มหากาพย์ดาบเทวะ! – ตอนที่ 611

ตอนที่ 611

หลินหยางหยุดการโจมตีของตนเอาไว้ไม่ดื้อรั้นสืบต่อ ตอนนี้เขารู้ซึ้งแล้วว่าอาวุธกระดูกภาย ในมือนี้ไม่สามารถเจาะทะลวงสร้างความเสียหายให้แก่ก้อนเนื้อยักษ์ตรงหน้าได้ บนตัวเขาเหลือ อาวุธอยู่อีกเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้นที่พอจะมีพลังทําลายล้างเหนือกว่าอาวุธกระดูก มันคือดาบสั้น ทว่าสภาพของมันช่างน่าอดสูยิ่งนักเพราะมันเหลือเพียงแค่ตามเท่านั้น

เสียงหัวเราะอย่างสะใจของแวมไพร์ปีศาจดังอย่างต่อเนื่อง มันเป็นเสียงหัวร่อที่เชื่องช้าดังกังวาลทัมตําอย่างน่าขนลุก

หลินหยางโยนอาวุธกระดูกในมือทิ้งข้างกาย บัดนี้มันกลายเป็นสิ่งของไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง

ครืด~~~

มีเสียงเกิดขึ้นมาจากจุดที่หลินหยางยืนอยู่ เท้าข้างนึงของเขาไถลไปกับพื้นเบื้องหน้าที่ปก คลุมอยู่ด้วยคราบเลือดแห้งกรัง มันจึงเกิดเสียงจากการเสียดสีขึ้นมาบางเบา เขาก้าวเข้าหาเจ้าแวมไพร์!

???

เจ้าแวมไพร์หยุดเสียงลงทันทีพร้อมกับใบหน้าที่แสดงถึงความสงสัยใคร่รู้ ในสายตาของมันบัดนี้เห็นเท้าของชายหนุ่มข้างนึงก้าวมาข้างหน้าเกือบหนึ่งก้าวลดระยะห่างระหว่างทั้งสองเกินครึ่ง!

มันไม่เข้าใจการกระทําของชายหนุ่มที่จู่ๆก็เคลื่อนตัวเข้าหามันเสียอย่างนั้นทั้งที่การโจมตีนับสิ บครั้งก่อนยังไม่สามารถสร้างรอยแผลใดๆให้แก่ร่างกายของมันได้

“ … ” หลังจากขาข้างหนึ่งไถลไปรออยู่เบื้องหน้ากว่านานนม หลินหยางก็ยังมิได้เคลื่อนที่ไปต่อ กลับใช้สายตามองสอดประสานกับแวมไพร์ตรงหน้าคอยดูปฏิกิริยาตอบโต้ของมัน เมื่อไม่เห็นท่า ที่ที่แตกต่างไปจากเดิม ชายหนุ่มจึงค่อยก้าวขาอีกข้างเข้าไปใกล้มันมากขึ้นเล็กน้อย แทนที่จะ เรียกว่าก้าวท้าวเดินมันคล้ายกับว่าเขากระเถิบตัวย่นระยะเข้าหาแวมไพร์ตนนี้เสียมากกว่า ด้วยระ ยะเพียงหนึ่งเมตรแต่หลินหยางกลับจําต้องก้าวเท้ามากกว่าสี่ถึงห้าคราเลยทีเดียว นั่นเพราะเขายัง ไม่มั่นใจในความคิดของตนสักเท่าไหร่

หลังจากย่นระยะห่างอย่างระมัดระวังอย่างสูงเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้หลินหยางยืนห่างจากก้อ นเนื้อแวมไพร์ไม่ถึงหนึ่งศอก ด้วยระยะเพียงเท่านี้เขาสามารถเอื้อมแขนไปสัมผัสร่างของมันอย่างง่ายดาย

“ฮ่าๆๆ” หลินหยางระเบิดเสียงหัวเราะลั่น เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด เจ้าก้อนเนื้อเหมีนเน่านี้ไม่สามารถโจมตีได้!!

???

ใบหน้าของเจ้าแวมไพร์ยิ่งมายิ่งสับสนมันมึนงงกับมนุษย์หนุ่มผู้นี้อย่างยิ่ง ทั้งที่การโจมตีทั้งหลายทั้งปวงไม่เป็นผลใดๆ ถึงอย่างนั้นมนุษย์หนุ่มกลับหัวเราะร่าเสียงดังราวกับคนบ้าเสียอย่างนั้น

หลินหยางฉีกยิ้มกว้างมองก้อนเนื้อตรงหน้าตั้งแต่บนจรดล่างอย่างใจเย็น แรกเริ่มเดิมที่เขายังไม่มั่นใจว่าจะเป็นอย่างที่คิดเอาไว้หรือไม่ แต่ยิ่งลดระยะห่างเข้าใกล้มันมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งเห็นผล ตั้งแต่มันกลายร่างเป็นปีศาจอสูรกายก้อนเนื้อยักษ์มันยังไม่เคยโจมตีมาเลยสักครั้งเดียว!!!

ด้วยภาพรวมสรีระร่างกายของมันบัดนี้ในสายตาของหลินหยางเห็นเพียงใบหน้าและก้อนเนื้อ ว่างเปล่าส่วนล่างของแวมไพร์โง่เง่าตนนี้เพียงเท่านั้น ไม่มีอวัยวะส่วนใดงอกย้อยเกินเลยออกมา มันเป็นเพียงเนื้อก้อนกลมเกลี้ยงเกลาที่มีดวงตา ปาก และจมูก เขาไม่เห็นอวัยวะส่วนอื่นใดของมันเลย

หากมันมีแขนขางอกเงยออกมาให้ยลโฉมอยู่เบื้องหน้าอาจหลินหยางคงมีกล้าแม้แต่จะขยับตัวเข้าใกล้มันเช่นนี้ แต่ก้อนเนื้อตรงหน้านี้ขาก็ไม่มีให้เห็นแขนก็ไม่มีให้มอง แล้วมัน จะโจมตีเขาได้เยี่ยงไร? ใช้ปากขนาดกว้างและฟันซี่โตกัดงั้นหรือ? หรือใช้ร่างกายมโหฬารขอ งมันกลิ้งทับ? มันเป็นไปไม่ได้เลย เพียงแค่จะขยับตัวให้เคลื่อนจากจุดเดิมสักคบก็ยังนับว่าเริ่มกลืน สําหรับมันแล้ว หากมันตัวโตกว่านี้อีกสักเล็กน้อย…เพียงเล็กน้อยเท่านั้นตัวมันก็คงจะเบียดกับผนัง ถ้ําจนเละเป็นโจ๊กอย่างแน่นอน ฉะนั้นแล้วเจ้าลูกบอลเนื้อก้อนนี้มันจะมีพิษสงอันใดเล่า…

ป้าป~

หลินหยางเตะเท้าข้างหนึ่งใส่ก้อนเนื้อตรงหน้าทว่าชายหนุ่มหาได้มีเจตนาใช้การเตะครั้งนี้เป็นระดูกสันหลังมนุษย์ราวฟ้ากับเหว ลูกเตะดังกล่าวย่อมไม่สามารถระแคะระคายผิวหนังเจ้าแวมไพร์

” หืม ” หลินหยางเลิกคิ้วสูงแปลกใจกับสัมผัสใหม่ ยามเมื่อปลายเท้าเขาสัมผัสกับก้อนเนื้อแวม ไพร์ตรงจุดปะทะยุบลงเล็กน้อยเสมือนตอนที่ชายหนุ่มฟาศมันด้วยแส้กระดูกสันหลัง มันให้ควา มรู้สึกหยุ่นคล้ายกับลูกโป่งน้ําจนเป่งไม่มีแรงด้านใดๆส่งกลับมา เมื่อผสานกับของเหลวเห นียวหนืดที่อาบร่างของมันอีกหนึ่งขั้นจึงมิแปลกใจนักที่การโจมตีด้วยอาวุธกระดูกจะไม่สร้างความ เจ็บปวดสร้างความเสียหายให้แก่ร่างกายของมัน

“คู คู~” ตามมาด้วยเสียงหัวเราะน่าขนลุกของแวมไพร์ปีศาจมันมีสีหน้าขอบอกชอบใจยก ใหญ่ที่เห็นว่ามนุษย์ร่างเล็กตรงหน้าไม่สามารถทําอันตรายใดๆให้แก่ร่างกายของตนได้ แม้มันจะ ยังสับสนอยู่ไม่น้อยก็ตาม แต่ตอนนี้ได้เวลาเอาคนแล้วสําหรับช่วงเวลาที่ถูกยั่วยุมานมนาน บัดนี้ มันจึงหัวเราะด้วยสีหน้าอิ่มเอมเปรมปรีขณะที่มองการดิ้นรนของมนุษย์หนุ่มอาหารจานเดีตตรงหน้าอย่างสนุกสนาน

หลินหยางหาใต้สนใจทําที่อีกฝ่ายไม่ เขาควงดาบสั้นเพียงครึ่งตามในมือ เปลี่ยนหน้า จริงจังจ้องมองมันด้วยแววตาดุร้ายราวกับนักล่าทันใดนั้นเอง…

ฉึบ!

ดาบสั้นกลายเป็นประกายแสงวูบชั่วขณะพุ่งตรงเข้าหาก้อนเนื้อยักษ์ด้วยความรวดเร็วและแทงเข้าใส่ร่างของแวมไพร์ในที่สุด

” โฮ่ ” หลินหยางดึงมือกลับพร้อมส่งเสียงแปลกใจเล็กน้อย เพราะตาบสั้นของเขาไม่สามารถแทงทะลุได้!

แม้ดาบสั้นเล่มนี้จะหักครึ่งไปเสียส่วนแหลมของมันไปแล้วก็ตาม แต่ตรงจุดแตกหักนั้นก็มิได้เรียบตรงเนียนแต่อย่างใด มันยังมีส่วนแหลมอยู่บ้างเช่นกัน แต่กระนั้นมันกลับไม่สามารถเจาะทะ ลวงผ่านก้อนเนื้อไร้ผิวหนังห่อหุ้ม ตรงจุดโจมตีนั้นเป็นดั่งการโจมตีด้วยลูกเตะ มันยุบยวบลงไป เป็นร่องมันมีความยืดหยุ่นอย่างน่าแปลกใจเลยที่เดียว

สีหน้าที่แสดงออกของหลินหยางมิได้เปลี่ยนไปจากเดิมมากนักราวกับนี่คือสิ่งที่เขาคาดคิดเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว

ครืนน~

ถ้ำเกิดการสั่นสะเทือนบางเบามีเศษหินร่วงหล่นจากผนังถ้ำต้นกําเนิดมา จากเจ้าก้อนเนื้อยักษ์ตนนี้มันกําลังหัวเราะจนตัวสั่นเทา ทั้งสีหน้าท่าทางของมันแสดงออกถึงการดู ถูกเหยียดหยามยียวนกวนประสาทอย่างยิ่ง มันไม่หยุดการยั่วยุหลินหยางเลย มีแต่จะเพิ่ม มากขึ้นเรื่อยๆ หากร่างกายของมันเป็นมนุษย์อย่างร่างก่อนเก่า บัดนี้มัน อาจลงไปนอนเกลือกกลิ้งเอามือกุมหน้าท้องหัวเราะลัน…

“หัวเราะเสียให้พอ!!” หลินหยางแสยะยิ้มพร้อมกับตาบควงดาบสั้นในมืออีกครา แต่ครานี้มัน แตกต่างจากเดิมเล็กน้อยเพราะเขาใช้ทั้งสองมือเพื่อจับด้ามดาบและใบตาบเองก็มีแสงเรืองรองสี แดงสตราวอาทิตย์อัสดง ทักษะหลอมไฟนั้นแล

การโจมตีเมื่อครู่นี้เป็นเพียงการลองเชิงทดสอบความคิดของตนเท่านั้น เขาจึงมิได้ใช้ทักษะ เพิ่มการโจมตีใดๆและใช้เพียงมือเดียวแทุ่งมันเท่านั้น แม้จะใช้ความเร็วถึงสูงสุดแต่มันก็ยังมิสามารถเทียบเคียงได้กับทั้งสองมืออยู่ดี หนาหากใช้ทักษะหลอมไฟควบคู่ไปด้วยแล้วละก็อานุภาพมันต่างกันราวฟ้ากับเหว…

“คู” แวมไพร์ปีศาจเหลือบตามองหลิ่นหยางที่อยู่ล่างระดับสายตาของด้วยความหยิ่งยะโส ปากกว้างของมันส่งเสียงหัวรอหนึ่งคราพร้อมกับมุมปากทั้งสองข้างที่ยกแสยะยิ้ม มันมิได้เกรงก ลัวการโจมตีดังกล่าวเลยแม้แต่น้อยกลับกันดูเหมือนมันจะรอคอยการโจมตีเต็มกําลังของชายหนุ่ม มันอยากเห็นภาพความสิ้นหวังของอาหารจานเด็ดตรงหน้าที่เคยทําร้ายร่างกายของตน!

ฟุบ~

ดาบสั้นถูกฟันในแนวเฉียงจากมุมขวาบนลงซ้ายล่างด้วยความรวดเร็วทิ้งไว้เพียงเสีย งตัดอากาศตามมาจากการฟาดฟันของหลินหยาง

มีรอยยาวสีแดงเกิดขึ้นบนร่างของแวมไพร์ปีศาจจากแนวโจมตีของหลินหยาง การโจมตีของเขาครานี้มิได้เบาเลย แม้ก้อนเนื้อยักษ์จะมีเมือกเคลือบอยู่ชั้นนึ่งและมีความยืดห ยุ่นของผิวหนังแต่มีหรือมันจะสามารถป้องกันส่วนคมตาบได้อย่างหมดจดู ยิ่งไม่ต้อ งพูดถึงการโจมตีด้วยความเร็วสูงของหลิ่นหยาง จุดที่ถูกดาบสั้นครึ่งเล่มนี้ฟันลงไปจึงมีร่องรอยแตก งเลือกให้เห็นและมีบางจุดที่ผิวหนังของมันเป็ตแยกออกจากการถูกฟันเผยให้เห็นโลหิตสีดํา ไหลออกมาจากรอยแผลเล็กน้อยมีมากมาย

มุมปากแวมไพร์ยกขึ้นยิ้มแป้นกว้างจนเกือบฉีก การโจมตีด้วยพละกําลังสูงสุดของหลินหยาง ในครั้งนี้หากเป็นร่างก่อนหน้ามันอาจเป็นบาดแผลฉกรรจ์เกิดขึ้นสักแห่งบนร่างกายของมันเป็นแน่ แน่สําหรับร่างใหม่ของมันแล้วการโจมที่นี้ เพียงแค่แสบๆคันๆเท่านั้น!!

มหากาพย์ดาบเทวะ!

มหากาพย์ดาบเทวะ!

Status: Ongoing

มหากาพย์ดาบเทวะ!

ครอบครัวหยางเย่เชื่อมั่นในตัวเขา ขณะที่ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ด้วยดี

โชคร้ายกลับซัดกระหน่ำเข้ามาแทบไม่หยุดยั้ง

เขาจะลุกขึ้นเผชิญความลำบากนี้เพื่อปกป้องคนที่เขารักได้ยังไง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท