ตอนที่ 85
หลังจากได้ยินคำพูดของคิมซ็อกจิน ฮักจุนสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดและหันมองสีหน้าของซูฮยอน…
ลองจินตนาการดูสิ มันไม่ใช่ดันเจี้ยนระดับสีเขียว แต่กลับเป็นถึงดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน
ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินไม่เคยปรากฏขึ้นที่ไหนมาก่อนบนโลกใบนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเคยมีการตั้งสมมติฐานว่า ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน ต้องเกิดขึ้นที่ใดสักแห่งบนโลก…
ถึงกระนั้นดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินกลับรอพวกเขาอยู่จุดหมายปลายทาง…
คิมซ็อกจินสงสัยเรื่องเกี่ยวกับซูฮยอนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะถามอีกฝ่าย ว่ามีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ทำไมถึงรีบร้อนไปสหรัฐอเมริกาด้วย? เจ้าตัวก็ไม่ยอมตอบ นอกจากบอกว่า ขอเอาน้องชายติดตามไปด้วย 1 คน และก็จบบทสนทนา…
“ผมก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกัน น่าตกใจจริงๆ ไม่น่าเชื่อ ว่าดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินจะโผล่ขึ้นมาจริงๆ”ซูฮยอนเปิดริมฝีปากพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและสงบเสงี่ยม
“ผมวางแผนไว้ว่า เมื่อไปถึงอเมริกาจะแวะไปดูหน้าตาของดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินสักหน่อย”
“คำถามที่ฉันอยากถามคือ นายรู้ล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้วใช่ไหม ว่าจะมีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินจะปรากฏขึ้นที่นั้น?”คิมซ็อกจินถาม
ก่อนมีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินเกิดขึ้น ซูฮยอนบอกว่ามีความจำเป็นต้องไปสหรัฐอเมริกา เพื่อไปทำธุระอะไรบางอย่าง…
ระหว่างรอการเดินทาง ดันเจี้ยนระดับสีเขียวกลับวิวัฒนาการเป็นสีน้ำเงินในเวลาเหมาะเจาะ สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอาจเป็นความบังเอิญก็ได้ แต่คิมซ็อกจินมีความรู้สึกตะขิดตะขวงใจ ที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้..
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมจะไปทำนายอนาคตได้ยังไงจริงไหมครับ”คำตอบซูฮยอน เป็นไปตามสิ่งที่คิมซ็อกจินคิดไว้
จุดประสงค์แรกของซูฮยอนไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับดันเจี้ยน เขาแค่ต้องการติดต่อพูดคุยกับกิลด์สหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินมีน้อยคนมากที่รู้ข้าว ในกิลด์ริปเปอร์มีแค่ คิมซ็อกจิน และ จีย็อน ที่มีข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
<<บางที่ฉันอาจคิดมากไปเอง ไม่ว่าดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินจะโผล่ขึ้นมาจริงหรือป่าว มันก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญสำหรับเจ้าตัวอยู่ดี>>คิมซ็อกจินคิด
“พวกนายพักผ่อนตามอัธยาศัยเถอะ ถึงจุดหมายปลายทางเมื่อไหร่ ฉันจะแจ้งให้พวกนายทราบเอง”คิมซ็อกจินพูด
“ขอบคุณครับ”
พูดจบ..คิมซ็อกจินก็เดินจากไป พักผ่อนห้อง VIP ของตัวเอง
ฮักจุนที่หายใจเริ่มติดๆขัดๆ พยายามสูดลมหายใจ เข้า ออก เพื่อกระตุ้นในร่างกายกลับคืนสู่สภาวะปกติ
“ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน เป็นเรื่องจริงเหรอครับ?”
“อาจจะจริงมั่ง นายรอดูติดตามข่าวในค่ำคืนนี้ได้เลย สำนักข่าวจากทั่วโลกต้องนำเสนอแน่”
“พี่รู้เกี่ยวกับมันได้ยังไง?”
“พัคจีย็อนเป็นคนบอก”
“พี่พูดว่าจะไปที่ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน พี่พูดจริง?”ฮักจุนถาม
“พูดจริงสิ”
“อืม…”
“เป็นอะไรไป? เกิดกลัวขึ้นมาหรือไง ถ้ากลัวกลับไปก่อนก็ได้นะ ฉันไม่อยากฝืนบังคับจิตใจของนาย”
“กลัว? ใครกัน? ผมเหรอ?”
ซูฮยอนถามเผื่อเอาไว้ หากฮักจุนเกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ อย่างน้อยเขาก็กลับไปพร้อมกับคิมซ็อกจินได้…
แต่คำตอบของฮักจุนกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไร้ความกลัวเจือปน
“ไม่มีทาง ทำไมผมต้องกลัวด้วย พี่ก็รู้ว่าผมเป็นคนประเภทชอบแกว่งเท้าหาเสี้ยน ผมอยากเห็นดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินกับตาตัวเองจริงๆ”
“นายมีนิสัยชอบหาความลำบากใส่ตัวหรือไง?”
แม้เสียงพูดของซูฮยอนดูไม่ค่อยมีความสุข แต่สีหน้ากลับฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
คำตอบของฮักจุนเป็นคำตอบที่น่าพอใจ ถ้าฮักจุนเกิดกลัวขึ้นมา คงเป็นการอยากที่เขาจะมีแข็งแกร่งเหมือนในอดีต..
********************
เครื่องบินส่วนตัว บินอยู่บนน่านฟ้านานกว่า 10 ชั่วโมง ในที่สุดเครื่องบินก็มาถึงจุดหมายปลายทาง
ทันทีที่เท้าเตะพื้นแผ่นดินต่างแดน ฮักจุนรีบสาดส่องไปบริเวณรอบๆ เพื่อสัมผัสบรรยากาศและสังเกตสถาปัตยกรรมที่ดูแปลกตา
สำหรับซูฮยอนสหรัฐอเมริกาไม่ต่างกับบ้านเกิดเมืองนอน….
“เป็นไงบ้าง ตื่นตาตื่นใจไหม นายพึ่งมาที่อเมริกาครั้งแรกสินะ”ซูฮยอนพูด
“ใช่ครับ นอกจากเรื่องการมาเยือนอเมริกาครั้ง ตั้งแต่เกิดมาผมก็พึ่งเคยนั้งเครื่องบินครั้งแรกเหมือนกัน ช่างเปิดหูเปิดตาผมจริง”
“อ่า…นั่นสินะ นายอยู่แต่เกาหลีมาตั้งเกิด”
“พี่เคยมาอเมริกาหรือป่าว”
“ไม่ ฉันก็พึ่งมาครั้งแรกเหมือนกัน”
ในชีวิตนี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ซูฮยอนได้มาเหยียบแผ่นดินอเมริกา ทว่าชาติที่แล้ว ซูฮยอนเดินทางมาทำธุระที่อเมริกาบ่อยมาก
ก่อนเป็นผู้ตื่นขึ้น แม่ของเขาต้องมาติดต่องานที่อเมริกา ทำให้ซูฮยอนอยู่ที่นี่เกือบครึ่งปี
หลังจากพลังที่หลับไหลถูกปลุกให้ตื่น ซูฮยอนก็กลับไปบ่มเพาะที่ประเทศเกาหลี อเมริกาที่มากับแม่บ่อยๆ ก็มาน้อยลง 1 ปี เขามาแค่ 1-2 ครั้งเท่านั้น
สำหรับอเมริกาซูฮยอนเข้าออกเป็นว่าเล่น ความประทับใจแรกจึงไม่หลงเหลืออีกแล้ว
“ครั้งแรก? พี่พูดจริง? อย่างน้อยพี่ช่วยแสดงละครเหมือนกำลังตื่นขึ้นหน่อยไม่ได้หรือไง พี่ยืนเฉยอย่างกับก้อนหิน ว่าแต่ผู้คนหายไปไหนหมด ผมอยากเห็นโครงหน้าชาวต่างชาติสักหน่อย”ฮักจุนพูดอย่างเสียใจ
“นายนี้ชอบสนใจแต่เรื่องไร้สาระจริงๆ ชาวต่างชาติก็เป็นคนเหมือนพวกเราเนี่ยแหละ นอกจากนี้….”
ซูฮยอนปล่อยจิตสัมผัสของตัวเองออกไป สำรวจรอบๆสนามบิน จนพบกลุ่มผู้ตื่นขึ้นนับ 10 คน ใส่ชุดสูทสีดำ กำลังเดินมาหาพวกเขา…
คิมซ็อกจินนำพวกซูฮยอนลงจากเครื่องบิน และเดินไปหากลุ่มผู้ตื่นขึ้นที่เดินมาได้ครึ่งทาง
เหมือนคิมซ็อกจินจะมีความคุ้นเคยกับกลุ่มผู้ตื่นขึ้นในระดับหนึ่ง พวกเขามือทักทายกันและกันด้วยสีหน้าเป็นมิตร
คิมซ็อกจินพูดคุยกับผู้นำกลุ่มเล็กน้อย ก่อนกวักมือเรียกซูฮยอนและฮักจุน “พวกเธอ จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานแค่ไหน มาทางนี้ได้แล้ว”
คิมซ็อกจินแนะนำชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่เขาพึ่งคุยเมื่อครู่ ให้ซูฮยอนและฮักจุนรู้จัก
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า มีผมสีทอง ผิวขาว ดวงตาสีฟ้า องค์ประกอบที่กล่าวมา เขาเป็นชาวต่างชาติอย่างไม่ต้องสงสัย…
การแต่งตัวของเขาไม่ได้หรูหราเหมือนผู้ตื่นขึ้นที่ติดตามมาด้านหลัง เขาสวมชุดวอร์มที่ดูเบาสบาย และเรียบง่าย
ดวงตาสีฟ้าของอีกฝ่ายกำลังพิจารณาพวกเขาอย่างลึกล้ำ
“คุณอย่างอายุน้อยกว่าที่ผมคิดไว้มาก”
“ผมชื่อคิมซูฮยอน ส่วนคนที่ยืนอยู่ด้านข้างชื่อว่าชเวฮักจุน เขาเป็นน้องชายและเพื่อนสนิทของผม”
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อ จอช แห่งกิลด์เมดอิแค็ล ผมได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของคุณมาหลายครั้ง ในที่สุดพวกเราก็มีโอกาสเจอกันตัวเป็นๆสักที นอกจากคุณจะโด่งดังในประเทศเกาหลี ประเด็นของคุณในสหรัฐอเมริกาก็ร้อนแรงไม่แพ้กัน”
การจัดอันดับในหอคอยแห่งการทดสอบ มีผลบังคับใช้กับทุกประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศมหาอํานาจ
เนื่องจากโลกในหอคอยแห่งการทดสอบไม่มีการแบ่งเชื้อชาติ ชนชั้น ทำให้ตารางการจัดอันดับใช้ร่วมกันทุกคน
อันดับของซูฮยอนแต่ละชั้น เบียดอันดับหนึ่งหน้าเก่าๆจนทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น ซูฮยอนเป็นผู้ตื่นขึ้นเพียงคนเดียวที่กล้าเลือกความยากระดับที่ 10 และในปัจจุบันเขาก็ถึงชั้น 30 เป็นที่เรียบร้อย…
“ส่วนตัว ผมเป็นแฟนคลับตัวยงของนายเลยรู้หรือป่าว ทุกครั้งที่คุณทำลายสถิติโดนการตบหน้าผู้ตื่นขึ้นหน้าเก่าๆ ผมตื่นเต้นกับผลงานของคุณด้วยทุกรอบ”จอชพูด
การพบกันครั้งแรกและคำทักทายของจอช เป็นคำทักทายที่ไม่สมควรพูดกับคนที่พึ่งเจอกัน แต่จอชหน้าหนาเกินไป เลยไม่สนในว่าคนอื่นจะอีกยังไง ดวงตาสีฟ้าเปล่งประกายระยิบระยับเหมือนเจอของล้ําค่า..
ซูฮยอนรู้สึกว่า จอช ที่ยืนอยู่ด้านหน้าต้องเป็นผู้ตื่นขึ้นที่มีพรสวรรค์พอสมควร เพราะออร่าที่สัมผัสได้ อยู่แรงค์ A
<<เขาคงเป็นแรงค์ A มือใหม่>>
สหรัฐอเมริกามีกองกำลังผู้ตื่นขึ้นอยู่ในมือมากที่สุดในโลก อย่างไรตาม มีมากกว่าประเทศอื่นก็จริง แต่ศักยภาพผู้ตื่นขึ้นทุกคนไม่ได้มีคุณภาพเสมอไป ดังนั้นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A ในอเมริกา ควรถูกจัดให้อยู่ในอันดับระดับกลางๆค่อนไปทางสูง…
กลุ่มผู้ตื่นขึ้นหลายสิบคนที่มาต้อนรับพวกซูฮยอนถึงสนามบิน จอชกลับถูกเลือกในเป็นผู้นำ
แสดงว่าภายในกิลด์กิลด์เมดอิแค็ล จอชต้องอยู่มีตำแหน่งที่สูงพอสมควร…
“ได้ยินมาว่า คุณคาดหวังอยากพูดคุยกับกิลด์ของทางเรา”จอชพูด
“ใช่ครับ ผมมีเรื่องอยากขอร้องพวกคุณ”ซูฮยอนตอบ
“หากการช่วยเหลือของทางเราสามารถสานสัมพันธ์อันเป็นมิตรกับคุณได้ ทางเราจะทำทุกวิถีทางที่อยู่ในอำนาจของกิลด์เพื่ออำนวยความสะดวกแด่คุณ”
ช่างเป็นการต้อนรับที่น่ายกย่องจริงๆ
ในระหว่างที่ซูฮยอนและจอชแลกเปลี่ยนคำพูดกัน คิมซ็อกจินที่ฟังอยู่เงียบๆมานาน จึงตัดสินใจพูดขั้นกลาง
“เอาล่ะในเมื่อธุระของฉันเสร็จสิ้นแล้ว ฉันคงต้องขอตัวกลับก่อน ถ้ามีเรื่องลำบากใจหรือต้องการอะไรเพิ่มเติม โปรดอย่าลังเล โทรมาหาฉันได้ตลอดเวลา”
“อ่า…ขอบคุณมากครับ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพครับ”
ซูฮยอนและฮักจุนจับมือคิมซ็อกจิน เพื่อเป็นการอำลาครั้งสุดท้าย ทั้ง 2 คนไม่คิดว่าก่อน ว่ากิลด์ริปเปอร์จะส่งรองกิลด์มาสเตอร์มาช่วยอำนวยความสะดวกเป็นการส่วนตัว ในการแนะนำให้รู้จักกับกิลด์ฝั่งสหรัฐอเมริกา….
“พวกเราพูดคุยรายละเอียดกันระหว่างเดินทางดีไหม กิลด์มาสเตอร์ของผมอยากเจอคุณด้วยเหมือนกัน”
ซูฮยอนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของจอช…
ทั้ง 3 คนเดินตรงไปขึ้นรถ SUV ที่จอดไว้ข้างทาง จอชเลือกที่นั่งข้างคนขับ ซูฮยอนและฮักจุนเลือกนั่งเบาะหลัง…
เมื่อพวกเขาขึ้นรถ SUV กันหมด เครื่องยนต์ที่นิ่งเงียบก็พลันระเบิดขึ้น ก่อนที่รถจะเคลื่อนที่ออกจากสนามบิน..
ระหว่างรถกำลังวิ่งไปตามถนนไฮเวย์ จอชที่อยู่ด้านหน้า ก็เปิดปากพูดอีกครั้ง…
“ก่อนหน้านี้ คุณบอกว่ามีเรื่องอยากขอร้อง จะเสียมารยาทไหม ถ้าผมอยากรู้ว่า เรื่องที่คุณอยากให้ทางเราช่วยเป็นเรื่องอะไร?”
“เรื่องที่ผมอยากขอร้องคุณ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรมาก ผมอยากรู้ว่า คุณสามารถช่วยให้ผมเข้าร่วมการโจมตีดันเจี้ยนที่กำลังมาถึงได้ไหม”
“คุณหมายถึง โจมตีดันเจี้ยนใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”
ดวงตาสีฟ้าของจอชสั่นไหวไปมา ขณะจ้องใบหน้าของซูฮยอนและฮักจุนผ่านกระจกมองหลัง
อยู่ๆสมองของจอชก็นึกถึงดันเจี้ยนที่โผล่ขึ้นมาพิเศษกว่าทุกแห่งบนโลก..
“ดันเจี้ยนที่คุณหมายถึง ใช้ดันเจี้ยนสีน้ำเงินที่บังเอิญโผล่ขึ้นมาตอนนี้ใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ คุณเข้าใช้ถูกต้องแล้ว”
จอชพยายามควบคุมริมฝีปากที่สั่นระริกให้กลับมาอยู่ในความสงบ…
<<ว่าแล้ว!!!>
ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน…
เป็นสิ่งที่กิลด์จอชกำลังประสบปัญหา เพราะพวกเขามีกองกำลังไม่เพียงพอต่อการโจมตี…
โดยเฉพาะแรงค์ S ที่เป็นเสาหลัก กลับติดภารกิจของตัวเอง จนหาเวลาออกมาช่วยเหลือไม่ได้
สหรัฐอเมริกามีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ด้วยกันทั้งหมด 5 คน ช่างน่าเศร้าที่ 3 ใน 5 กำลังผจญภัยอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบ…
ดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินที่โผล่ขึ้นมาเป็นครั้งแรก ถูกหลายฝ่ายให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เพราะไม่มีใครประเมินความยากของดันเจี้ยนได้..
ก็เหมือนกับเหตุการณ์ดันเจี้ยนระดับสีเขียวที่โผล่ขึ้นมาใหม่ๆ ผู้คนให้ความสนใจไม่ต่างกันมาก
ดันเจี้ยนระดับใหม่ที่ไม่เคยปรากฏที่ไหนมาก่อน ผู้ตื่นขึ้นที่สามารถเข้าไปสำรวจได้ คงมีแต่พวกแรงค์สูงๆเท่านั้น…
<<หากกิลด์เมดอิแค็ล ได้รับความช่วยเหลือจากแขกผู้มาเยือนแรงค์ S….>>
การโจมตีดันเจี้ยนที่กำลังมาถึง คงทำให้ชื่อเสียงกิลด์เมดอิแค็ลดังกระฉ่อนไปทั่วสหรัฐอเมริกา…
ระหว่างการมาเยือนกิลด์ ต่อให้ซูฮยอนไม่เอ่ย ว่าอยากเข้ารวมการโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินด้วย จอชก็วางแผนเอาไว้อย่างลับๆ ว่าอยากลองชวนอีกฝ่ายพูดคุยเป็นการส่วนตัว เพื่อยืมแรงสักครั้งเหมือนกัน
แต่อีกฝ่ายกลับเอ่ยปากอยากเข้าร่วมการโจมตีด้วยมาก่อน ทำให้เป็นผลดีกับฝั่งจอชมากๆ…
“ผมคิดว่า ต้องเอาเรื่องนี้ไปรายงานกับกิลด์มาสเตอร์ของทางเราก่อน แต่คุณโปรดมั่นใจ ผมเชื่อว่ากิลด์มาสเตอร์ต้องยอมรับ คำข้อร้องของคุณซูฮยอนแน่”
“ผมเข้าใจ”
ซูฮยอนคิดไว้อยู่แล้ว ว่าจอชคงให้คำตอบที่แน่นอนไม่ได้ มีแต่กิลด์มาสเตอร์เท่านั้นที่สามารถตัดสินใจและให้คำตอบได้…
เหตุผลที่ซูฮยอนรีบยกเรื่องการโจมตีดันเจี้ยนขึ้นมาพูด เพราะต้องการให้อีกฝ่ายรู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริง อาการที่จอชแสดงออกมาเต็มไปด้วยความคาดหวัง แสดงว่าการโจมตีดันเจี้ยนมีโอกาสเป็นไปได้อยู่..
<<ยังมีเวลาอีกเหลือเหลือเฟือ>>
ซูฮยอนตัดสินใจก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างช้าๆ ไม่รีบร้อน
สหรัฐอเมริกาเป็นชาติมหาอำนาจที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครทั้งสิ้น ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เคยขอความช่วยเหลือจากผู้ตื่นขึ้นจากต่างประเทศ หากเป็นกรณีปกติพวกเขาต้องค้านหัวชนฝาไม่ยอมรับความหวังดีจากซูฮยอน..
แต่สถานการณ์ครั้งนี้มันต่างออกไป ความยากที่ซูฮยอนอยากเข้าร่วมโจมตีด้วยเป็นดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน ในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกากำลังขาดกำลังพลแรงค์ S ซูฮยอนอาจเป็นตัวเลือกที่ไม่อาจมองข้ามได้
<<ฉันค่อนข้างมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายต้องคิดทบทวนคำขอของฉันอย่างหนัก>>
ซูฮยอนไม่ทราบว่าคำตอบของอีกฝ่ายจะลงเอยเช่นไร
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์คับขัน พวกเขาคงตอบตกลงคำขอของซูฮยอนด้วยความเต็มใจ แต่ทว่า…
<<ถ้าชายที่ชื่อโรเบิร์ตเป็นคนตัดสิน อะไรก็เกิดขึ้นได้>>
กิลด์มาสเตอร์ของเมดอิแค็ล มีนามว่า โรเบิร์ต วิลเลียม
ซูฮยอนรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ในบรรดาผู้ตื่นขึ้นที่มีทรัพย์สินมากมายก่ายกอง โรเบิร์ต มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องความโลภมากที่สุด ผู้ชายที่สนแต่เรื่องเงินๆทองๆ จะสนใจข้อเสมอของเขาหรือไม่นั้น ไม่มีใครทราบ..
<<มารอดูกัน ว่าเขาจะตอบตกลงหรือป่าว>>
เหยื่อถูกซูฮยอนวางล่อตาล่อใจเอาไว้เรียบร้อย…
คงใช่เวลารออีกไม่นาน ที่อีกฝ่ายจะเดินมากินเหยื่อของเขา
*****************
ภายใต้การนำทางของจอช ซูฮยอนและฮักจุน ก็เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่..
ด้านในของบ้านตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 3 เป็นพื้นที่โล่งๆ ราวกับว่าถูกจัดแม่บ้านทำความละอาดก่อนซูฮยอนจะมาถึง…
จอชพาซูฮยอนไปห้องพักแล้วบอกในพวกเขาพักผ่อนให้ร่างกายหายเหนื่อยได้ตามสบาย ก่อนขอตัวทำธุระ..
ดูจากท่าทีของจอช เหมือนจะไปพบกิลด์มาสเตอร์ เพื่อปรึกษาหารือส่วนตัว
“การต้อนรับแขกของพวกเขา ดีกว่าที่ผมคิดไว้มาก”ฮักจุนพูด
“อาจเป็นเพราะอิทธิผลของกิลด์ริปเปอร์ก็ได้”
กิลด์ริปเปอร์ไม่ได้โด่งดังแค่ประเทศเกาหลีเท่านั้น แต่ยังได้รับการยอมรับจากนานาชาติอีกด้วย
กิลดฺมาสเตอร์จีย็อน ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S เป็นตัวช่วยให้กิลด์ริปเปอร์เป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก
แต่ชื่อเสียงของเธอไม่ได้มีส่วนมากขนาดนั้น สมาชิกภายในกิลด์ริปเปอร์เองก็มีความเก่งกาจไม่แพ้กิลดฺมาสเตอร์….
“ฮักจุน นายรู้ไหม สหรัฐอเมริกาเป็นชาติที่มีกองกำลังผู้ตื่นขึ้นเยอะกว่าชาติอื่นๆก็จริง แต่คุณภาพและความสามารถยังตามหลังคนอื่นอยู่มาก”ซูฮยอนพูด
“จริงเหรอครับ?”
“ฉันไม่เถียงว่าจำนวนผู้ตื่นขึ้นแรงค์ B หรือต่ำลงไป มีเยอะมากในสหรัฐอเมริกา แต่จำนวนแรงค์ A ประเทศเกาหลีและสหรัฐอเมริกาแทบไม่ต่างกันมาก ส่วนแรงค์ S ไม่ต้องพูด ถ้านับเฉพาะตอนนี้ เขามีน้อยกว่าเกาหลีมาก”
“นับรวมพี่แล้วใช่ไหม?”
“ถูกต้อง”
“ผมคิดว่าประชนชนอเมริกาคงเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ชาติมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลก ต้องเสียหน้า เพราะการปรากฏตัวของพี่”
ประชาชนในประเทศเกาหลีใต้ต่างภาคภูมิอกภูมิใจ ที่บ้านเกิดของตัวเอง มีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S มากที่สุดในโกล…
ทำให้ประชาชนอเมริกาที่ชอบคุยโอ้อวดแรงค์ S บ้านเกิดตัวเอง ต้องกลืนน้ำลายกลับลงคอ
สหรัฐอเมริกามีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S เพียง 5 คน ในขณะที่ทางเกาหลีมีมากถึง 6 คน รวมซูฮยอนด้วย..
“ฉะนั้นคำขอของฉันเกี่ยวกับการโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน พวกเขาไม่น่าปฏิเสธ”ซูฮยอนพูด
“ในเมื่อโลกมีหลายประเทศ ทำให้มีผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S หลายคน เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาเดินทางมายังสหรัฐอเมริกา เพื่อโจมตีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงิน”
“ไม่ถูกซะที่เดียว ผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ไม่ได้รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ทำให้พวกเขาเดินไปตามเส้นทางของตัวเอง”
แรงค์ S ส่วนใหญ่ มักใช้เวลาอยู่ในหอคอยแห่งการทดสอบมากว่าโลกภายนอก ทำให้ข่าวการค้นพบดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินไม่ไปถึงหูพวกเขา ถ้าพวกเขาบังเอิญเคลียร์ชั้นหอคอยแห่งการทดสอบเสร็จ แล้วนึกอยากมาสหรัฐอเมริกาก็สายไปแล้ว
หากรู้มาก่อนว่ามีจะมีดันเจี้ยนระดับสีน้ำเงินเกิดขึ้น พวกเขาไม่มีทางเข้าหอคอยแห่งการทดสอบแน่..
“ตัวแปรสำคัญคือความภาคภูมิใจของพวกเขา”ซูฮยอนว่างกระเป๋าไว้ข้างตัว ก่อนหย่อนตูดลงไปนั่งบนโซฟาสุดหรู
“ระหว่างความภาคภูมิใจและชีวิตของประชน ฉันอยากรู้จริงๆว่าพวกเขาจะเหลืออะไร”
ไม่ว่ายังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสหรัฐอเมริกายังคงเป็นเบอร์ของโลก เรื่องครอบครองกองกำลังผู้ตื่นขึ้นแข็งแกร่งมากที่สุดในโลกทำให้พลเมืองของอเมริกา มีความภาคภูมิใจอัดแน่นอยู่เต็มอก
ดังนั้นสหรัฐอเมริกาจึงไม่มีความจำเป็นต้องหยิบยืมกำลังผู้ตื่นขึ้นจากต่างประเทศ..
[ไม่มีความจำเป็น] เป็นประโยคสั้นๆ แต่สามารถตัดสินว่าพวกเขาจะได้ไปต่อ หรือ บินกลับประเทศ
“พี่คิดว่าพวกเขาจะ ละทิ้งความภาคภูมิใจได้ไหม”ฮักจุนตอบ
“ฉันคิดว่า เป็นไปได้ยากมาก”
“เอ๊ะ…?”คำตอบที่เรียบง่ายของซูฮยอน ทำให้ฮัจจุนแสดงสีหน้าแคลงใจออกมา
ยาก? ในเมื่อซูฮยอนรู้ผลลัพธ์อยู่ว่าเป็นไปแทบไม่ได้ แล้วประชาชนจากสหรัฐอเมริกาจะยอมรับข้อเสนอของพวกเขาจริงๆเหรอ?
“ไม่ต้องคิดมาก อีกไม่นานพวกเราคงได้ครับตอบ” ซูฮยอนตอบกลับพร้อมยิ้มมุมปาก
บางทีอาจเป็นเพราะเห็นสีหน้าชวนตลกของฮักจุนก็ได้ ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว….
“ฮักจุน นายเคยได้ยินคำว่า ความโลภของมนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุดหรือป่าว?”