“แต่ก็ไม่มีใครชวนท่านเข้ามานี่นะ. เพราะงั้นทิ้งเงินไว้แล้วพวกท่านก็ออกไปจากที่นี่เถอะ!”
เย่เทียนยิ้มเบาๆแล้วค่อยๆพูดด้วยโทนเสียงที่เปลี่ยนกระทันหัน มันทำให้ปอมปีย์กับมาโคเนียสตั๊นไป.
ฮ่าฮ่า, ไอ้สองตัวนี้มันมีแต่ความไร้ยางอาย, สิ่งเดียวที่เย่เทียนทำได้คือตบเอายางอายออกมาจากพวกมัน.
“ไอ้ส้น…..”
ปอมปีย์กับมาโคเนียดูโกรธอย่างเห็นได้ชัด.
ไอ้ลูกหมานี่กล้าบอกพวกเขาให้ไสหัวไปงั้นเหรอ?
ความรู้สึกถูกเหยียดหยามเข้าตัวเย่เทียนไปตรงๆเลย.
“ไปไกลๆ*ีน! ทิ้งเงินไว้ซะ!!”
เย่เทียนประกาศอย่างแข็งกร้าว.
“เห้ย เห้ย เห้ย ซาตาน เจ้าทำเกินไปแล้ว, ข้าจะลงโทษเจ้าในนามของปอมปีย์!”
ปอมปีย์แทบจะระเบิดออกมาแล้วและเขาเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนปรนโดยไม่ปะทะฝีปากกันด้วย.
“ฮ่าฮ่า…ข้าขอทวนคำพูดเจ้าหน่อยได้ปะ, เจ้าคิดว่าตระกูลปอมปีย์เจ้าเป็นสภารึไง? เจ้าอยากจะลงโทษข้างั้นเหรอ? ข้าจำได้ว่าปีนี้พ่อเจ้าไม่มีอำนาจหนิ ใช่มั้ย? อะไรวะ? เจ้าอยากจะทำตัวเผด็จการงั้นหรอ!!”
เย่เทียนหรี่ตาลงแล้วพูดอย่างสุขุม แต่ทว่าปอมปีย์นั้นได้คดีร้ายแรงเพิ่มซะแล้ว.
“ซาตาน….แก…..ใส่ร้ายข้า, เจ้าป้ายสีข้า, เจ้าพูดไม่รู้เรื่อง, เจ้าใส่ความข้า…ไอ้เวรซาตาน, เจ้านี่มันไร้ยางอายจริงๆ, เจ้าหมิ่นตระกูลของเรา, ตระกูลเราจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่…”
พอได้ยินเย่เทียนตั้งข้อหามั่วๆให้ตระกูลของเขา ปอมปีย์ก็ระเบิดความโกรธออกมา.
เผด็จการรึ?
คำนั้นเป็นคำต้องห้ามในสภา, ซึ่งมันจะดึงดูดความสนใจของทั้งสภาเก่าและชนชั้นสูงทุกคนแน่. ถ้าหากข้อหาเป็นจริง, ตระกูลปอมปีย์จะต้องรับมือกับเรื่องนี้อย่างลำบากแน่ๆ ต่อให้พวกเขาไม่ได้ตั้งใจก็ตาม, พวกเขาก็จะถูกปราบปรามจากทั้งสถาบันของโรมัน.
ปอมปีย์ปอดสั้นคำรามและตะคอกออกมาแต่ก็พยายามสุดตัวที่จะจบการสนทนา.
มาโคเนียมองไปทางปอมปีย์ที่หัวร้อนอย่างสงสัย และในเวลาเดียวกันก็มองไปที่เย่เทียนด้วยความกลัว. หมอนี่เป็นคนที่น่ากลัวมาก, เขากล้าเปิดปากพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดและรู้สึกเลย.
นั่นทำให้เขายิ่งน่ากลัวไปอีกเพราะเขารู้ว่าปู่ของเขานั้นคือคนที่วางแผนจะครอบครองโรมโดยเผด็จการ.
“ถ้าเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดไว้ แล้วทำไมถึงต้องพยายามอธิบายด้วยเล่า? พระเจ้าทรงตรัสว่ายิ่งมนุษย์เราหาข้ออ้างแค่ไหน นั่นก็แปลว่าเจ้ากำลังพยายามปกปิดความลับอันน่าเกลียดชังเอาไว้เท่านั้น!”
เย่เทียนพูดช้าๆ หวังให้ปอมปีย์พูดไม่ออก.
“อ่าก….ไอ้เวรซาตาน, ข้าจะฆ่าเจ้า…..”
ปอมปีย์เดือดดาลไปด้วยความโกรธและสูญเสียความสุขุมไปเรียบร้อย. เขาตะโกนใส่เย่เทียนและพยายามจะชักดาบออกมาด้วย แต่พอเห็นสายตาเย็นชาของเย่เทียนเขาก็ทำได้แค่จ้องเขม็งกลับเท่านั้น.
“ไสหัวไปไกลๆ, ไอ้ตุ๊ด!” (ผมไม่ได้รังเกียจเพศที่3นะ)
เย่เทียนตะโกน.
“ฮึ่ยย!”
ปอมปีย์สูดหายใจเข้าลึกๆและตัดสินใจไม่ต่อปากกับเย่เทียนอีกต่อไป ไม่งั้นเขาคงหัวร้อนอีกแน่.
“ซาตาน, ท่านลอร์ด, ข้าได้นำเหรียญทองมาให้ท่าน, ทอง1ทาเลนตั้ม, ไม่ขาดไม่เกิน! แต่กล่องนี่เป็นของเรา….”
ปอมปีย์พูดอย่างสุขุมพร้อมกับสายตาประชดประแชง แล้วเปิดกล่องที่เต็มไปด้วยเหรียญทองออกมา.
“กริ๊งๆๆๆๆๆ….”
จากนั้นต่อมา, ปอมปีย์ทำสิ่งที่ไม่คาดคิด. เขาโยนเหรียญทองทั้งหมดออกจากกล่องกระจัดกระจายไปทั่วพื้น.
เย่เทียนหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ห้ามเขาแล้วมองดูอย่างเงียบๆ.
“ซาตาน, ท่านลอร์ด, เหรียญทองนี่เป็นของท่านแต่กล่องเป็นทรัพย์สินของข้า, ข้ามีสิทธิ์จะเอามันกลับไป, ค่อยๆเก็บเหรียญทองนะ ฮ่าฮ่า…”
ขณะมองไปที่เหรียญที่กระจัดกระจาย ปอมปีย์ก็อดหัวเราะและรู้สึกดีใจไม่ได้.
หลังจากปอมปีย์หยุดหัวเราะ, เขาก็โบกมือให้เย่เทียนแล้วหันหลังเดินกลับไป, เหยียบเหรียญที่ตกอยู่ตามทางแล้วพยายามทำตัวเท่.
“เดี๋ยว……”
เย่เทียนพูด เสียงของเขาดูนิ่งมาก.
“ท่านลอร์ดซาตาน. ข้าจ่ายหนี้ของข้าแล้ว ท่านต้องการอะไรอีกรึ?”
ปอมปีย์หันกลับมาแล้วพูดกับเย่เทียน.
“ข้าต้องการแน่, ข้าอยากจะถามท่านน่ะ. เหรียญทองพวกนี้เป็นของข้าใช่ไหม?”
เย่เทียนยิ้มแล้วถามอย่างหนักแน่น.
“ใช่แล้วฉะนั้นเราจบกันแค่นี้นะ!”
ปอมปีย์ขมวดคิ้ว เขารู้สึกลางไม่ดีในใจแต่ก็ตอบอย่างเงียบๆ.
“ไม่ ไม่ ไม่ ข้าไม่ได้ถามว่าหนี้ของเราหมดแล้วรึป่าว. ข้าอยากจะคุยกับเจ้าเรื่องผิดกฏหมายกับเจ้าตอนนี้!”
เย่เทียนส่ายหัวด้วยสายตาที่มีความเย็นชาซ่อนอยู่.
“กฏหมาย?”
ร่างของปอมปีย์เริ่มสั่น.
“ใช่มันคือกฏหมาย! “กฏ12โต๊ะ” ที่บัญญัติในสาธารณรัฐโรมัน กล่าวว่าผู้ใดก็ตามที่เผาบ้านเรือน, กองอาหารไว้นอกบ้านหรือเหยียบ, ทำลาย, ดูหมิ่นทรัพย์สินของผู้อื่นจะถูกมัดแล้วลงแส้ แล้วก็ถูกเสียบไม้เผาจนตาย! เจ้าบอกใช่ไหมว่าเหรียญทองศักดิ์สิทธิ์พวกนี้เป็นทรัพย์สินของข้า?”
เย่เทียนยิ้มเบาๆแล้วถาม.
“เ*ี้ย!”
ตอนเย่เทียนพูดถึงเรื่อง “กฎ 12 โต๊ะ” ปอมปีย์ก็ตัวแข็งทื่อเพราะความหวาดกลัว.
กฏหมายที่เย่เทียนพูดถึงพวกนี้ได้มีมานานแล้วในยุคนี้ และเขาก็รู็ด้วย. แต่กฏหมายพวกนี้ใช้ได้กับชนชั้นสูงเท่านั้น. ชนชั้นสูงชอบยึดของมาเป็นของตัวเองและใช้กฎหมายเพื่อปกป้องตัวเอง.
ส่วนใหญ่แล้ว “กฏ12โต๊ะ” มีไว้แค่ประดับเท่านั้น. มันมีไว้เพื่อให้พวกไพร่สงบจิตใจที่โหดร้ายของพวกมันเท่านั้น.
โดยเฉพาะเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างการเหยียบทรัพย์สินผู้อื่น.
ก็อย่างเช่น “กฏ12โต๊ะ” บัญญัติไว้ว่าจะไม่มีใครถูกประหารเว้นซะแต่กระทำการฆาตรกรรมผู้อื่นรวมถึงทาสด้วย. แต่ใครมันจะทำตามจริงๆล่ะ?
แต่ทว่าวันนี้เย่เทียนกล้าใช้ “กฏ12โต๊ะ” นี่.
ถ้าเป็นคนอื่นแล้วล่ะก็ปอมปีย์อาจจะไม่เกรงกลัว แต่เขารู้จักเย่เทียนดี เขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนโรคจิตเลย, เขาเกือบจะโดนมันบีบคอตายครั้งก่อน.
“ข้าไม่ได้เหยียบทรัพย์สินของเจ้า,ไม่สิ, ข้าไม่ได้….เจ้าใส่ร้ายข้า….”
ปอมปีย์ปฏิเสธสีข้างถลอก, ตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว, เขากลัวจริงๆว่าคนบ้าๆอย่างเย่เทียนจะเสียบเขาแล้วเผาจนตาย. แม้เย่เทียนจะถูกครอบครัวเขาตามแก้แค้นก็ตาม แต่เขาก็คงไม่กลัวความตายแหง.
“เจ้าโยนเหรียญทองของข้าโดยที่ข้าไม่อณุญาตแถมยังเหยียบพวกมันอีก. แต่เจ้ายังกล้าพูดว่าไม่ได้เหยียบทรัพย์สินของข้าหรือทำลายของข้านี่นะ?”
เย่เทียนยิ้มอย่างเย็นชาแล้วเดินไปข้างหน้า.
“ไอเ*ี่ย เจ้าจะทำอะไร? ข้าขอเตือนนะว่าอย่ามาแหยมกับตระกูลปอมปีย์ ไม่งั้นแล้วล่ะก็ แม้แต่ตระกูลจูเลียสก็ปกป้องเจ้าไม่ได้!!”
ปอมปีย์คำรามสุดใจขณะเย่เทียนค่อยๆเดินไปหาเข้า.
“ข้ามันใจมากว่ากฏหมายของโรมนั้นยุติธรรมและก็ไม่มีใครกล้าโต้แย้งแน่. วันนี้ข้าจะลงทัณฑ์เจ้าในนามของ “กฏ12โต๊ะ” เอง”
เย่เทียนเย้ยหยัน.
“พอซักที!!”
มาโคเนียตะโกน.
“หุบปาก!! ไม่งั้นข้าจะคิดว่าเจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดซะ!!”
เย่เทียนเย้ย ทำให้มาโคเนียตัวสั่นหน้าซีด.
“ฆ่ามันให้ข้าที!”
พอเห็นเย่เทียนจะเอาจริง ปอมปีย์ก็ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อให้ตัวเองรอด จึงออกคำสั่งให้พวกทหารไป.
“สปาตั้น!!”
เย่เทียนตะโกนกลับ.
เจ้ากล้ามาเทียบจำนวนคนงั้นรึ?