เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1003

ตอนที่ 1003

เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1003
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1003 ฟางหยวนปะทะโป้ชิง

แปลโดย iPAT

‘นิกายเงามาเร็วกว่ากำหนดเช่นกัน…’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

แม้เขาจะวางแผนมาอย่างรอบคอบ แต่ในการปฏิบัติจริงมันกลับเป็นเรื่องยาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาหมดสิ้นหนทาง

ในชีวิตก่อนหน้ากลุ่มผู้อมตะภาคใต้ต่อต้านภัยพิบัติมากมายก่อนที่นิกายเงาจะปรากฏตัวขึ้น

อย่างไรก็ตามครั้งนี้สมาชิกนิกายเงากลับปรากฏตัวออกมาตั้งแต่แรก

เนื่องจากค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาถูกจัดตั้งไปแล้ว ฟางหยวนก็ไม่รีบร้อนที่จะล่าถอยอีกต่อไป

เหตุผล?

เพราะสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว

เช่นเดียวกับชีวิตก่อนหน้า วิญญาณท่องแดนอมตะไม่สามารถใช้งานในกรณีนี้

แม้เขาจะมีคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล เขาก็ยังต้องใช้เวลาพอสมควรในการทำลายค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา

ฟางหยวนเรียนรู้ท่าไม้ตายเขตแดนมามากมายโดยเฉพาะในแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่ที่ทะเลตะวันออก

แม้เขตแตนในแดนศักดิ์สิทธิ์หยูลู่จะยอดเยี่ยมแต่มันปราศจากคนควบคุม

กระทั่งฟางหยวนจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลและไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็มีความเข้าใจบางอย่าง

หากเขาออกไปตอนนี้ ไม่เพียงเขาจะตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้ นิกายเงาก็จะไม่ปล่อยเขาจากไปพร้อมกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลเช่นกัน

‘กำหราบผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดก่อน จากนั้นค่อยหาโอกาสใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะกวาดล้างสิ่งกีดขวาง’ ฟางหยวนคิด

การปรากฏตัวของนิกายเงาทำให้ฟางหยวนสามารถตัดสินใจ

เขารู้สึกผ่อนคลายลงและเริ่มจัดการผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด

สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนตกใจก็คือผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดยังมีความแข็งแกร่งเหลืออยู่เล็กน้อย

เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ฟางหยวนกระตุ้นใช้พลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะอย่างดุเดือด

‘ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดตนนี้เป็นนักวางแผนที่ชาญฉลาด! ก่อนหน้านี้เขาพยายามปรับแต่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะอย่างลับๆแต่เขาล้มเหลว ด้วยความเหนื่อยล้า เขาจึงเข้าสู่การจำศีลเพื่อสะสมความแข็งแกร่งโดยมีความหวังว่าเมื่อเขาตื่นขึ้นเขาจะสามารถพลิกสถานการณ์’

ฟางหยวนคาดเดาและรู้สึกชื่นชมคู่ต่อสู้โดยไม่ได้ตั้งใจ

ผีดิบอมตะตนนี้บ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่เขากลับมีความสามารถบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ไม่ธรรมดา

ผู้ใดจะรู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่

แต่ฟางหยวนรู้ว่ามันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ทิ้งทางออกสายหนึ่งไว้ให้เขาในกรณีที่เลวร้ายที่สุด

บางทีผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดตนนี้อาจตื่นและหลับมาหลายครั้งแล้ว

หากไม่ใช่เพราะการแทรกแซงของฟางหยวน วันหนึ่งผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดจะสามารถปลดปล่อยตนเองได้อย่างแน่นอน

นอกจากนั้นเขายังจะได้รับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลอีกด้วย

แต่น่าเสียดายที่แผนการของเขาถูกขัดขวางโดยฟางหยวน

ขณะที่ฟางหยวนกำลังจัดการผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด บนท้องฟ้าเหนือภูเขาอี้เทียนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ภัยพิบัติสวรรค์พิภพมากมายร่วงหล่นลงมาและสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับกลุ่มผู้อมตะภาคใต้

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่พยายามทำลายค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา แต่พวกเขาไม่สามารถ

เช่นเดียวกับครั้งก่อน พวกเขาคิดว่าอิงอู๋เซี่ยเป็นจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม เมื่อผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้พุ่งเข้าโจมตีอิงอู๋เซี่ย พวกเขาก็ถูกส่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันและจบลงด้วยความพ่ายแพ้

ต่อมา พวกเขาหันไปโจมตีผีดิบอมตะสุดยอดกายาที่เป็นแกนกลางของค่ายกลวิญญาณแต่ยังถูกขัดขวางโดยผู้อมตะนิกายเงา

เมื่อเวลาผ่านไป ภายใต้พลังอำนาจของคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดก็อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง

ฟางหยวนมองเห็นความหวังมากขึ้น สำหรับผู้อมตะภาคใต้ เกือบทั้งหมดเสียชีวิตไปแล้ว

ผู้อมตะระดับแปดที่เหลืออยู่เพียงสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังหลบหนีภัยพิบัติสวรรค์พิภพรวมถึงผู้อมตะนิกายเงาอย่างน่าอนาถ

ไม่ใช่ว่าฟางหยวนไม่ต้องการช่วยเหลือผู้อมตะระดับแปดเหล่านี้ แต่เขาไม่มีทางเลือก

เขายังไม่สามารถกำหราบผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลาสนใจคนอื่น

อย่างไรก็ตามเขายังพยายามส่งข้อมูลเกี่ยวกับพลังของอิงอู๋เซี่ยให้กับผู้อมตะระดับแปดทั้งสอง

แต่เขตต้องห้ามของภูเขาอี้เทียนขยายตัวออกไปในวงกว้างและยังปิดกั้นการส่งข้อมูลของฟางหยวนอีกด้วย

ฟางหยวนเคยทดลองใช้วิธีอื่นๆแต่ยังล้มเหลว

หลังจากพยายามหลายครั้ง ฟางหยวนจึงตัดใจยอมแพ้และทุ่มเทความสนใจทั้งหมดกับผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดเท่านั้น

เป็นเพียงเวลานี้ที่หอคอยขนาดใหญ่ค่อยๆลอยลงมาจากท้องฟ้าอย่างเงียบงัน

หอคอยดวงตาสวรรค์!

“ท่านเจ้าวัง ผู้อมตะภาคใต้ตายเกือบหมดแล้ว เราควรลงมือเลยหรือไม่?” ไป่เฉินเทียนถาม

ด้วยความช่วยเหลือจากหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังสามารถมองเห็นเหตุการณ์ด้านล่างได้อย่างชัดเจน

“ช่างทรงพลังนัก มันดูเหมือนค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณ แต่ในความเป็นจริงมันใช้พลังงานแห่งเต๋าจากร่างสุดยอดกายาเป็นแรงขับเคลื่อนท่าไม้ตายเขตแดน อย่างไรก็ตามพวกเขายังขาดสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริง หากสามารถรวมพลังอำนาจของสุดยอดกายาทั้งสิบ พลังอำนาจของมันจะน่าสะพรึงกลัวมากขึ้น” เจ้าวังกล่าว

“ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาพยายามยึดครองร่างผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดที่อยู่ใต้ภูเขา” เหลียนจิ่วเฉิงแสดงความคิดเห็น

เจ้าวังลูบเคราและกล่าวต่อ “ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะครอบครองผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดเพราะก่อนหน้านั้นพวกเขาต้องผ่านด่านคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล ตอนนี้เราต้องรอก่อน กลุ่มของโป้ชิงยังไม่ปรากฏตัว”

“ในการเดินทางครั้งนี้ เรานำผู้อมตะสิบสามคนมาพร้อมกับหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่เราข้ามกำแพงภูมิภาคและเดินทางผ่านสวรรค์สีขาวมาโดยไม่ได้หยุดพัก ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด”

“ศัตรูยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่ ปล่อยพวกเขาอาละวาดไปก่อน แม้ผู้อมตะภาคใต้จะตาย มันก็ยังมีภัยพิบัติสวรรค์พิภพ ฮืม คนที่ควรตายแต่กลับไม่ยอมตาย พวกเขาต้องพบกับความโกรธเกรี้ยวของสวรรค์! ภัยพิบัติจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ”

เจ้าวังไม่ได้รีบร้อน

เรื่องนี้แตกต่างจากชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน

ครั้งก่อนพวกเขาโจมตีทันทีเมื่อค้นพบผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปด

แต่ครั้งนี้พลังอำนาจของผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดถูกกำหราบโดยฟางหยวน เขาไม่แม้แต่จะสามารถขยับร่างกายและไม่ได้ปรากฏตัวออกมา ดังนั้นเจ้าวังสวรรค์จึงไม่รีบร้อนเคลื่อนไหว

แม้สมาชิกของวังสวรรค์ทั้งหมดจะเป็นผู้อมตะระดับแปดและมีเป้าหมายเดียวกัน แต่เจ้าวังก็ไม่ประมาท

‘วังสวรรค์ยังไม่เคลื่อนไหว?’ ห่างออกไป โป้ชิงมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยการแสดงออกที่เคร่งขรึม

ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน โป้ชิงไม่สามารถบุกโจมตีนิกายบัวสวรรค์และหันไปโจมตีนิกายเทพยุทธ์อมตะ นั่นทำให้การเตรียมตัวของนิกายเงากลายเป็นไร้ประโยชน์

แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารากับซ่งซื่อซิงไม่ตายและร่วมมือกับหยูมู่ฉานกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายขนส่งนำพวกเขาไปยังนิกายบัวสวรรค์ได้อย่างรวดเร็ว

การโจมตีครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนการของนิกายเงา

โป้ชิงกับคนอื่นๆสามารถถ่วงเวลาก่อนจะล่าถอย

อย่างไรก็ตามเจ้าวังสวรรค์ไม่ใช่ตัวตนที่จะสามารถหลอกลวงได้โดยง่าย ความไม่สบายใจนำเขากลับวังสวรรค์และกระตุ้นใช้หอคอยดวงตาสวรรค์ นั่นทำให้เขาค้นพบสิ่งที่เกิดขึ้นบนภูเขาอี้เทียนและระดมผู้อมตะของวังสวรรค์เดินทางมาที่นี่โดยไม่หยุดพัก

“เมื่อพวกเขาไม่เคลื่อนไหว เช่นนั้นพวกเราก็จะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” เสียงของซ่งซื่อซิงดังขึ้นผ่านวิญญาณสื่อสาร

โป้ชิงพยักหน้า “ข้าจะไปก่อน”

ในเวลาต่อมา แสงสายหนึ่งพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ใหญ่โตจะปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของทุกคน

“หือ?” เจ้าวังสวรรค์ประหลาดใจ คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ซ่อนอยู่ในค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายา นั่นทำให้เขาไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของมัน

คฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้พุ่งกระแทกภูเขาอี้เทียนอย่างแรง

การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นเย็นชา

‘คฤหาสน์วิญญาณอมตะเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์!’ เขากัดฟันแน่น เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่ามนุษย์วิหคปรากฏขึ้นโดยไม่คาดคิด

ฟางหยวนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้ปรากฏขึ้น

ผีดิบอมตะสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงระดับแปดกำลังจะถูกกำหราบอย่างสมบูรณ์ ฟางหยวนอยู่ห่างจากความสำเร็จเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาต้องหยุด!

เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์โจมตีภูเขาอี้เทียนโดยตรง ฟางหยวนต้องใช้สนามรบแห่งความโกลาหลต่อต้านมัน

หากไม่กระตุ้นการทำงานของคฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันจะไม่สามารถปลดปล่อยพลังอำนาจ ขณะที่พลังงานอมตะคือตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของมัน

กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์ยังถูกดาบแสงของโป้ชิงตัดขาดขณะที่มันอยู่ในสภาวะไร้การควบคุม

‘สนามรบแห่งความโกลาหล ไป!’

ฟางหยวนเรียกมันและเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาอย่างไม่ลังเล

ภูเขาอี้เทียนแตกสลายไปในพริบตาขณะที่สนามรบแห่งความโกลาหลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับดาวหางสีแดง

ตอนนี้ฟางหยวนเข้าไปอยู่ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลและควบคุมมันอย่างเป็นทางการแล้ว

“เมืองขนนกศักดิ์สิทธ์…” ฟางหยวนพึมพำก่อนส่งพลังงานอมตะระดับเก้าออกไป

พวกมันก็คือพลังงานอมตะระดับเก้าของเทพอมตะตะวันเดือดที่ไม่สามารถดูแคลน!

หลังจากได้รับพลังงานอมตะระดับเก้า สนามรบที่เรืองแสงสีแดงกลับระเบิดแสงสว่างราวกับภูเขาไฟปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน

“อันใด!?” โป้ชิงที่อยู่ภายในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ตกใจ

“บึม!” เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้น

เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ถูกส่งลอยกลับหลังโดยสนามรบแห่งความโกลาหล

เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นซากปรักหักพังขณะที่วิญญาณจำนวนมากบินกระจัดกระจายออกไปในอากาศ

ฟางหยวนเอาชนะโป้ชิงในครั้งเดียว!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท