เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1266

ตอนที่ 1266

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1266 ข้ารักเขา

แปลโดย iPAT

“เราชนะหรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อลุกขึ้นจากบ่อเลือด

อาการบาดเจ็บของนางรุนแรงมาก โชคดีที่จ้าวผูตายไปแล้ว ดังนั้นเลือดบนร่างกายของจ้าวเหลียนหยุนและอวี๋อี้เย่ซือจึงหยุดไหล

อีกด้านหนึ่งอวี๋อี้เย่ซือกำลังหอบหายใจอย่างหนักหน่วงและพยายามปีนกำแพงเพื่อยืนขึ้น

เมื่อเขาเห็นจ้าวเหลียนหยุน อวี๋อี้เย่ซือกลายเป็นมึนงง “เทพ…ธิดา…จ้าว…ใบหน้าของท่าน…ไม่…ร่างกายของท่าน…”

ดวงตาของอวี๋อี้เย่ซือเบิกกว้างและกลายเป็นพูดติดอ่าง

จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกแปลก นางถาม “มีสิ่งใดผิดปกติกับข้า?”

นางก้มหน้ามองตนเอง สิ่งแรกที่นางเห็นคือมือของนาง

มันเป็นมือที่เหี่ยวแห้งคู่หนึ่ง

หัวใจของจ้าวเหลียนหยุนกระตุกเมื่อนางพบว่าร่างกายของนางกลายเป็นหญิงชราไปแล้ว

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยริ้วรอย สายตาพร่ามัว และเส้นผมเปลี่ยนเป็นสีขาว

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” จ้าวเหลียนหยุนตะลึง

นางพยายามรวบผม แต่เส้นผมสีขาวของนางก็ร่วงหล่นลงมาอย่างง่ายดาย

อวี๋อี้เย่ซือกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “มันอาจเป็นเพราะวิญญาณแห่งความรัก มันกลืนกิอายุขัยของท่านเพื่อระเบิดพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมาสังหารจ้าวผูโดยตรง!”

“เป็นเช่นนั้น?” จ้าวเหลียนหยุนมึนงง

เป็นธรรมดาที่การเปลี่ยนจากวัยหนุ่มสาวเป็นวัยชราอย่างกะทันหันจะทำให้นางรู้สึกตะลึงและไม่สามารถยอมรับได้ในทันที

“ถูกต้อง” อวี๋อี้เย่ซือพยักหน้าและปลอบใจ “แต่ท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ท่านสามารถฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ได้โดยใช้วิญญาณอายุยืน ผู้อมตะทั่วไปอาจไม่สามารถครอบครองวิญญาณอายุยืน แต่ท่านแตกต่างออกไป ท่านเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณ นิกายสามารถมอบวิญญาณอายุยืนให้ท่าน”

จ้าวเหลียนหยุนไม่ตอบ

นางรู้สึกซับซ้อน ทั้งตกใจ ผิดหวัง ไม่อยากจะเชื่อ และงุนงง

นางเป็นปีศาจต่างโลก ก่อนกำเนิดใหม่ นางไม่เคยมีประสบการณ์เป็นคนแก่เช่นนี้มาก่อน

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ จ้าวเหลียนหยุนก็ฟื้นจากอาการตกใจ

“ข้าต้องเดินหน้าต่อไป”

“อายุไม่สำคัญ หงหยุนยังรอข้าอยู่!”

จ้าวเหลียนหยุนมองไปยังยอดเขาที่หนึ่งด้วยสายตาแน่วแน่

“ไปต่อไม่ได้!” อวี๋อี้เย่ซือตกใจและรีบเดินเข้าไปคว้าแขนของจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้

“วิญญาณแห่งความรักทรงพลังแต่มันไม่เสถียร บางทีมันอาจกลืนกินอายุขัยของท่านอีกในครั้งต่อไป หากเป็นเช่นนั้น ท่านจะต้องตายอย่างแน่นอน!” อวี๋อี้เย่ซือโน้มน้าว

“ตายแล้วอย่างไร?” จ้าวเหลียนหยุนมองอวี๋อี้เย่ซือและเผยรอยยิ้มเล็กน้อย แต่ตอนนี้รอยยิ้มของนางไม่เหลือความงดงามอีกต่อไป

อวี๋อี้เย่ซืองุนงง

จากนั้นจ้าวเหลียนหยุนก็ดึงแขนของนางกลับเบาๆ

เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ใช้พละกำลังมากนักแต่อวี๋อี้เย่ซื่อรู้สึกถึงความแน่วแน่ของนางและต้องต้องแขนนางไป

เขายืนมองหลังค่อมของจ้าวเหลียนหยุนและเฝ้ามองนางเดินออกไปนอกห้องโถงอย่างเงียบๆ

ฉากที่ดูไม่พิเศษนี้กลับทำให้หัวใจของอวี๋อี้เย่ซือสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

เขายังกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

‘วิญญาณแห่งความรัก!?’

‘เพียงเพื่อความรัก นางเต็มใจที่จะเสียสละและไม่เกรงกลัวแม้แต่ความตาย’

‘จ้าวเหลียนหยุน ข้าคงตายอยู่ในมือของจ้าวผูหากปราศจากเจ้า’

‘เอาล่ะ ข้าจะตามเจ้าไป ขั้นเลวร้ายที่สุดข้าก็จะจ่ายหนี้คืนให้เจ้าด้วยชีวิตของข้า!’

อวี๋อี้เย่ซือตัดสินใจและเดินตามจ้าวเหลียนหยุนไป

มีพลังงานอมตะเหลืออยู่ในมิติช่องว่างเทียมของจ้าวเหลียนหยุนไม่มาก นางยังกังวลว่าวิญญาณแห่งความรักจะกลืนกินอายุขัยที่เหลือของนางเข้าไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นนางจึงรีบเดินออกจากยอดเขา

ภายใต้พลังอำนาจของค่ายกลวิญญาณชะตากรรมพลิกผัน จ้าวเหลียนหยุนและอวี๋อี้เย่ซือถูกแยกจากกัน

จ้าวเหลียนหยุนไปถึงห้องโถงที่เงียบสงบแห่งหนึ่งเพียงลำพัง

“เกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่!” จ้าวเหลียนหยุนค่อยๆเดินเข้าไปในห้องโถงและพบร่องรอยของการต่อสู้

“เทพธิดาจ้าว?” ทันใดนั้นเสียงสายหนึ่งก็ดังเข้าหูจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนมึนงงเล็กน้อยยก่อนจะจำได้ว่ามันเป็นเสียงของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งวารีมู่หลิงหลาน

“นี่คือยอดเขาที่แปด ข้าต่อสู้กับผู้นำยอดเขาเซียวเฟยเฟย ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส”

“เรากำลังซ่อนตัวและรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอย่างรวดเร็วที่สุด”

“เจ้าต้องระวัง เซียวเฟยเฟยมีท่าไม้ตายอมตะที่ทำให้เป้าหมายสูญเสียความทรงจำ”

เพียงเมื่อเขากล่าวจบประโยค รัศมีแสงที่แปลกประหลาดก็พุ่งเข้าปะทะหน้าผากของจ้าวเหลียนหยุน

“ไม่!” มู่หลิงหลานอุทาน “เจ้าจะค่อยๆสูญเสียความทรงจำ ใช้วิญญาณอมตะปกป้องตนเอง อย่าใช้ท่าไม้ตายอมตะ นั่นจะยิ่งอันตราย หากเจ้าลืมท่าไม้ตายอมตะอย่างกะทันหัน เจ้าจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ อดทนและรอจนกว่าข้าจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ!”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้าและซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งโดยใช้วิญญาณอมตะป้องกันตัว

“บัดซบ!” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกไม่สบายใจ นางรู้สถานการณ์ของตนเองเป็นอย่างดี นางพึ่งกลายเป็นผู้อมตะ หากนางถูกโจมตี ความทรงจำในช่วงเวลาของการฝึกฝนเพียงเล็กน้อยของนางจะถูกลบทิ้งทั้งหมด

ความทรงจำในอดีตค่อยๆปรากฏขึ้นในใจของจ้างเหลียนหยุนอีกครั้ง

ภาคเหนือ

เผ่าหม่าพ่ายแพ้ต่อเผ่าไห่

“ข้าไม่คิดว่าเราจะรอดชีวิตมาได้ คุณหนูเสี่ยวหยุน!” หม่าหงหยุนจับมือจ้าวเหลียนหยุนและหมุนไปรอบๆ “ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ปล่อยข้า คนโง่!” จ้าวเหลียนหยุนตะโกน

…..

แดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือ

“เด็กน้อย เจ้าช่างโชคดีนัก เจ้าได้เป็นบุตรเขยของเผ่าจางจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” จ้าวเหลียนหยุนวางมือบนไหล่ของหม่าหงหยุน

หม่าหงหยุนเกาศีรษะ “คุณหนูเสี่ยวหยุน อย่ากังวล ท่านช่วยข้าไว้มาก ข้าจะปฏิบัติต่อท่านอย่างดี”

จ้างเหลียนหยุนพยักหน้า “เช่นนั้นข้าก็จะพึ่งพาเจ้า”

แต่ในใจนางรู้สึกแปลกๆ ‘เหตุใดข้าจึงรู้สึกสูญเสียและขมขื่น?’

…..

ในวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง

“เจ้าเป็นปีศาจต่างโลก! เจ้าซ่อนตัวอยู่ข้างกายหม่าหงหยุน! ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าช่างกล้าหาญนัก น่าเสียดายที่เจ้าพบข้า” เจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือดปลดปล่อยเจตนาสังหารออกมาอย่างชัดเจน

จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง นางตะโกนอยู่ในใจ ‘บัดซบ! ยังมีสิ่งกีดขวางเช่นนี้อยู่? ปีศาจต่างโลกงั้นหรือ? โลกใบนี้เป็นกับดักขนาดใหญ่ ครั้งนี้ข้าจะตายที่นี่จริงๆงั้นหรือ?’

แต่หม่าหงหยุนกลับก้าวออกไปยืนด้านหน้าจ้าวเหลียนหยุน

เขากางแขนออกและปกป้องนาง

“เจ้าหนู เจ้าต้องการปกป้องปีศาจต่างโลกงั้นหรือ?” เจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือดกล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา

“ปีศาจต่างโลกใดข้าไม่รู้จัก! ข้ารู้เพียงว่านางคือคุณหนูเสี่ยวหยุน หากปราศจากความช่วยเหลือจากนาง ข้าคงตายไปนานแล้ว” หม่าหงหยุนพยายามปกป้องจ้าวเหลียนหยุนอย่างเต็มที่

รูม่านตาของจ้าวเหลียนหยุนหดเล็กลงขณะที่นางมองหม่าหงหยุนด้วยความงุนงง

“แม้ต้องต่อต้านเทพอมตะตะวันเดือด แต่เจ้ายังยืนหยัดเพื่อข้างั้นหรือ?”

“เพราะเหตุใด?”

“เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นปีศาจต่างโลกและไม่ใช่คนของโลกใบนี้!”

“เจ้าโง่ เจ้ากำลังจะตาย การปกป้องข้าจะทำให้เทพอมตะตะวันเดือดโกรธ นั่นคือบรรพบุรุษของเจ้า เจ้าโง่!”

ไห่ลั่วหลันมองจ้าวเหลียนหยุนและเริ่มแสดงเจตนาสังหาร

“ไม่ คุณหนูเสี่ยวหยุนเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเจ้าอย่าทำร้ายนาง!” หม่าหงหยุนแสดงทัศนคติที่มั่นคง

อย่างไรก็ตามเจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือดไม่สนใจหม่าหงหยุนและโจมตีจ้าวเหลียนหยุนทันที

“ไม่!” หม่าหงหยุนตะโกนออกมาในช่วงเวลาแห่งความสิ้นหวัง เขาสวมกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้ในอ้อมอก

เวลาราวกับเดินช้าลง

จ้าวเหลียนหยุนขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของหม่าหงหยุนด้วยหัวใจที่สั่นไหว

ความรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นพุ่งเข้าโอมอุ้มหัวใจของนางเอาไว้

นางตื่นตระหนกแต่มันไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่ชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้าน มันเป็นความตื่นตระหนกที่เกิดจากความรู้สึกแปลกๆจากส่วนลึกในหัวใจของนาง

จ้าวเหลียนหยุนพบว่าแท้จริงแล้วนางตกหลุมรักคนโง่หม่าหงหยุนอย่างหมดหัวใจ

หม่าหงหยุน!

คนที่พานางไปดูดาว คนที่พานางไปตะโกนที่หุบเขา คนที่รักษานาง และมอบดอกไม้ให้นาง

นอกจากนั้นเขายังยินดีสละชีวิตเพื่อนาง!

ในโลกที่ปีศาจต่างโลกถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะที่ยิ่งใหญ่ ผู้ใดจะโง่พอที่จะก้าวออกมาปกป้องนาง?

หม่าหงหยุน!

…..

ความทรงจำต่างๆปรากฏขึ้นในใจของจ้าวเหลียนหยุน

จากนั้นพวกมันก็เริ่มเลือนหายไป

“ไม่ หยุด!” น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของจ้าวเหลียนหยุน

เสียงของเซียวเฟยเฟยดังขึ้น “ฮิฮิ เมื่อเจ้าถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายอมตะของข้า เจ้าจะสูญเสียความทรงจำที่ล้ำค่าที่สุด มันไม่สำคัญว่าตอนนี้เจ้าจะเจ็บปวดหรือไม่ เพราะอีกไม่นานเจ้าก็จะลืมทุกสิ่งและรู้สึกผ่อนคลายลง บางทีเจ้าอาจสามารถยิ้มได้ ฮ่าฮ่าฮ่า”

รอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน

“อย่ายิ้ม นี่คือท่าไม้ตายอมตะของเซียวเฟยเฟย มันจะฆ่าผู้คนในขณะที่พวกเขายิ้ม ยิ่งเจ้ายิ้มนานเท่าใด เจ้าก็จะเสียชีวิตเร็วเท่านั้น!” มู่หลิงหลานรีบส่งเสียงเตือน

อย่างไรก็ตามตอนนี้จ้าวเหลียนหยุนดูเหมือนคนโง่ที่กำลังยิ้มกว้าง

“บัดซบ!” มู่หลิงหลานตระหนักว่าเขาต้องลงมือ

เขาปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะออกมาหลังจากเตรียมตัวเป็นเวลานาน

“อา…เจ้าอยู่ที่นั่น…” เซียวเฟยเฟยเปิดเผยตัวขณะโจมตีจ้าวเหลียนหยุน ดังนั้นนางจึงถูกท่าไม้ตายอมตะของมู่หลิงหลานโจมตีและเสียชีวิตอย่างน่าสังเวช ณ จุดเกิดเหตุ

“เทพธิดาจ้าว เจ้าต้องอดทน!” มู่หลิงหลานรีบวิ่งเข้าไปช่วยจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนยังยิ้มแต่นางไม่มึนงงอีกต่อไป

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของนาง

“ข้าควรทำอย่างไร?”

“ข้าลืมเรื่องของเขาไปแทบหมดสิ้น แม้แต่รูปร่างหน้าตาของเขา ข้าก็ไม่สามารถจดจำ”

“ข้าจำได้เพียงชื่อของเขา”

“ข้าจำได้เพียงว่า…”

“ข้ารักเขา”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท