เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1332

ตอนที่ 1332

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1332 มีความสุข

แปลโดย iPAT

จื่อซานดื่มจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงและเริ่มพูดมาก

ดูเหมือนการเอาชนะฟางหยวนในครั้งนี้จะทำให้เขามั่นใจในตัวเองมากขึ้น เขารู้สึกว่าเขาจะประสบความสำเร็จในชีวิตรัก

ผู้อมตะมีวิธีการมากมายในการป้องกันการเมาสุรา แต่ด้วยวิธีนี้ความสุขในการดื่มจะหายไปและเป็นพฤติกรรมที่หยาบคายต่อสหายร่วมดื่ม

ฟางหยวนยกถ้วยของเขาขึ้นด้วยรอยยิ้ม “หากเป็นกรณีนั้นข้าก็จะยอมรับว่าข้าโชคร้าย น่าเสียดายที่ข้ามีคู่แข่งเช่นเจ้า! เห้อ…”

ฟางหยวนถอนหายใจ เขาคร่ำครวญราวกับสวรรค์ส่งคนมีพรสวรรค์ลงมากีดขวางเขา

จื่อซานหัวเราะเสียงดังและยกมือขึ้นตบไหล่ปลอบโยนฟางหยวน

ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ภายใน

จื่อซานผู้นี้ช่างไร้เดียงสานัก

เรื่องนี้ถูกตัดสินมานานแล้ว

ตราบเท่าที่ฟางหยวนตกลง เฉียวซื่อหลิวจะพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของเขา นี่คือสิ่งที่แน่นอน

แต่เฉียวซื่อหลิวไม่ได้แสดงเจตจำนงของนางออกมาชัดเจนเกินไปเพราะนางยังมีความภาคภูมิใจในตนเอง นางพยายามเล่นตัวเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวนางเอง

ฟางหยวนเข้าใจอย่างชัดเจน

เช่นเดียวกับครั้งนี้ จดหมายของเฉียวซื่อหลิวคือการแสดงออกถึงทัศนคติของนาง

‘เฉียวซื่อหลิวเห็นว่าจื่อซานและข้ากำลังแข่งขันกัน นางมีความสุขกับเรื่องนี้และเฝ้ามองจากด้านข้าง’

‘เมื่อข้าแพ้ นางจงใจบอกข้าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับจื่อซาน นางต้องการปลอบโยนข้าและบอกให้ข้ารู้ว่านางไม่มีความรู้สึกใดๆต่อจือซาน มันเป็นเพียงความรักข้างเดียวของเขา’

‘แต่หญิงที่ฉลาดผู้นี้ไม่ได้ระบุทัศนคติของนางอย่างชัดเจน นางกล่าวเพียงข้อเท็จจริงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตนเองขณะที่แสดงให้เห็นว่านางมีคุณค่าสำหรับการเป็นคู่ครอง’

‘ด้วยเหตุนี้ข้าจึงเหนือกว่าผู้ชายทุกคนของนาง’

‘ไม่ว่าข้าจะพ่ายแพ้อีกกี่ครั้ง ไม่ว่าข้าจะไล่ตามผู้หญิงคนอื่น หรือข้าจะแสดงความอ่อนแอออกมาเหมือนเหตุการณ์วันไหว้พระจันทร์ แล้วอย่างไร?’

‘ไม่ว่าอย่างไรข้าก็คือผู้ชนะ!’

‘ในความเป็นจริงกระทั่งข้าจะไปหาผู้หญิงคนอื่น เฉียวซื่อหลิวก็จะเป็นฝ่ายไล่ตามข้า’

‘แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความรัก มันคือการเมือง!’

ฟางหยวนเย้ยหยันอยู่ในใจ เขาเข้าใจทุกสิ่งอย่างชัดเจน

แต่เขาไม่สามารถยอมรับความรักนี้จากเฉียวซื่อหลิว

หากเขายอมรับ เขาจะถูกลากเข้าสู่สงครามการเมืองที่ชั่วร้าย เขาจะไม่ใช่เพียงวูอี้ไห่อีกต่อไป แต่เขาจะเป็นตัวแทนของตระกูลเฉียวที่แทรกซึมอยู่ในตระกูลวูเพื่อแสวงหาผลประโยชน์

วูหยงจะไม่มอบสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลายเช่นนี้กับเขาอีก เขาจะกำหราบและเก็บฟางหยวนเอาไว้ใกล้ตัว

หากเป็นเช่นนั้นฟางหยวนจะสามารถเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างไร?

เห็นได้ชัดว่าเขาทำไม่ได้ นอกจากนั้นตัวตนที่แท้จริงของเขาอาจถูกเปิดเผย

และนั่นจะนำไปสู่ปัญหาที่มากขึ้น

เมื่อตัวตนของฟางหยวนถูกเปิดเผย เขาต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีจากทุกกองกำลัง

‘อย่างไรก็ตามแม้ข้าจะไม่ยอมรับ ข้าก็ยังสามารถใช้ความรักนี้ให้เกิดประโยชน์’

เฉียวซื่อหลิวทำให้วูหยงระวังตัวและส่งฟางหยวนกลับมาที่ค่ายกลวิญญาณ

แน่นอนว่าในโลกใบนี้ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ แม้วิธีนี้จะยอดเยี่ยม แต่มันยังมีข้อเสีย

การตื่นตัวของวูหยง ลั่วมู่ซือ หลุนเฟย และจื่อซาน รวมถึงคู่แข่งความรักคนอื่นๆจะสร้างปัญหาให้เขา

โลกใบนี้มีความรักที่บริสุทธิ์ แต่มันหายากจริงๆ

เมื่อผู้คนใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ยากลำบาก พวกเขาต้องพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่าง

ความงาม ภูมิหลัง ระดับการบ่มเพาะ และอื่นๆของเฉียวซื่อหลิวล้วนเป็นสิ่งยั่วยวนใจ

ท่ามกลางผู้ชายที่ชื่นชอบนาง จื่อซานไร้เดียงสาที่สุด แต่เขายังให้ความสำคัญกับการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งค่ายกลโดยไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงผู้อื่น

สำหรับฟางหยวน เขาเป็นคนพิเศษ

การมาถึงของจื่อซานไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของฟางหยวน

แต่เขาเตรียมใจไว้แล้ว

แม้จื่อซานจะไม่มาที่นี่ ผู้ชายคนอื่นๆก็ต้องมาสร้างปัญหาให้เขา แม้พวกเขาจะไม่ได้มาตอนนี้แต่พวกเขาก็จะมาในอนาคต

เนื่องจากฟางหยวนกำลังเข้าใกล้เฉียวซื่อหลิวและได้รับผลประโยชน์จากนาง ท่ามกลางผู้ชายเหล่านั้น หลายคนมีกองกำลังใหญ่อยู่เบื้องหลังและพยายามกอบโกยผลประโยชน์เช่นกัน

ดังคำกล่าวที่ว่าหญิงงามมักมาพร้อมกับปัญหา

หญิงงามไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะครอบครอง

มีเพียงคนไร้เดียงสาเท่านั้นที่คิดว่าจะสามารถใช้ความรักและอารมณ์เพื่อพิชิตใจหญิงงาม

ในความเป็นจริงยังมีปัจจัยอื่นอีกมากมาย

ความงามของหญิงสาวคือของขวัญตามธรรมชาติของพวกนาง

มันเป็นของขวัญที่มีคุณค่าและสามารถสร้างความมั่งคั่ง

แล้วผู้ใดจะไม่ต้องการความมั่งคั่งเช่นนี้?

แต่ทุกคนไม่สามารถได้รับความมั่งคั่งนี้

หากหญิงงามเต็มใจมอบความมั่งคั่งของนางให้กับชายคนรักด้วยความรักอันบริสุทธิ์ ผู้โชคดีคนนั้นก็ควรปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี

แต่ในความเป็นจริงสถานการณ์ดังกล่าวมีน้อยเกินไป

หากมันเกิดขึ้น จงรักษามันไว้ หากไม่ อย่าฝากความหวังไว้กับมัน

นี่คือความจริง

ตั้งแต่ฟางหยวนตัดสินใจใช้ความรักของเฉียวซื่อหลิวเพื่อบรรลุเป้าหมายของตนเอง เขาก็คิดหาวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ไว้แล้ว

หากเขาจัดการได้ไม่ดี จื่อซานจะเป็นเพียงคนแรกที่มาที่นี่และหลังจากนี้จะมีคนที่สอง คนที่สาม และคนต่อๆไป

นั่นจะส่งผลกระทบต่อการสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันของฟางหยวน

ฟางหยวนต้องแก้ปัญหานี้อย่างระมัดระวัง

เมื่อจื่อซานมาที่นี่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ฟางหยวนลอบมีความสุข

หลังจากตรวจสอบข้อมูลของจื่อซาน เขายิ่งมีความสุขมากขึ้น

จื่อซานเป็นเครื่องมือของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของตระกูลจื่อ

หลายคนคิดว่าจื่อซานจะสร้างปัญหาให้ฟางหยวน

แต่ในมุมมองของฟางหยวน เขารู้สึกว่านี่คือโอกาส

หากเขาจัดการเรื่องนี้ได้ดี เขาจะสามารถแก้ปัญหาในอนาคตได้ทั้งหมด เขาจะสามารถสำรวจอาณาจักรแห่งความฝันได้อย่างสงบสุข

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องพ่ายแพ้

หากเขาไม่พ่ายแพ้ เขาจะสร้างปัญหาร้ายแรงให้กับตนเอง

ขณะเดียวกันมันเป็นเรื่องง่ายที่จะวางแผนล่อลวงจื่อซาน

จากข้อมูล ฟางหยวนรู้ว่าจื่อซานชอบศึกษาเกี่ยวกับเส้นทางแห่งค่ายกล เขามีความเชี่ยวชาญในด้านนี้

ฟางหยวนใช้สิ่งนี้ท้าทายเขา

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แม้เขาจะสามารถเพิกเฉยต่อสิ่งอื่น แต่เขาจะไม่สามารถเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ เพราะมันคือความหมายชีวิตของเขา

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่กลับใช้ปัญหาบนเส้นทางแห่งค่ายกลท้าทายจื่อซาน นี่เป็นการตบหน้าจื่อซานครั้งใหญ่

แล้วจื่อซานจะทนได้อย่างไร?

แน่นอนว่าเขาไม่สามารถ

ดังนั้นเขาจึงตกลงสู่กับดักของฟางหยวนและไม่สามารถปีนขึ้นมา

ไม่เพียงเขาจะติดกับดักของฟางหยวน หลังจากนั้นเขายังรู้สึกว่าฟางหยวนเป็นคนจริงใจมาก!

“เจ้าเป็นคู่แข่ง แต่เจ้ากล่าวได้ถูกต้ง มิตรภาพจะเกิดขึ้นหลังการต่อสู้ ฮ่าฮ่าฮ่า” จื่อซานหัวเราะและยกแขนขึ้นโอบไหล่ฟางหยวน

“พูดมากแล้ว ดื่มกันเถอะ!” ฟางหยวนกลืนน้ำลาย

จื่อซานมองฟางหยวนด้วยดวงตาเบิกกว้าง เขายกนิ้วให้ “เยี่ยม! ไปดื่มกันเถอะ!”

ทั้งสองฝ่ายดื่มสุราจนหมดถ้วย

“สุราเลิศรส!” จื่อซานถอนหายใจ “เห้อ…กล่าวตามตรง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าดื่มหนักเช่นนี้…”

ฟางหยวนหัวเราะอย่างเต็มที่ แต่ภายในเขาไม่รู้สึกสะทกสะท้าน

สุราคือวิถีของฝ่ายธรรมะ

วิถีของฝ่ายปีศาจคือการต่อสู้และเข่นฆ่า

งานเลี้ยงของฝ่ายธรรมะเต็มไปด้วยอุบายและเล่ห์กล ความคิดหลอกลวงทุกประเภทเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากที่จะกวาดเหยื่อผู้โชคร้ายลงสู่ขุมนรก

ฟางหยวนแพ้จื่อซานแต่เขามีความสุขมาก เขาเร่งกระจายข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ออกไป

แพ้แล้วอย่างไร?

บางครั้งความพ่ายแพ้ก็เป็นวิธีบรรลุเป้าหมาย

จื่อซานมีความสุขมากเช่นกัน เขารู้สึกว่านี่เป็นงานเลี้ยงที่เขามีความสุขมากที่สุด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท