เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1320

ตอนที่ 1320

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1320 โปรดประเมิน

แปลโดย iPAT

ลั่วมู่ซือและหลุนเฟยพูดไม่ออก

พวกเขาต้องการวิจารณ์ฟางหยวนอย่างรุนแรง แต่เมื่อเฉียวซื่อหลิวกล่าวเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถกล่าวเป็นอื่น มิฉะนั้นมันจะทำให้เฉียวซื่อหลิวสูญเสียใบหน้า

ลั่วมู่ซือและหลุนเฟยรู้สึกเหมือนกำลังอมแมลงวันไว้ในปากและไม่สามารถคายออกมา

ฟางหยวนหัวเราะและมองไปรอบๆ

เฉียวซื่อหลิวรักษารอยยิ้มไว้บนใบหน้าขณะที่เทพธิดาเถียนลู่แสดงออกด้วยความกังวล สายตาของนางปรากฏถึงความเห็นอกเห็นใจ ในฐานะสหายสนิทของเฉียวซื่อหลิว เทพธิดาเถียนลู่จะไม่ทราบเจตนาของนางได้อย่างไร? หลังจากทั้งหมดฟางหยวนไม่ได้งับเหยื่อ ดังนั้นพวกนางจึงไม่สามารถทำสิ่งใด

สำหรับลั่วมู่ซือและหลุนเฟย การแสดงออกของพวกเขาดูแข็งทื่อและค่อนข้างตลก

ฟางหยวนมองคนทั้งสอง “เป็นอย่างไรบ้าง บทกวีของข้าไม่เลวใช่หรือไม่?”

‘ไม่เลว!?’

ดวงตาของลั่วมู่ซือและหลุนเฟยเบิกกว้างและจ้องมองคนไร้ยางอายที่อยู่ตรงหน้า

แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินฟางหยวนกล่าวต่อ “แม้ข้าจะมีแรงบันดาลใจและสามารถสร้างสรรค์บทกวีที่ซื่อหลิวพึงพอใจ แต่ข้ายังต้องการฟังความคิดเห็นของพวกท่าน”

‘สร้างสรรค์? สิ่งไร้สาระนี้สามารถเรียกว่าบทกวีงั้นหรือ? เจ้าต้องการฟังความคิดเห็นงั้นหรือ?’

‘ซื่อหลิว โอ้ ซื่อหลิว เหตุใดเจ้าถึงให้เกียรติคนไร้ยางอายผู้นี้นัก? เฮ้ แล้วผู้ใดให้เจ้าพูดจากับนางอย่างใกล้ชิดเช่นนี้!’

ลั่วมู่ซือและหลุนเฟยกรีดร้องอยู่ในใจ

แต่พวกเขาไม่สามารถแสดงออก พวกเขาต้องกล่าวถ้อยคำที่สุภาพเช่นเดียวกับเฉียวซื่อหลวิเพื่อไม่ทำให้นางอับอาย

สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกรังเกียจยิ่งกว่าการกินแมลงวัน

ฟางหยวนเข้าใจอย่างชัดเจนว่ามันเป็นบทกวีขยะแต่ไม่ว่าอย่างไรลั่วมู่ซือกับหลุนเฟยก็ต้องแสดงความคิดเห็นในทางที่ดี

“บทกวีนี้…อา…มัน…ชัดเจน…เข้าใจง่าย…และ…ท่องง่าย…” ลั่วมู่ซือพูดตะกุกตะกัก สีหน้าของเขาดูไม่น่ามองมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟางหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและหันไปทางหลุนเฟย “แล้วท่านคิดอย่างไร?”

หลุนเฟยมองฟางหยวนด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนกระตุกเล็กน้อย เขากล่าวอย่างเฉยเมย “นี่เป็นบทกวีที่ดี”

คิ้วของฟางหยวนยกขึ้นข้างหนึ่ง เขาจะปล่อยให้คนผู้นี้หลุดลอยไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร เขาถามต่อ “มันดีอย่างไรงั้นหรือ?”

หลุนเฟยโกรธจัด ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำขณะที่เขากรีดร้องอยู่ภายใน ‘ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันดีอย่างไร!? เพราะมันไม่มีสิ่งใดดีเลยแม้แต่น้อย! เจ้าสร้างขยะชิ้นนี้ขึ้นมาและยังต้องการคำชมอีกงั้นหรือ? สารเลว!’

หลุนเฟยต้องการปาถ้วยน้ำชาไปที่ใบหน้าของฟางหยวน มีเพียงสิ่งนี้ที่จะทำให้เขาระบายความโกรธออกมา

แต่เฉียวซื่อหลิวอยู่ข้างๆ หลุนเฟยจึงไม่สามารถทำเช่นนั้น

สิ่งสำคัญก็คือเขาไม่เหมือนลั่วมู่ซือเพราะเขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ ในทางตรงข้ามวูอี้ไห่มีสถานะสูงส่ง เขามาจากตระกูลวูและยังเป็นน้องชายในสายเลือดของวูหยง!

หลุนเฟยทำได้เพียงระงับความโกรธของตนขณะที่เขาเค้นสมองคิดถ้อยคำที่เขาจะประเมินบทกวีของฟางหยวน

“ข้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมในเทศกาลไหว้พระจันทร์ในครั้งนี้ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตนเองจะสามารถสร้างสรรค์บทกวี” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มให้กับเฉียวซื่อหลิวอย่างมีความหมาย

จิตใจของเฉียวซื่อหลิวสั่นสะท้านเล็นน้อย นางยิ้มตอบ “ต่อไปคือการผ่าหิน บางทีท่านอาจได้รับผลประโยชน์มหาศาล”

“แน่นอน ข้าคาดหวังกับมันมากที่สุด เรามาผ่าหินกันเถอะ” เทพธิดาเถียนลู่ช่วยเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

“ข้าเตรียมหินไว้มากมาย ทุกท่านโปรดเลือก” เฉียวซื่อหลิวต้องเตรียมมาโดยธรรมชาติ

บรรยากาศในศาลาเริ่มผ่อนคลายลง

ลั่วมู่ซือและหลุนเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องสรรเสริญบทกวีขยะของฟางหยวนอีกต่อไป

หินที่เฉียวซื่อหลิวเตรียมไว้มีขนาดต่างกัน พวกเขาผลักกันเลือกหินและผ่ามันทันทีเพื่อดูว่ามีวิญญาณอยู่ภายในหรือไม่

เกี่ยวกับวิญญาณระดับมนุษย์ มันเป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้อมตะจะได้รับ

ด้วยเหตุนี้บรรยากาศจึงค่อนข้างผ่อนคลาย พวกเขาจะไม่รู้สึกจริงจังเหมือนผู้ใช้วิญญาณ

โดยธรรมชาติแล้วนี่เป็นเรื่องของผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์เท่านั้น เนื่องจากผู้อมตะมีวิธีการมากมายในการตรวจสอบหินเหล่านั้นว่ามีวิญญาณอยู่ภายในหรือไม่ อย่างไรก็ตามในงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ พวกเขาจะไม่กลโกงและอาศัยเพียงโชคของตนเองเท่านั้น

มันเป็นเพียงการละเล่นที่สนุกสนาน

แต่ความหมายของมันแตกต่างออกไปสำหรับลั่วมู่ซือและหลุนเฟย

พวกเขากำลังต่อสู้กับฟางหยวนอย่างลับๆ แต่ผลที่ปรากฏคือพวกเขาแทบกระอักเลือด ผลของการผ่าหินของฟางหยวนยังเป็นที่หนึ่งตั้งแต่ต้นจนจบ

การผ่าหินโดยอาศัยสายตาอันเฉียบแหลมของผู้ใช้วิญญาณ ฟางหยวนไม่ขาดแคลนทักษะในด้านนี้ เขาเริ่มเข้าบ่อนการพนันมาตั้งแต่ชีวิตแรก

โดยไม่ต้องกล่าวถึงโชค

เขาเชื่อมโยงโชคกับผู้โชคดีอีกหลายคน ตัวเขาเอายังได้รับโชคจากวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข แล้วเขาจะไม่โชคดีได้อย่างไร

แต่เขาก็เหนือกว่าคนอื่นๆเพียงเล็กน้อย

คนที่กดดันเขามากที่สุดคือลั่วมู่ซือ

คนผู้นี้ไม่ได้เป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ เขามาจากหนึ่งในกองกำลังใหญ่ของภาคใต้ ตระกูลลั่ว

สายตาของเขาแหลมคมมาก โชคของเขาก็ค่อนข้างดี ผลงานของเขาด้อยกว่าฟางหยวนเพียงเล็กน้อย

‘ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างโชคดี’

‘มิฉะนั้นเขาคงไม่รู้จักบทกวีของฉีจื่อ…’

ฟางหยวนคิดกับตนเอง

มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาที่จะจัดการหลุนเฟย แต่ลั่วมู่ซือแตกต่างออกไป เขาเป็นสมาชิกของตระกูลลั่ว

แน่นอนว่าไม่ว่าเขาจะตัดสินใจทำสิ่งใด ตัวตนของวูอี้ไห่ก็ไม่สามารถเกี่ยวข้อง

เมื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์สิ้นสุดลง มันก็ดึกมากแล้ว

ทุกคนอำลาและแยกย้ายกันไป

“ข้าจะไปส่งท่าน” เฉียวซื่อหลิวกล่าวกับฟางหยวน

ดวงตาของลั่วมู่ซือและหลุนเฟยกลายเป็นแดงก่ำ

“ไปกันเถอะ!” ลั่วมู่ซือและหลุนเฟยเคยเป็นคู่แข่งที่เกลียดชังกัน แต่หลังจากคืนนี้พวกเขาได้บรรลุข้อตกลงอย่างเงียบๆ

ผู้อมตะสี่คนออกจากศาลาตามลำดับโดยทิ้งเทพธิดาเถียนลูและคนรักของนางเอาไว้

“เห้อ…” เทพธิดาเถียนลู่ถอนหายใจ “เทศกาลไหว้พระจันทร์คืนนี้ช่างเหน็ดเหนื่อยนัก”

“มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” คนรักของนางปลอบใจ

ทั้งสองจับมือกันและเผยรอยยิ้มจากนั้นจึงก้าวขึ้นไปบนก้อนเมฆและจากไป

“วูอี้ไห่ผู้นี้เป็นคนบ้าอย่างสมบูรณ์ เขาแต่งบทกวีได้บัดซบนัก! สิ่งนั้นไม่สามารถเรียกว่าบทกวี!” ลั่วมู่ซือเต็มไปด้วยความโกรธ

“แต่เทพธิดาซื่อหลิวมีมุมมองที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!” หลุนเฟยกัดฟัน

“หึ มุมมองที่แตกต่างงั้นหรือ? คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือตัวตนของเขา!” ลั่วมู่ซือกล่าวด้วยความอิจฉาเล็กน้อย

การแสดงออกของหลุนเฟยเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย “ข้าจะไม่สามารถข่มตาหลับหากวูอี้ไห่ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข!”

ระหว่างทางลั่วมู่ซือและหลุนเฟยพูดคุยกันอย่างเผ็ดร้อน

“โอ้ เจ้ามีความคิดอย่างไร? ตระกูลวูกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาจากทุกทิศทาง แต่พวกเขาก็ยังสามารถรักษาสถานะ หากเจ้าต้องการต่อต้านวูอี้ไห่ เจ้าต้องพิจารณาถึงตระกูลวูไม่ว่าจะในที่สาธารณะหรือเป็นการส่วนตัว วูหยงอยู่เบื้องหลังวูอี้ไห่ เราต้องคำนึงถึงความสัมพันธ์นี้” ลั่วมู่ซือเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ เขาตระหนักถึงความยากลำบากนี้

หากพวกเขาประเมินความสัมพันธ์นี้สูงเกินไป พวกเขาจะไม่สามารถทำสิ่งใดกับวูอี้ไห่ แต่หากพวกเขาประเมินต่ำเกินไป ผู้ใดจะสามารถรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

หลุนเฟยขบริมฝีปากและคิด ‘ผู้อมตะฝ่ายธรรมะจะกังวลทุกสิ่ง ในทางกลับกันฝ่ายปีศาจสามารถดำเนินการได้ทุกอย่าง’

อย่างไรก็ตามหลุนเฟยไม่ใช่ปีศาจอมตะ เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ฝ่ายธรรมะ

หลุนเฟยเย้ยหยัน “เราไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวด้วยตนเอง เทพธิดาซื่อหลิวเป็นที่หมายปองของผู้ชายมากมาย เราจะแจ้งคนเหล่านั้น พวกเขาจะต้องโกรธมากโดยเฉพาะเมื่อเทพธิดาซื่อหลิวไม่ได้เชิญพวกเขามาในครั้งนี้”

“เจ้ากำลังพูดถึงคนตระกูลจื่องั้นหรือ?” การแสดงออกของลั่วมู่ซือกลายเป็นซับซ้อน

ผู้อมตะตระกูลจื่อเคยเป็นคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ก่อนหน้านี้ลั่วมู่ซือเกลียดชังเขามาก แต่ตอนนี้เขากำลังจะใช้ประโยชน์จากคนผู้นี้เพื่อมอบบทเรียนให้กับวูอี้ไห่

“แม้วูอี้ไห่จะสามารถเอาชนะเซี่ยเฟยกุ้ย แต่มันเป็นเพราะเขามีข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม หากเขาแข็งแกร่งจริง เขาจะสามารถยึดหอยภูเขาและไม่จำเป็นต้องเจรจากับสัตว์ประหลาดเฒ่าเคลื่อนภูเขา คนตระกูลจื่อแข็งแกร่งกว่าวูอี้ไห่อย่างแน่นอน นอกจากนี้เขายังเกลียดชังทุกคนที่ยุ่งเกี่ยวกับเทพธิดาซื่อหลิว” หลุนเฟยกล่าว

ลั่วมู่ซือตัดสินใจ “เอาล่ะ เราจะแจ้งจื่อซานเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้!”

เฉียวซื่อหลิวไปส่งฟางหยวนก่อนที่นางจะกล่าวลาอย่างไม่เต็มใจ

แต่นางกลับไปที่ตระกูลเฉียวไม่ใช่ศาลาเดิม

นางไปพบผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียว

นี่คือตัวละครที่ช่วยฟางหยวนให้กลับเข้าสู่ตระกูลวูก่อนหน้านี้

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียววางถ้วยชาลงอย่างช้าๆ “แม้วูอี้ไห่จะเติบโตขึ้นในทะเลตะวันออกแต่เขายังเป็นบุตรชายของวูตู๋ซิ่ว เจ้าคิดอย่างไร?”

เฉียวซื่อหลิวหรี่ตาก่อนกล่าว “ข้าเห็นด้วย”

ฟางหยวนบังคับให้คนทั้งสองชื่นชมบทกวีขยะของเขา นี่คือการโจมตีทางอ้อม

เฉียวซื่อหลิวตระหนักดีว่านี่คือการเผชิญหน้าระหว่างผู้คนของฝ่ายธรรมะ มันเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่แท้จริงแล้วมันคือการต่อสู้ในที่มืด

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียวถอนหายใจ “ตระกูลเฉียวของเราเป็นพันธมิตรกับตระกูลวูมาตลอด แต่เรายังไม่สามารถเจาะลึกเข้าไปในแกนกลางของพวกเขา ตอนนี้วูอี้ไห่เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เจ้าเข้าใจหรือไม่?”

เฉียวซื่อหลิวกัดริมฝีปาก สายตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ แต่นางยังพยักหน้า “ข้าเข้าใจ”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท