การกลับมาของฮีโร่ – ตอนที่ 108

ตอนที่ 108

ตอนที่ 108

“ไอ้สารเลวไม่รู้จักที่ต่ําที่สูง”

“ท่าน! พวกเราต้องทนฟังมันถากถางต่อไปอีกงั้นรึ?”

เมื่อซูฮยอนเริ่มปล่อยพลังเวทย์ขมขู่พวกเขา นักเวทย์แห่งความมืดกระเด้งตัวออกจากเก้าอี้ทันที

อย่างไรก็ตามมีเพียงนักเวทย์ชายชราคนเดียวที่นั่งนิ่งไร้การเคลื่อนไหว เปลือกตาปิดแน่น

ท่าทางภายนอกดูกังวลกว่าคนอื่นๆ นักเวทย์แห่งความมืดเริ่มโคจรพลังเวทย์ให้ร่างกายเตรียมพร้อมโจมตีซูฮยอน บอกตามตรงออร่าจากตัวซูฮยอนทําให้พวกเขารู้สึกปั่นป่วนทั้งกายและใจ

“ย่อมได้” นักเวทย์แห่งความมืดชายชราลืมตาขึ้นและพูดว่า “ข้ายินดีช่วยเจ้า”

“ท่าน!!”

“หุบปาก!!”

ชายชราตวาดโต้เสียงคัดค้านของนักเวทย์แห่งความมืดคนหนึ่ง เมื่อสัมผัสได้ถึงน้ําเสียงดุดัน นักเวทย์แห่งความมืดพยายามเปิดปากพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่นานก็กลืนคําพูดลงคอไป เขานั่งลงบนเก้าอี้เหมือนเดิมพร้อมใบหน้าซีดเผือก

หลังจากเสียงอึกทึกเงียบลง ชายชราพยักหน้าอย่างพอใจ

ชายชราพูด “ประสงค์ของเจ้าคือการพิชิตอูโรโบรอส ไม่มีปัญหาข้าสามารถช่วยเจ้าได้ ทว่าข้าเรียกอูโรโบรอสออกมาให้เจ้าได้ก็จริง แต่จะจัดการมันได้ไหมนั้น ขึ้นอยู่กับตัวเจ้า”

“แค่เรียกมันให้ออกมา ก็ประหยัดแรงฉันได้มาก”

“ข้ายกห้องพักชั้นที่ 2 ในหอคอยให้เจ้าหนึ่งห้อง เพื่อพักความเหนื่อยล้า พักผ่อนตามอัธยาศัยเถอะ พวกเราจะเริ่มออกเดินทางให้วันรุ่งขึ้น”

นักเวทย์แห่งความมืดชายชรา ปรายตามองนักเวทย์ที่นั่งอยู่ถัดจากซูฮยอน

“ซายูจุน” ชายชราเรียก

“ครับท่าน!”

“เจ้าช่วยนําแขกไปห้องพักได้หรือไม่? วันนี้ข้ารู้สึกปวดเอวขยับเขยื้อนมากไม่ได้”

“รับทราบครับ!!”

ตามคําสั่งของนักเวทย์แห่งความมืดชายชรา ชายที่ชื่อชายูจุนลุกขึ้นจากที่นั่ง ซูฮยอนลุกขึ้นตามและเดินตามหลังออกจากห้องโดยผ่านประตูบานใหญ่

ปัง!!

หลังจากทั้ง 2 คนก้าวพ้นประตูไป ประตูบานใหญ่แง้มปิดลงอย่างช้าๆ เมื่อภายในห้องเหลือแต่คนคุ้นหน้า นักเวทย์แห่งความมืดรีบระบายความอัดอั้นตันใจให้ชายชราพัง

“ท่าน…”

“ทําไมถึงยอมปล่อยมันไป?”

“นั่นสิ ไม่สมกับเป็นนิสัยของท่านเลย”

เสียงร้องทุกข์ของนักเวทย์แห่งความมืดดังก้องไปทั่วห้อง ชายชราไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป เขานั่งเท้าคางฟังเงียบๆ

ความขุ่นเคืองใจของนักเวทย์แห่งความมืดดูเหมือนจะไม่หยุดลงง่ายๆ คําด่าทอเสียๆหายๆยังคงดังออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ชายชราก็ยังนั่งนิ่งเหมือนหุ่นกระบอก ทันใดนั้นเองนักเวทย์แห่งความมืดก็รู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ตามปกติชายชราไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ได้สบายใจเฉิบแบบนี้แน่ หากเป็นปกติป่านนี้พวกเขาคงถูกลงโทษไปนานแล้ว

อย่างไรก็ตามชายชรายังคงสงบเงียบ

เสียงบ่นรําพึงของพวกเขาค่อยๆซาลง ชายชราที่ไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ทําให้พวกเขาเริ่มคิดว่ามันแปลกๆ ความกลัวต่อชายชราตรงหน้าที่หยั่งรากลึกลงไปภายในจิตใจเริ่มปะทุพลุ่งพล่านขึ้นมา

พวกเขาไม่ต้องการสร้างความโกรธเกรี้ยวให้แก่ชายชรา ดังนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังระงมจึงเงียบลงไปในที่สุด

“พูดกันจบแล้วงนรี?”

เมื่อนักเวทย์แห่งความมืดชายชราอ้าปากพูด นักเวทย์ที่เหลือก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัว

สายตาของชายชราจากราบเรียบไร้ความรู้สึก กลายเป็นสายตาเย็นชาดุจน้ําแข็ง ราวกับว่าทั้งชีวิตของเขาไม่เคยยิ้มแย้มเลยสักครั้ง

“หลักจากที่ข้าได้ยินพวกเจ้าระเบิดอารมณ์ ไม่เสียแรงที่ข้าดูแลพวกเจ้าเป็นอย่างดี แต่ว่าห้ามแสดงกิริยาข้ามหัวข้าอีกเป็นอันขาด อย่างไรก็ตามข้าเข้าใจ ทําไมพวกเจ้าถึงควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ วันนี้ข้าจะปิดตาข้างหนึ่ง ไม่เอาเรื่องพวกเจ้า”

“ขอโทษครับท่าน”

“พวกเราผิดไปแล้ว”

ปัง!!

นักเวทย์แห่งความมืดโขกหัวลงบนโต๊ะด้วยความละอายใจ นักเวทย์แห่งความมืดชายชรามองไปที่พวกเขาแล้วเดาะลิ้น ภาพตรงหน้ามองแล้วน่าสมเพชเหลือเกิน

“พวกเจ้าคงสงสัยสินะว่าทําไมข้าถึงยอมอดกลั้น” ชายชราถาม

“สีหน้าของข้าเหมือนพยายามอดกลั้นอยู่หรือ?”

“ใช่ครับ”

นักเวทย์แห่งความมืดชายชราสายหัว สายตามองไปคนอื่นๆที่กําลังแสดงสีหน้าสับสน

“ช่างหน้าสมเพชจริงๆ

“พวกเจ้าเข้าใจผิดคนที่พยายามอดกลั้นไม่ใช่ข้า แต่เป็นเจ้าหนุ่มนั่นต่างหาก” ชายชรากล่าว

“ท่านหมายความว่าไง?”

“มีแต่คนแข็งแกร่งเท่านั้นที่อดกลั้นต่อคนอ่อนแอโดยไม่เกรงกลัว ที่เขายอมลดตัวมาคุยกับเราโดยไม่ลงไม้ลงมือ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในรูปแบบของความเอื้ออารีก็ไม่ผิดนัก”

นักเวทย์แห่งความมืดต่างประหลาดใจกับพูดของชายชรา คนที่เก่งที่สุดในหมู่พวกเขาและผยองมากที่สุดเปรียบเปรยตัวเองว่าเป็นคนอ่อนแอเนี่ยนะ?

นักเวทย์แห่งความมืดชายชรามองประตูที่ซูฮยอนพึ่งเดินออกไป

“เขาบีบพวกเราให้เลือกได้แค่ 2 ทางเท่านั้น”

คําไหว้วานของซูฮยอน ทําให้นักเวทย์แห่งความมืดชายชราคิดแผนการออกมาได้ 2 ทาง

“รวบรวมนักเวทย์แห่งความมืดภายในเมืองให้ได้มากที่สุด ต่อสู้เดิมพันเป็นตายกับอีกฝ่ายสุดกําลัง เหมือนจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ดังนั้นการเรียกอูโรโบรอสขึ้นบนมาเหนือผิวน้ํา มีโอกาสทําให้เขาพลัดตายขึ้นก็ได้ แม้จะริบรี่ก็ตาม”

มันจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมเขาถึงยอมช่วยซูฮยอนโดยการเรียกอูโรโบรอส พวกเขาไม่มีทาง เลือกนอกจากรอให้อูโรโบรอสกลืนซูฮยอนลงท้อง เหมือนกับนักเวทย์คนอื่นๆที่กลายเป็นเครื่องสังเวย

งานนนนนนนนน

“ห้องของเจ้าคือห้องนี้”

นักเวทย์แห่งความมืดชื่อซายูจุนเดินนําซูฮยอนมาถึงห้องพักผ่อนบนชั้นที่ 2

ห้องพักที่ซูฮยอนได้รับค่อนข้างกว้างใหญ่ไม่เหมาะแก่การอยู่คนเดียว สภาพห้องพักคล้ายๆโรงแรมทั่วไป มีเตียงนอนนุ่นฟูและห้องน้ําในตัว เครื่องอํานวยความสะดวกครบครัน

สายตาสาดส่องรอบห้องเหมือนคนไร้การศึกษาของซูฮยอน ทําให้ชายูจุนเกิดความไม่พอใจ

ซายูจุนพูด “ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพราะนายท่านสั่ง จําเอาไว้ให้ดีห้องนี้”

“หยุด”ซูฮยอนยกมือขึ้นห้ามซายูจุนพูดโดยไม่หันไปมอง

“ออกไปได้แล้วคุณหมารับใช้”

“แกสิหมารับใช้”

ปัง!!

ซายูจุนกระแทกประตูด้วยความโมโห..

“ขอดูหน่อยสิ มีอะไรน่าสนใจบ้าง”ซูฮยอนพึมพําพลางเดินไปหาชั้นหนังสือ

เขาลุ่มหยิบหนังสือจากชั้นมาหนึ่งเล่ม หน้าปกเป็นภาพชิ้นส่วนมนุษย์ถูกชําแหละ เนื้อหาภายในหนังสืออธิบายเกี่ยวกับการเสียสละของมนุษย์ ซึ่งต่อมาถูกนํามาใช้เป็นบทเรียนสอนคนในเมืองอย่างแพร่หลาย เพราะไม่วันใดวันหนึ่งพวกเขาอาจเป็นผู้เสียสละก็ได้

“พวกน่ารังเกียจ”

ซูฮยอนปิดหนังสือ เนื้อหาภายในไม่คุ้มค่ากับเวลาอ่าน

ซูฮยอนปาหนังสือลงพื้นและใช้เท้าเหยียบซ้ําด้วยความโกรธ เขาปล่อยเปลวเพลิงออกมาแล้วเผาหนังสือจนกลายเป็นผุยผง

เขาลองเปิดใจหยิบหนังสือเล่มอื่นออกมาศึกษา แต่เนื้อหาภายในก็ยังวนเวียนอยู่กับการเสียสละ แค่เห็นหัวข้อหนังสือก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว

ซูฮยอนถอนหายออกมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วเดินตรงไปที่โซฟาก่อนทิ้งตัวลงนอน

คิ้ว!!

มิรุที่อ่านสีหน้าซูฮยอนมาตลอดทาง เมื่อเห็นว่าซูฮยอนเริ่มมีท่าทางผ่อนคลาย ไม่แข็งกระด้างเหมือนเก่า มันจึงตัดสินใจขยับตัวเปลี่ยนที่นอนใหม่ โดยนอนหมอบลงบนหน้าท้องของซูฮยอน

ซูฮยอนยกมือลูบหลังของมิรุเหมือนอย่างทุกวัน ทันทีที่หลับตาลงเขาสัมผัสได้ว่ามีสายตาของใครบางคนกําลังจ้องมองอยู่ที่ไหนสักที่

“พวกเขาจับตาดูการเคลื่อนไหวของฉันอยู่”

เนื่องจากซูฮยอนสร้างความปั่นป่วนและข่มขวัญพวกเขา จึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะระแวงซูฮยอน

ไม่ใช่แค่พวกเขาเท่านั้น ซูฮยอนก็รู้สึกระแวงไม่ต่างกัน นักเวทย์ให้ความมืดคนอื่นๆไม่อยู่ในสายตา แต่นักเวทย์แห่งความมืดชายชราคนนั้นเป็นคู่ต่อสู้ที่ตึงมือพอสมควร

ระดับพลังระหว่างเขาและฮวางจุนเผิงกินกันไม่ลง เรียกได้ว่าพอๆกัน

อย่างที่ซูฮยอนเคยสันนิษฐานไว้ตอนแรก ว่าต้องมีเสือซ่อนเล็บเร้นกายอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองโมรอส

ชายชราที่ซูฮยอนเจอเมื่อครู่มีความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา เพราะต่อให้นักเวทย์แห่งความมืดทั้งหมดในห้องรวมคลื่นพลังเข้าด้วยกัน ยังเทียบคลื่นพลังของชายชราเพียงคนเดียวไม่ได้

“เฮ้อ ระดับการทดสอบเริ่มยากลําบากขึ้นอีก ประสาทจะกินอยู่แล้ว” ซูฮยอนบ่นพึมพําออกมาเสียงดัง

สถานการณ์ที่ซูฮยอนกําลังเผชิญจะบอกว่าเป็นเรื่องน่าขันก็ไม่ผิดนัก นี่เป็นเพียงการทดสอบของชั้นที่ 30 เท่านั้น ยัยโคลอี้อดีตสมาชิกกิลด์ดัมพ์ เคยกล่าวว่าชั้นที่ซูฮยอนไต่ถึงต่ํากว่าหล่อนมาก

ไม่ทราบว่ายัยโคลอี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนมาเปรียบเทียบเธอกับซูฮยอน

ชั้นที่ 30 ของซูฮยอน มีนักเวทย์และอูโรโบรอสเป็นอุปสรรคชิ้นโต ถ้ายัยโคลอี้เจอสถานการณ์เดียวกันกับซูฮยอน รับรองเลยว่าเธอจบเห่ไปนานแล้ว

“การพิชิตอูโรโบรอส ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการทดสอบ”

หลังจากจ่ายคะแนนความสําเร็จ 100,000 คะแนน ผู้อารักขาได้ให้คําแนะนําแก่ซูฮยอน

ซูฮยอนไม่เข้าใจทําไมผู้อารักขาถึงให้คําแนะนํา แทนที่จะเป็นคําใบ้เพียงอย่างเดียว คําแนะนําของผู้อารักขามีความเสี่ยงสูงและอันตราย แต่มันเป็นข้อมูลสําคัญที่เพิกเฉยไม่ได้

“มันเสี่ยงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่มันก็คุ้มที่จะลอง”ซูฮยอนยกมือขึ้นมากางออก สายตามองดูมือของตัวเอง

ซูฮยอนขอคําใบ้จากผู้อารักขาประตู และเขาก็เสนอมาให้ 2 ตัวเลือก

ตัวเลือกที่หนึ่ง ผ่านการทดสอบไปได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด

ตัวเลือกที่สอง ได้รับรางวัลใหญ่ขึ้นหลังจากพิชิตการทดสอบสําเร็จ

แน่นอนว่าซูฮยอนเลือกอย่างที่สองโดยไม่คิดให้เสียเวลา กฏในหอคอยแห่งการทดสอบระบุไว้ชัดเจนว่าการมอบรางวัลให้แก่ผู้พิชิตการทดสอบได้สําเร็จ ประเมินจากความสําเร็จและการกระทําต่างๆที่เกิดขึ้นภายในการทดสอบของชั้นนั้นๆ

“ฉันต้องทําให้ได้

ซูฮยอนกําหมัดแน่น

“ฉันต้องทําให้ได้

วันต่อมา ซูฮยอนออกจากเมืองพร้อมกับนักเวทย์แห่งความมืดจํานวนหนึ่ง

เมื่อมาถึงกําแพงเมืองสูงชัน ทหารยามจากป้อมปราการขวางทางไม่ให้กลุ่มซูฮยอนผ่านออกไป อย่างไรก็ตามนักเวทย์แห่งความมืดชายชราออกหน้าให้ไม่นานทหารยามก็ยอมเปิดทางให้แต่โดยดี

ซูฮยอนรู้ว่าให้เมืองโมรอสมีผู้มีอํานาจหลายคน แต่คนที่มีอํานาจล้นมือคงหนีไม่พ้นชายชรา

นักเวทย์แห่งความมืดสิบคนและซูฮยอนเดินเกาะกลุ่มกัน แต่ไม่มีใครเอ่ยปากพูดสักคน บรรยากาศรอบข้างเงียบกริบ ได้ยินแต่เสียงย่ําเท้าเท่านั้น

จุดหมายที่พวกเขากําลังไปคือบริเวณฝั่งทะเล ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองโมรอสไม่ไกลนัก

“อีกไม่นานพวกเราจะถึงทะเลเปิด” นักเวทย์แห่งความมืดชายชราเอื้อนเอ่ย สองมือไพล่หลัง

นักเวทย์แห่งความมืดคนอื่นสีหน้าดูไม่ดีนัก พวกเขาพากันกลั่นหายใจราวกับรู้สึกประหม่า

แม้ว่าพวกเขาจะควบคุมอูโรโบรอสได้ แต่พวกเขายังรู้สึกกลัวทุกครั้ง เมื่อต้องเข้าใกล้สัตว์อสูรตัวนี้

“เกี่ยวกับเรื่องนั้น เจ้าแน่ใจอยู่ไหม?” นักเวทย์แห่งความมืดชายชราถามซูฮยอนเป็นครั้งสุดท้าย

ซูฮยอนซ้อนตามองและตอบกลับไป “คุณถามย้ํากี่รอบแล้ว?”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าดูมั่นใจมาก ข้าก็เลยถามเผื่อเจ้าเปลี่ยนใจ”

คิ้ว!!

คําพูดของนักเวทย์แห่งความมืดชายชราทําให้มิรุแยกเขี้ยวข่มขู่ เหมือนว่ามิรุจะเกรียดเสียงหัวเราะของชายชรามากทีเดียว

ชายชราละสายตาออกมามิรูและมองทางเดินข้างหน้า ไม่นานพวกเขาก็มาถึงชายฝั่ง

“พวกเรามาถึงแล้ว”

ท้องฟ้าเจิดจรัสและทะเลสีครามกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แสงแดดจากดวงอาทิตย์ส่องกระทบผิวน้ํา ช่างเป็นทิวทัศน์เจริญตาเจริญใจ บางคนอาจคิดว่าสถานที่แห่งนี้คือสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่สําหรับซูฮยอนมันเป็นสมรภูมิในการเริ่มทดสอบ

“คุณจะเรียกอูโรโบรอสออกมายังไง?”ซูฮยอนถามชายชรา

นักเวทย์แห่งความมืดชายชราตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “สัตว์อสูรกําลังมา”

ก่อนหน้าที่ซูฮยอนจะถาม นักเวทย์แห่งความมืดสิบคนบ่นงมงบริกรรมคาถาอะไรบางอย่างที่ซูฮยอนไม่เข้าใจ แสดงว่ามันอาจเป็นบทสวดเพื่อเรียกอูโรโบรอส.

ซูฮยอนเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ทะเล เขารู้สึกได้ว่าคลื่นลมในทะเลแปรปรวนรุนแรง เพราะคลื่นที่กระทบหาดทรายกระเถิบกินพื้นที่มากขึ้นและมวลน้ํามีความหนาแน่นมากกว่าเดิม

คิ้ว!!

มิรุคํารามออกมาด้วยน้ําเสียงฉุดเฉียว ไม่ใช่สิพูดให้ถูกกิริยาของมิรุตอนนี้ กําลังแสดงท่าที่หวาดกลัวออกมามากกว่า

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์มิรุและสัตว์อสูรอูโรโบรอสเป็นปฏิปักษ์กันตั้งแต่อดีตกาล

หลังจากน้ําทะเลกระเพื่อมขึ้นลง ใต้พื้นน้ํามีเส้นเงาสีดําๆแล่นใกล้เข้ามาบริเวณชายฝั่งเรื่อยๆ

ไม่กี่อึดใจเงาขนาดใหญ่ก็ยกศีรษะขึ้นมาเหนือผิวน้ํา

โฮกกกกก

งูยักษ์ลําตัวสีดําขลับโผล่ผงาดขึ้นมาเหนือผิวน้ํา ขนาดตัวของมันบดบังดวงอาทิตย์จนมิด

ลําตัวทอดยาวไปยังท้องทะเลเบื้องหลัง นัยน์ตาสีแดงของมันจ้องมองซูฮยอนและนักเวทย์แห่งความมืดคนอื่นๆ

ลําตัวของอูโรโบรอสใหญ่ครอบคลุมท้องฟ้า โครงสร้างร่างกายหนาเป็นมัดๆและยังยาวหลายเมตร

มันจัดเป็นสัตว์อสูรที่มีขนาดตัวใหญ่มโหฬาร ถึงขั้นที่ว่าถ้ามันหลุดออกไปประเทศข้างเคียง มันสามารถทําลายประเทศให้แหลกเป็นจุลณได้ในพริบตา

ตัวใหญ่มาก

ซูฮยอนไม่เคยเห็นมอนสเตอร์ใหญ่เท่านี้มาก่อน อูโรโบรอสที่อยู่ตรงหน้ามีระดับสูงยิ่งกว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์บางตัวเสียอีก

ลักษณะภายนอกของอูโรโบรอสใกล้เคียงกับมังกรโตเต็มวัยมากกว่า

อีก!!

นานแค่ไหนกันนะที่ซูฮยอนไม่เคยรู้สึกประหม่าเท่าครั้งนี้มาก่อน ทันทีที่อูโรโบรอสปรากฏตัว มิรุก็เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังของซูฮยอนลูกเดียว สําหรับมิรุ มันยังเด็กเกินไปในการเป็นศัตรูกับอูโรโบรอส 5 คน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง หลังจากเห็นร่างจริงอูโรโบรอสใกล้ๆ?”

นักเวทย์แห่งความมืดชายชราเดินตัดหน้าซูฮยอนและพินิจมอง เขาคาดหวังอยากเห็นสีหน้าหวาดกลัวของอีกฝ่าย แต่เหมือนความหวังของเขาจะไม่เป็นที่ต้องใจนัก

“พวกเรากลับ” ชายชราออกคําสั่งกับนักเวทย์แห่งความมืดคนอื่นๆ

หากยังงั้นอยู่ที่นี่ต่อ พวกเขาคงเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้อย่างไม่มีทางเลือก

หน้าที่ของพวกเขาจบลงอย่างสมบูรณ์ คําไหว้วานของซูฮยอนแรกเริ่ม คืออยากให้พวกเขาเรียกอูโรโบรอสออกมา แต่การต่อสู้ระหว่างซูฮยอนและอูโรโบรอส พวกเขาขออนุญาตไม่ก้าวก่าย

นักเวทย์แห่งความมืดชายชราเร่งเดินจากไป เขาวางกลเม็ดเอาไว้ในใจ หากก้าวพ้นขอบเขตจักษุวิสัยเมื่อไหร่ เขาจะคลายการควบคุมอูโรโบรอสออกทันที

“ข้ารู้สึกวิตกกังวล ยังไงชอบกล” นักเวทย์แห่งความมืดชายชราบ่นพึมพําขณะอ้าวกลับเข้าเมือง

“กังวล? ท่านหมายถึงอะไร?”

“หน้าตาของเจ้าหนุ่มคนนั้น”

นักเวทย์แห่งความมืดชายชราเหลียวหลังมองไปที่ซูฮยอน ระยะห่างปัจจุบันของเขาและซูฮยอนค่อนข้างไกล เลยทําให้เห็นแค่จุดเล็กๆเท่านั้น

ชายชราไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของซูฮยอนได้อีกต่อไป แต่สีหน้าที่ซูฮยอนแสดงออกมาก่อนหน้านี้ เป็นเหตุให้ชายชราห่วงหน้าพะวงหลัง

“สีหน้าของมันเป็นอย่างไรบ้างครับ?”

“ข้าคิดว่าเจ้าหนุ่มนั่นหวาดกลัวไม่ผิดแน่ แต่เหมือนมีสีหน้าคาดหวังอะไรบางอย่างแกมอยู่ด้วย” นักเวทย์แห่งความมืดชายชราสายหัวและพยายามฝืนใจไม่เชื่อในภาพที่เห็น

“อะไรนะ? คาดหวังอะไรบางอย่างงั้นรึ?”

นักเวทย์แห่งความมืดคนอื่นๆกรอกลูกตาไปมา แสดงสีหน้าไม่เข้าใจ

“ตามปกติเมื่อเขาเห็นอูโรโบรอสควรขวัญหนีดีฝ่อและวิ่งเตลิดหนีไปให้ไกลที่สุด แต่เขากลับคาดหวังบางสิ่งบางอย่าง เขาคาดหวังอะไรกันแน่?

“กังวล กังวลเหนือเกิน”

นักเวทย์แห่งความมืดชายชราบันรําพัน ไม่ว่าชายชราจะพยายามสงบจิตสงบใจมากแค่ไหนก็ไม่สามารถคลายความกังวลได้…

“ทางเลือกของข้าจะส่งผลลัพธ์เยี่ยงไร ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวอูโรโบรอส”

เมื่อเดินห่างออกมาจากจุดต่อสู้ได้ระยะหนึ่ง นักเวทย์แห่งความมืดชายชราอ้าปากพูดด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา

“อูโรโบรอสเขมือบมันซะ”

คําพูดอัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์แห่งความมืดของชายชราล่องลอยไปตามสายลม ทิศมุ่งหมาย คือบริเวณชายฝั่ง

ทันใดนั้นเองเสียงอึงคะนึงพลันดังขึ้น

โฮกกกกก!!!

เสียงคํารามบาดแก้วหูของอูโรโบรอส ดังกึกก้องกระจายทั่วพื้นฟ้า

การกลับมาของฮีโร่

การกลับมาของฮีโร่

คิมซองอิน ฮีโร่ ที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ

เขาเดิมพันด้วยพลังทั้งหมดของเขา ในการต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์ที่กำลังรุกรานโลก

ทว่า…ความตั้งใจของเขาก็ไม่สำเร็จ โลกมนุย์ถูกทำลาย

แต่ตำนานยังไม่ตาย เมื่อเขาได้มีโอกาสย้อนกลับไปในอดีต เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

การเดินทางครั้งใหม่ของเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน