่งที่สมควรถูกเกลียด. (ท่อนนี้ eng แปลมาค่อนข้าง งงครับขออภัยด้วย)
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียนมีคนหนุนหลังใหญ่โตล่ะก็, เมื่อวานนี้เขาก็คงจะฆ่าเกลเบอร์แล้วเลือกที่จะหนีออกโรมไป.
“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อเจ้า?”
เย่เทียนยิ้มหน่อยๆ, สายตามีความเย็นชาแว่บขึ้นมา.
“ข้าสาบานได้…..”
เกลเบอร์รีบพูดด้วยความจริงใจ.
“คำสาบานของชนชั้นสูงรึ, ไร้ค่าสิ้นดี!”
เย่เทียนเยาะเย้ย.
“ทำยังไงท่านถึงจะเชื่อข้า…”
เกลเบอร์จวนจะร้องไห้ออกมาแล้ว.
“ข้าอยากให้เจ้ามาอยู่ใตอาณัติของข้า!”
เสี้ยวของความทะเยอทะยานแว่บขึ้นมาในตาของเย่เทียน. เกลเบอร์เป็นแค่ไอ้อ่อนขี้คลาดแต่ก็เป็นคนที่ควบคุมได้ง่ายเช่นกัน.
จากนั้นเย่เทียนเปิดหน้าต่างช้อปปิ้งมอลล์ของระบบขึ้นมา. มีของที่แลกเปลี่ยนได้ขึ้นมาสองแถว, พวกอาวุธต่างๆ, เมล็ดพันธุ์พืชหลากหลาย, สูตรต่างๆ, พวกชุดหลากสไตล์, แปลนสิ่งก่อสร้างและอื่นๆ.
ของที่เห็นอยู่ตอนนี้เป็นของเลเวล1.
และก็มีของเกรดสูงที่เย่เทียนเข้าใจเป็นอย่างดี.
พิษกลืนทรวงกับยาแก้พิษของมัน.
ถ้าหากผู้ใดที่ถูกพิษกลืนทรวงแล้วไม่ได้กินยาแก้พิษภายใน1เดือนล่ะก็ ตัวหนอนที่อยู่ในพิษกลืนทรวงจะตื่นขึ้นมาและเริ่มกัดหัวใจของคนคนนั้น ทำให้ชักจนตายไป.
แม้ว่าพิษกลืนทรวงนี้จะหายาก แต่มันก็ไม่ถึงกับเป็นของลึกลับแต่อย่างใด. เย่เทียนเคยได้ยินมาว่าในยุคนี้ ในหมู่บ้านที่ภูเขาโบราณซักแห่งมีแม่มดที่สามารถทำพิษกลืนทรวงนี้ได้. แค่พวกเขาไม่เป็นที่รู้จักนัก.
พิษกลืนทรวงกับยาแก้พิษของมันนั้นแพงมาก ต้องใช้เวาร์เชอร์300ใบ. เย่เทียนได้มาที่โลกนี้หลายปีแล้ว แค่เขาก็มีเวาร์เชอร์แค่พันกว่าใบเอง.
ถึงอย่างนั้นเย่เทียนก็ตัดสินใจที่จะใช้มันอยู่ดี.
การฆ่าเกลเบอร์นั้นเป็นไปไม่ได้จริงๆ. เพราะเกลเบอร์เป็นชนชั้นสูง. หากชนชั้นสูงถูกฆ่า ทุกอย่างจะเริ่มยุ่งยากขึ้นแน่. มันจะดีกว่าถ้าคอยควบคุมเขา. ถึงยังไงเกลเบอร์มันก็เป็นไอ้อ่อนและขี้คลาด มันคงไม่กล้าฆ่าตัวตายแน่.
“ท่านจะทำอะไร?”
พอเห็นรอยยิ้มวิปลาศในตาของเย่เทียนแล้ว ตาของเกลเบอร์ก็ลนลานขึ้นมาทันที.
“กินซะแล้วข้าจะปล่อยเจ้ากลับไป”
เย่เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วอ้ามือออกมา ด้านในมียาสีดำอยู่.
“ข้าไม่…..”
เกลเบอร์รีบปฏิเสธ แต่แค่เขาเปิดปากออกมา เย่เทียนก็โยนยาเม็ดนั้นเข้าปากเขาไปทันที แล้วก็บังคับเขากิน.
“อึ่กกก!”
เกลเบอร์กลืนมันลงไปโดยไม่ได้ตั้งใจ.