เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1243

ตอนที่ 1243

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1243 ตอบแทนความเมตตา

แปลโดย iPAT

วังสวรรค์แห่งโชค

เทพอมตะตะวันเดือดปรากฏตัวต่อหน้าเหยากวง

เหยากวงตกตะลึง เขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

“ข้า ราชันใต้ ถวายความเคารพต่อเทพอมตะ” เป็นเพียงเวลานี้ที่ราชันใต้ทักทายด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

“บุตรหลานอกตัญญูผู้นี้ถวายความเคารพต่อบรรพชน!” เหยากวงคุกเข่าลงและกล่าวด้วยน้ำตาไหลนอง

เทพอมตะตะวันเดือดเผยรอยยิ้มบาง “ลุกขึ้น ร่างหลักของข้าตายไปแล้ว ข้าเป็นเพียงศพที่มีชีวิต”

เหยากวงเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ หลังจากตรวจสอบ ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าเทพอมตะตะวันเดือดที่อยู่ด้านหน้าเป็นผีดิบอมตะ

ตั้งแต่เทพปีศาจบัวแดงทำลายวิญญาณชะตากรรม ดวงวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดสามารถหลบหนีจากความตายด้วยวิธีการที่หลากหลายเช่นการเปลี่ยนเป็นผีดิบ

เมื่อผู้อมตะตระหนักว่าอายุขัยของพวกเขากำลังจะหมดลง พวกเขามักเปลี่ยนเป็นผีดิบอมตะ นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา

แม้วังสวรรค์จะต่อต้านและพยายามหยุดมัน พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานความปรารถนาของมนุษย์ ผีดิบอมตะปรากฏตัวขึ้นในห้าภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะทั่วไปสามารถเปลี่ยนเป็นผีดิบอมตะได้ แล้วเหตุใดเทพอมตะตะวันเดือดจะไม่สามารถทำเช่นเดียวกัน

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ความสงสัยของเหยากวงก็หายไป

ผีดิบอมตะตะวันเดือดอธิบายเพิ่ม “ตอนนี้นอกจากร่างกายของข้า ข้าเหลือเจตจำนงอยู่ในร่างนี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

แต่เหยากวงยังตื่นเต้นมาก “ไม่ว่าอย่างไรท่านก็เป็นผู้ให้กำเนิดตระกูลฮวงจินของพวกเรา ท่านเป็นบรรพชนที่แท้จริงของพวกเรา ตราบเท่าที่ท่านแสดงตัว ตระกูลฮวงจินทั้งหมดจะรวมกันเป็นหนึ่ง ภาคเหนือจะกลายเป็นของตระกูลฮวงจินอีกครั้ง!”

ผีดิบอมตะตะวันเดือดส่ายศีรษะ “ร่างหลักของข้าตายไปนานแล้ว ข้าเป็นเพียงซากศพ ข้าไม่ใช่เทพอมตะระดับเก้าอีกต่อไปและไม่สามารถคงอยู่ชั่วนิรันดร์ แล้วมีประโยชน์ใดที่ข้าจะแสดงตัว? ข้าเพียงจะถูกหัวเราะเยาะเท่านั้น”

“นอกจากนั้นตอนนี้ข้าสามารถโจมตีได้อีกเพียงครั้งเดียว หากข้าเคลื่อนไหวมากเกินไป ข้าจะมอดไหม้ไปในที่สุด”

“โจมตีได้อีกครั้งเดียว?” เหยากวงทั้งตกใจ ชื่นชม และตื่นเต้นมาก “แม้บรรพชนจะโจมตีได้เพียงครั้งเดียว แต่มันย่อมเป็นการโจมตีที่สามารถสั่นคลอนสวรรค์พิภพ”

ผีดิบอมตะตะวันเดือดหัวเราะ “นั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่านับรวมมัน ข้าทิ้งวังสวรรค์แห่งโชคเอาไว้เพื่อปกป้องภาคเหนือ สำหรับร่างกายนี้ มันมีไว้เพื่อเหตุผลอื่น ข้าต้องตอบแทนความเมตตา”

“ตอบแทนความเมตตา?” เหยากวงตกใจ

เทพอมตะตะวันเดือดเปลี่ยนตนเองเป็นผีดิบอมตะและอยู่ในวังสวรรค์แห่งโชคมาหลายแสนปีเพื่อตอบแทนความเมตตา!

แล้วเทพอมตะที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ติดหนี้ผูใด?

และความเมตตาชนิดใดที่ทำให้เทพอมตะตะวันเดือดต้องทำถึงเพียงนี้?

เหยากวงรู้สึกสับสนมาก แต่ผีดิบอมตะตะวันเดือดไม่ตอบคำถามนี้ เขากล่าว “ตอนนี้ผู้อมตะภาคกลางกำลังบุกภาคเหนือ แต่ข้าไม่สามารถออกไปต่อสู้ ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับพวกเจ้าทั้งสอง”

เหยากวงค่อยๆลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด “ผู้อมตะภาคกลางอาจแข็งแกร่ง แต่เรามีวังสวรรค์แห่งโชคและท่านราชันใต้ บรรพชนอย่ากังวล ข้าจะปกป้องภาคเหนือด้วยความสามารถทั้งหมด ต่อให้ต้องสละชีวิต ข้าก็จะทำโดยไม่ลังเล!”

ผีดิบอมตะตะวันเดือดมองเหยากวงก่อนจะปิดเปลือกตาลงและกลับสู่สภาวะจำศีล

ตอนนี้เขาดูเหมือนรูปปั้น

เหยากวงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแต่ราชันใต้ตบไหล่เขา “มากับข้า”

ผู้อมตะทั้งสองออกจากห้องโถงและไปยังห้องโถงที่อยู่ด้านหลัง

เหยากวงยังรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้น “โปรดมอบคำสั่งแก่ข้า ท่านราชันใต้ ข้าจะทำทุกสิ่ง!”

ราชันใต้ส่ายศีรษะ “วังสวรรค์แห่งโชคเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดที่ถูกสร้างขึ้นโดยบรรพชนตะวันเดือดด้วยการใช้มรดกที่แท้จริงโชคแห่งสวรรค์พิภพ บรรพชนตะวันเดือดมองการณ์ไกลมาก ท่านวางวังสวรรค์แห่งโชคไว้ที่นี่มาสามแสนปีเพื่อควบคุมสถานที่แห่งนี้”

เหยากวงพึมพำ “โชคแห่งสวรรค์พิภพ…”

ราชันใต้เผยรอยยิ้ม “ทุกคนมีโชคเป็นของตนเอง สัตว์อสูรทุกตัวและต้นหญ้าทุกต้นต่างก็มีโชคของพวกมันเอง รูปแบบชีวิตทั้งหมดล้วนมีโชค นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นก้อนหินหรือแม่น้ำ พวกมันก็มีโชคเช่นกัน นั่นยังรวมไปถึงสวรรค์พิภพ”

“มรดกที่แท้จริงโชคแห่งสวรรค์พิภพสามารถดูดซับ ใช้ และเปลี่ยนแปลงโชคแห่งสวรรค์พิภพ”

“ผู้อมตะระดับแปดของภาคกลางสามคนนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังมากับพวกเขา แต่กระทั่งพวกเขาจะมามากกว่านี้ เมื่อพวกเขามาที่นี่ พวกเขาก็จะสูญหายไป”

“ข้าไม่ได้เรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อสละชีวิต หลังจากทั้งหมดเจ้าเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีสายเลือดตระกูลฮวงจินเพียงคนเดียวที่อยู่นอกถ้ำสวรรค์นิรันดร”

“อา…” เหยากวงตกใจ

ราชันใต้กล่าวต่อ “อายุขัยของข้าเหลือไม่มาก หลังจากมีชีวิตมาอย่างยาวนาน วิญญาณอายุยืนไม่มีประโยชน์สำหรับข้าอีกต่อไป ข้าต้องการให้เจ้าดูข้าควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังนี้และกำจัดผู้อมตะภาคกลางเหล่านั้น หลังจากข้าตาย เจ้าจะรับสืบทอดตำแหน่งของข้าในฐานะราชันใต้”

เหยากวงจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้างและอุทาน “ราชันใต้!?”

…..

หอคอยวายุเงียบสนิท

โคมทมิฬเหมือนปรากฎการณ์ทางธรรมชาติของสวรรค์สีดำ

แต่พวกมันปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันขณะที่คฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามติดอยู่ตรงกลาง

โดยปกติแล้วผู้อมตะระดับแปดที่เข้ามาสำรวจสวรรค์สีดำมักจะหลีกเลี่ยงพวกมันจากระยะไกล

แต่ผู้อมตะกลุ่มนี้พึ่งหลบหนีจากฝูงหมาป่าราตรีสวรรค์และพบกับโคมทมิฬโดยไม่คาดคิด นี่ทำให้ผู้อมตะจำนวนมากได้รับบาดเจ็บสาหัส

ชั้นบนสุดของหอคอยวายุ

“ท่านพ่อ! ดวงตาของท่าน!?” ผู้อมตะระดับหกซือเจิ้งอี้ร้องไห้

บิดาของเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียง แต่ผู้ใดจะคิดว่าเขาจะตาบอดเพราะโคมทมิฬ

เมื่อโคมทมิฬปรากฏขึ้น เขากำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะตรวจสอบฝูงหมาป่า ท่าไม้ตายอมตะของเขามีประสิทธิภาพสูงมาก แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เขาสูญเสียการมองเห็น

หลังจากนี้ซือเก้อจะไม่สามารถมองเห็นอีกต่อไป เขาจะกลายเป็นคนตาบอดตลอดกาล

แต่ซือเก้อยังใจเย็น เขายกมือขึ้นตบศีรษะบุตรชายและกล่าว “ข้าสูญเสียการมองเห็นแต่ข้ายังมีวิธีการมากมายและท่าไม้ตายสายตรวจสอบอีกนับไม่ถ้วน แม้ข้าจะสูญเสียดวงตา แต่ข้าก็ยังสามารถบ่มเพาะและต่อสู้ได้”

“แต่…” ซือเจิ้งอี้ก้มศีรษะลงและกัดฟัน

“บุตรของข้า อย่าร้องไห้ การบ่มเพาะของผู้อมตะเต็มไปด้วยอันตราย ตราบเท่าที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องพุ่งไปข้างหน้า อย่าร้องไห้เหมือนคนอ่อนแอ ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบฟังนิทานงั้นหรือ? ลองคิดเกี่ยวกับตัวเอกเหล่านั้น พวกเขามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?” ซือเก้อกล่าวเบาๆ

ซื่อเจิ้งอี้พยักหน้า “ท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้ว”

จ้าวเหลียนหยุนมองฉากนี้และคิดไปถึงหม่าหงหยุน

‘หงหยุน รอข้าด้วย ไม่ว่ามันจะอันตรายหรือยากเย็นเพียงใด ข้าก็จะตามหาเจ้าและช่วยชีวิตเจ้า!’

จ้าวเหลียนหยุนให้กำลังใจตนเอง

“อวี๋อี้เย่ซือ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลังจากนั้นนางจึงหันไปถามผู้อมตะหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมผู้นี้นั่งอยู่บนพื้นและปิดเปลือกตาลงเมื่อเขาเริ่มเห็นโคมทมิฬที่อยู่นอกหน้าต่าง ตอนนี้เขากำลังใช้ท่าไม้ตายอมตะเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง

ได้ยินคำถามของจ้าวเหลียนหยุน อวี๋อี้เย่ซื่อยังไม่หยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาแต่ตอบคำถามโดยไม่เปิดเปลือกตา “ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ก่อนหน้านี้ข้าปิดดวงตาอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นข้าจะไม่สามารถรักษาตนเอง”

หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีก

เหงื่อยังคงไหลลงมาจากหน้าผากของเขาขณะที่ใบหน้าของเขายังเห็นได้ถึงความหวาดกลัว

ผู้อมตะทั้งหมดค่อยๆเงียบเสียงลง ภายในคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งสามหลัง บรรยากาศกลายเป็นเคร่งขรึม

อย่างไรก็ตามเสียงคำรามกลับดังขึ้นอีกครั้งจากด้านนอก

ปู้เจิ้งซือมองออกไปด้วยความกังวล “โอ้ ไม่ พวกเราพบฝูงสัตว์อสูรอีกครั้ง”

จ้าวเหลียนหยุนได้ยินและหันหน้าออกไปเพียงเพื่อพบกับกองทัพมดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ดูเหมือนคลื่นน้ำสีดำ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท