เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1039

ตอนที่ 1039

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1039 ดาบทมิฬ

แปลโดย iPAT

“วิญญาณท่องแดนอมตะ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาประหลาดใจเล็กน้อย

ฟางหยวนตอบกลับอย่างใจเย็น “อย่ากังวล ข้าแน่ใจว่าวิญญาณท่องแดนอมตะไม่มีอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไป”

เรื่องที่ฟางหยวนถามหนี่เซียงก็คือวิญญาณท่องแดนอมตะ วิญญาณกาลเวลา และวิญญาณดวงอื่นๆของเขาถูกทำลายไปแล้วใช่หรือไม่?

คำตอบคือไม่!

ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถยืนยันบางสิ่ง

ประการแรก วิญญาณบางส่วนของเขาระเบิดตัวเองไปแล้วขณะที่วิญญาณบางดวงยังอยู่

ประการที่สอง อิงอู๋เซี่ยมีแนวโน้มที่จะค้นพบและสามารถทำลายแผนการที่ฟางหยวนเตรียมไว้ในร่างเดิมของเขา

หนี่เซียงรุ่นปัจจุบันเหลืออายุขัยไม่มาก หลังจากตอบคำถามเพียงข้อเดียวของฟางหยวน เขาก็เสียชีวิตทันที

แต่เพียงคำตอบเดียวก็ช่วยฟางหยวนได้มากแล้ว

‘ในกรณีเลวร้ายที่สุด อิงอู๋เซียได้ทำลายแผนการของข้าไปแล้ว ตอนนี้เขาจะซ่อนตัวจากข้าและไม่ได้อยู่ที่ภาคใต้อีกต่อไป’

‘ข้าไม่สามารถติดต่อไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิง มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะเข้าร่วมกับอิงอู๋เซี่ยหรืออาจจะตายไปแล้ว’

‘ข้าสงสัยว่าวิญญาณดวงใดบ้างที่ถูกทำลายไปแล้ว แต่ด้วยความตั้งใจของข้า วิญญาณท่องแดนอมตะเป็นวิญญาณดวงแรกที่จะระเบิดตัวเอง’

ฟางหยวนทำเช่นนี้เพราะเขารู้จักพลังอำนาจของวิญญาณท่องแดนอมตะเป็นอย่างดี แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ปล่อยให้ศัตรูใช้ประโยชน์จากมัน

‘สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือการระเบิดตัวเองของวิญญาณท่องแดนอมตะทำให้อิงอู๋เซี่ยค้นพบปัญหาและรีบผนึกวิญญาณดวงอื่น’

‘สถานการณ์ของเขาเลวร้ายกว่าข้า แต่หากเขาสามารถผนึกวิญญาณดวงอื่น นั่นหมายความว่าเขาได้รับความช่วยเหลือจากไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง หรือกองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงา’

นิกายเงาถูกสร้างขึ้นโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณมานานหลายหมื่นปี เป็นเรื่องธรรมดาหากพวกเขาจะมีกองกำลังพิเศษที่ซ่อนอยู่

‘นิกายเงามีอยู่ทั้งห้าภูมิภาค กระทั่งกองกำลังพันธมิตรผีดิบก็เป็นกองกำลังย่อยของพวกเขา หลังจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน มีความเป็นไปได้ว่ากองกำลังในภาคใต้ของพวกเขาจะได้รับความสูญเสียมากที่สุด ขณะที่กองกำลังในภูมิภาคอื่นได้รับผลกระทบน้อยกว่า’

‘เมื่อวิญญาณท่องแดนอมตะถูกทำลาย อิงอู๋เซี่ยจะไม่สามารถพึ่งพาเพียงไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงเพื่อจัดการข้า เขาต้องเตรียมความพร้อมโดยการรวบรวมสมาชิกที่เหลืออยู่ของนิกายเงา นอกจากนั้นเขาจะพยายามหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะเช่นกัน’

ร่างใหม่ของฟางหยวนทำให้เขาคิดเรื่องต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

การหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เขาต้องทำ

เนื่องจากประตูแห่งดวงดาวไม่สามารถขนส่งร่างใหม่ของเขา วิญญาณท่องแดนอมตะยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด

‘ตราบเท่าที่ข้าได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะ ข้าจะสามารถเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้โดยตรงและเก็บวิญญาณอมตะทั้งหมดไว้กับตัวข้าเอง’

‘ทรัพยากรในการบ่มเพาะที่ข้าสะสมไว้สามารถเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิเช่นกัน’

‘ข้ายังสามารถไปที่ถ้ำนรกใต้พิภพเพื่อกลืนกินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว’

ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด มันก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฟางหยวน

สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดเปิดและยังเสียค่าธรรมเนียม มันไม่เหมาะที่จะใช้ขนส่งสิ่งของ

หากฟางหยวนใช้สวรรค์สีเหลืองขนส่งวิญญาณอมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งดาบ ความมั่งคั่งทั้งหมดของเขาอาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

“แน่ใจหรือว่าต้องการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถามอีกครั้ง

ฟางหยวนรู้สึกผิดปกติ “อันใด? ท่านไม่สามารถงั้นหรือ?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่ายศีรษะ “ข้ามีความสามารถอย่างแน่นอน แต่ข้ายังขาดวัตถุดิบสำคัญ เจ้าลองทายดูว่ามันคือสิ่งใด?”

ฟางหยวนขมวดคิ้ว “มันคือแสงแรกกำเนิดงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบ “ไม่ว่าเจ้าจะใช้เคล็ดลับใดในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ วัตถุดิบที่สำคัญที่สุดก็คือแสงแรกกำเนิด มันเป็นเรื่องยากที่จะเก็บรักษาแสงชนิดนี้”

“ไม่มีแม้แต่เคล็ดลับเดียว?” ฟางหยวนรู้ว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้โกหก แต่เขาไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้

“ไม่มี” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบอย่างหนักแน่น “ข้ามีเคล็ดลับในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะสองเคล็ดลับ แต่ทั้งสองต่างต้องใช้แสงแรกกำเนิด ความแตกต่างเดียวคือปริมาณของแสงแรกกำเนิดที่ใช้”

“วิญญาณท่องแดนอมตะล้ำค่ามาก หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ มันคงถูกหลอมรวมไปนานแล้ว”

ได้ยินเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกว่าตนเองโชคดีมากที่สามารถหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ

อย่างไรก็ตามตอนนี้เซียวเมิ้งตายไปแล้ว

เซียวซานและเซียวเมิ้งเป็นตัวหมากเบี้ยของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลเซียวในการแข่งขันบนภูเขาอี้เทียน

ทั้งสองเป็นตัวตนที่โดดเด่น แต่พวกเขาก็เป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ที่ไร้นัยสำคัญสำหรับผู้อมตะ

เมื่อเซียวเมิ้งตายบนภูเขาอี้เทียน วิญญาณแสงสุดขั้วก็ถูกทำลายไปพร้อมกันกับเขา

‘เซียวเมิ้งตายไปแล้ว วิญญาณของเขาก็ไม่รอด แล้วข้าจะนำแสงแรกกำเนิดมาจากที่ใด? เป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้แสงแห่งปัญญาแทนแสงแรกกำเนิด?’ ฟางหยวนคิด

‘ลืมมันไปซะ แสงแห่งปัญญาอาจสามารถใช้แทนแสงแรกกำเนิด แต่ข้าไม่ใช่ผีดิบอมตะ ข้าไม่สามารถใช้งานมัน ข้าควรไปตรวจสอบที่ตระกูลเซียว บางทีข้าอาจพบเงื่อนงำบางอย่าง’

ฟางหยวนไตร่ตรองก่อนจะส่งวิญญาณที่ได้รับจากตระกูลหนี่ไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ต่อมาเขายังขอรายชื่อท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งดาบจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

ฟางหยวนจบการสนทนากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาและรีบเดินทางไปยังตระกูลเซียว

ระหว่างทางเขาตรวจสอบท่าไม้ตายเหล่านั้นและพบว่าส่วนใหญ่เป็นท่าไม้ตายระดับมนุษย์ มีท่าไม้ตายอมตะเพียงสามท่า

ท่ามกลางพวกมัน หนึ่งเป็นท่าไม้ตายที่ไม่สมบูรณ์ มันไม่ต่างจากเคล็ดลับการหลอมรวมที่ไม่สมบูรณ์ มันอาจมีคุณค่าในการศึกษาแต่มันไร้ประโยชน์ในการใช้งานจริง

อีกสองท่าเป็นท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหวและท่าไม้ตายสายโจมตี

ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวมีชื่อว่า ดาบประกายสายฟ้า มันใช้วิญญาณอมตะสองดวงเป็นแกนกลาง หนึ่ง วิญญาณอมตะประกายดาบ สอง วิญญาณอมตะเสียงสายฟ้า

ท่าไม้ตายอมตะสายโจมตีมีชื่อว่า ดาบทมิฬ มันใช้วิญญาณอมตะสองดวงเป็นแกนกลางเช่นกัน หนึ่ง วิญญาณอมตะดาบบิน สอง วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด

เมื่อเห็นชื่อวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะลอบถอนหายใจ

เขาเคยตามหาวิญญาณอมตะดวงนี้เมื่อนานมาแล้วแต่เขาไม่ประสบความสำเร็จ

หลังจากเทพธิดาเจียงหยูเสียชีวิต วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดก็สูญหายไป

‘หากข้ามีวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ข้าจะสามารถใช้มันร่วมกับวิญญาณอมตะดาบบินของข้าเพื่อปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะดาบทมิฬ น่าเสียดาย…’

ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดเรื่องนี้ เสียงสายหนึ่งกลับดังมาจากระยะไกล “สหาย โปรดรอก่อน”

ฟางหยวนหันหน้าไปรอบๆก่อนจะพบราชสีห์ปราณกำลังวิ่งเข้ามาพร้อมกับผู้อมตะสองคนที่นั่งอยู่บนแผ่นหลังของมัน

…..

ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ

อสูรวิญญาณกรีดร้องด้วยเสียงอันโหยหวน

“ระวัง วิญญาณอมตะเสียงภูตผีถูกใช้อีกครั้ง!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนเตือน

คลื่นเสียงลึกลับพุ่งเข้าโจมตีอิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไท่เป่ยหยุนเฉิง

ทั้งสามไม่มีทางเลือกนอกจากต้องล่าถอยเท่านั้น

วิญญาณอมตะเสียงภูตผีเป็นวิญญาณอมตะป่าระดับเจ็ดที่อาศัยอยู่ในร่างของอสูรวิญญาณ อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไท่เป่ยหยุนเฉิงบังคับให้อสูรวิญญาณตกอยู่ในอันตราย มันจึงตอบสนองด้วยการโจมตีที่รุนแรง

“นี่เป็นไปได้อย่างไร? อสูรวิญญาณตัวนี้เป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดายแต่มันกลับสามารถครอบครองวิญญาณอมตะระดับเจ็ด?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกรีดร้องด้วยร่างกายที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด

อีกสองคนก็อยู่ในสภาพที่ไม่น่ามองเช่นกัน

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นน่าเกลียด

พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์คับขันอย่างกะทันหัน

ก่อนหน้านี้ทุกอย่างยังปกติแต่หลังจากนั้นอสูรวิญญาณตัวหนึ่งกลับพุ่งเข้าโจมตีพื้นที่ของนิกายเงาโดยไม่คาดคิด

“วิญญาณอมตะเสียงภูตผีไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ มันอาศัยพื้นฐานของจิตวิญญาณเท่านั้น ก่อนหน้านี้มันต้องเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล แต่หลังจากใช้งานวิญญาณอมตะเสียงภูตผีอย่างต่อเนื่อง มันจึงลดระดับลงมาเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย” อิงอู๋เซี่ยอธิบาย

ในเวลาเดียวกันคำๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา เจตจำนงสวรรค์!

‘แผนการของนิกายเงาล้มเหลว ข้ากำเนิดใหม่แต่ไม่กำจัดฟางหยวนตามความต้องการของเจตจำนงสวรรค์ ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงต้องการกำจัดข้าเช่นกัน’

วิธีแห่งสวรรค์คือการรักษาสมดุล

ก่อนหน้านี้นิกายเงาพยายามซ่อนตัวเองจากเจตจำนงสวรรค์ พวกเขาจึงถูกขัดขวางไม่มากนัก

แต่อิงอู๋เซี่ยท้าทายสวรรค์อย่างเปิดเผย ดังนั้นเจตจำนงสวรรค์จึงส่งอสูรวิญญาณตัวนี้มาจัดการเขา

‘เจตจำนงสวรรค์มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง!’

‘ย้อนกลับไปฟางหยวนสามารถหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาก็เพราะความตั้งใจของเจตจำนงสวรรค์ วิญญาณท่องแดนอมตะก็เช่นกัน!’

‘ข้าต้องทำลายวิญญาณกาลเวลาที่อยู่ในร่างของข้าจริงๆงั้นหรือ?’

อิงอู๋เซี่ยลังเล

“เราไม่สามารถต่อสู้กับอสูรวิญญาณตัวนี้! เหตุใดเจ้ายังต้องเก็บซ่อนความแข็งแกร่ง? เหตุใดไม่ใช่ค่ายกลวิญญาณเหล่านั้น!?” ไห่ลั่วหลันกระตุ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท