เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1356

ตอนที่ 1356

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน – บทที่ 1356 ฟางหยวนกอบกู้สถานการณ์
บัดซบ! เต่าตัวนี้ซ่อนตัวตลอดเวลา!” นางเสือดำกัดฟันแน่น

ความคิดกระดองเต่าหลายแสนหลังปกคลุมอยู่รอบๆเต่าพยากรณ์ นางเสือดำไม่สามารถเข้าใกล้และยังถูกผลักดันออกไปตลอดเวลา

ฟางหยวนเหมือนภูเขาที่ไม่ขยับเขยื้อนแต่เขายังไม่สามารถผ่อนคลาย

เพราะราชันภูเขาม่วงยังไม่ปรากฏตัว

ฟางหยวนพยายามตรวจสอบสถานที่ทั้งหมด

เทพธิดาเมี่ยวหยินและเฉียวซื่อหลิว สองเทพธิดาที่ยิ่งใหญ่ของภาคใต้ติดอยู่ในสถานการณ์ชะงักงัน

ไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงแสดงความแข็งแกร่งที่ทำให้ฟางหยวนตกใจออกมา

ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนไล่ล่าพวกนาง พวกนางยังไม่คุ้นเคยกับท่าไม้ตายอมตะของตน แต่ตอนนี้พวกนางกลับเชี่ยวชาญพวกมันเป็นอย่างมาก

สิ่งนี้ทำให้ฟางหยวนต้องถอนหายใจอีกครั้ง รากฐานของนิกายเงาลึกล้ำอย่างแท้จริง แม้จะอยู่ในสภาพที่เลวร้าย แต่ด้วยความช่วยเหลือจากนิกายเงา ไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงยังสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเองได้ในระยะเวลาอันสั้น

หากฟางหยวนไม่ได้รับผลประโยชน์จากแม่น้ำหวนคืนและอาณาจักรแห่งความฝัน ความเร็วในการเติบโตของเขาจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับเทพธิดาทั้งสอง

อย่างไรก็ตามแม้ไห่ลั่วหลันและไป่หนิงปิงจะแข็งแกร่ง แต่ฝ่ายธรรมะก็ไม่ขาดแคลนคนมีฝีมือ

ไท่ซินเจี้ยนและอี้ไห่ถิงเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดชั้นแนวหน้า แม้พวกเขาจะด้อยกว่าวูอวี้ป๋อ แต่พวกเขายังสามารถต่อต้านไป่หนิงปิงและไห่ลั่วหลัน

สนามรบของพวกเขาเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด

‘อย่างไรก็ตาม…จ้าวเย่ฮุ้ยเกือบฟื้นพลังแล้ว’ ฟางหยวนไม่ลืมการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งตนนี้

“วูอี้ไห่ รีบกลับมา!” เป็นเพียงเวลานี้ที่ปาเต๋าถ่ายทอดเสียงมาหาฟางหยวน

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ฟางหยวนรู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของปาเต๋อ “ข้ากำลังจะปิดฉากการต่อสู้ที่นี่”

“มาเร็ว เราต้องการเจ้า” เสียงที่อ่อนแรงของจื่อกุ้ยถูกถ่ายทอดมาเช่นกัน

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขารีบไปทันที

เมื่อเห็นปาฉวนฟงและจื่อกุ้ยใกล้ตาย รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลบินมาหาฟางหยวน มันบันทึกฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้ทั้งหมด

‘ปาฉวนฟงเป็นสายลับของนิกายเงา!? นิกายเงาอยู่ในทุกที่จริงๆ’ หัวใจของฟางหยวนเต้นผิดจังหวะ เปลือกตาของเขากระตุกเมื่อตระหนักถึงสิ่งนี้

สถานการณ์เลวร้ายมาก

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีถูกทำลายไปแล้ว

สถานการณ์ของฝ่ายธรรมะตกสู่ความสิ้นหวัง แต่เมื่อปาเต๋อเกือบสูญเสียความมั่นใจทั้งหมด เขากลับได้ยินจื่อกุ้ยกล่าว “เรายังมีความหวังสุดท้าย แม้ข้าจะไม่สามารถทำสิ่งใด แต่ยังมีวูอี้ไห่ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเขาเป็นสิ่งที่จื่อซานยกย่อง ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของเขาใกล้เคียงกับข้า เขาเป็นกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล ให้เขาเข้ามา เรายังมีโอกาส”

ปาเต๋อรู้ว่าฟางหยวนกับจื่อซานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับการยืนยันจากตระกูลจื่อว่าระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งค่ายกลของฟางหยวนสูงมากจริงๆ

โดยปกติปาเต๋อจะระวังตัวและอิจฉา แต่ตอนนี้เขาดีใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบติดต่อฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

“ข้อมูลนี้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่รู้ วูอี้ไห่ เจ้ามีความมั่นใจหรือไม่?” ปาเต๋อรู้สึกประหม่า

ในช่วงเวลาสำคัญเขาไม่สามารถเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป มิฉะนั้นทุกคนจะท้อแท้และหมดกำลังใจ เมื่อเวลานั้นมาถึงฝ่ายธรรมะจะพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่

‘มั่นใจกับตูดเจ้าสิ!’ ฟางหยวนลอบสบถสาปแช่ง

เขามองปาเต๋อด้วยความโกรธ

จ้าวเย่ฮุ้ยพักผ่อนเพียงชั่วคราว ก่อนหน้านี้จื่อกุ้ยใช้เวลาส่วนใหญ่กับการอนุมานวิญญาณอมตะที่เหมาะสมกับค่ายกลวิญญาณนี้ แต่ตอนนี้ฟางหยวนมีเวลาอีกไม่ถึงสามสิบส่วนจากเวลาทั้งหมด

เขาต้องอนุมานวิญญาณอมตะดวงใหม่ที่เหมาะสมกับค่ายกลวิญญาณนี้รวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์อีกนับไม่ถ้วนก่อนจะใช้พวกมันสร้างแนวป้องกันที่สาม

จื่อกุ้ยรู้ถึงความยากลำบาก ดังนั้นเขาจึงบอกว่ามันเป็นความหวังสุดท้าย

“แม้เจ้าจะไม่แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่เราก็ต้องพึ่งพาเจ้าเท่านั้น หากเจ้าล้มเหลว ค่ำคืนสีเทาจะฆ่าพวกเราทุกคน อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถหลบหนี จ้าวเย่ฮุ้ยดุร้ายมาก มันเป็นประวัติศาสตร์ที่นองเลือดของมวลมนุษยชาติ ความหวังเดียวของเราคือค่ายกลวิญญาณนี้!” ปาเต๋อกระตุ้น

ฟางหยวนเงียบและคิดอย่างรวดเร็ว

ปาเต๋อและจื่อกุ้ยไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน แต่ความจริงก็คือสถานการณ์ของฟางหยวนดีกว่าพวกเขามาก

‘ข้ามีเกราะหวนคืน ตราบเท่าที่ข้าใช้มัน ข้าจะสามารถหลบหนี’

‘แม้จ้าวเย่ฮุ้ยจะไล่ล่าข้า แต่ข้าสามารถใช้กำแพงภูมิภาคเพื่อทิ้งมันไว้ข้างหลัง’

‘แต่หากข้าทำเช่นนั้น ตัวตนที่แท้จริงของข้าจะถูกเปิดเผย นอกจากข้าจะเสียโอกาสที่นี่ ข้ายังจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะภาคใต้ ยังไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งผู้ใด เพียงวูหยงก็เป็นศัตรูตัวฉกาจ!’

‘ข้าควรลองดูก่อน’

‘ยังไม่ถึงเวลาสำหรับหนทางสุดท้าย’

ฟางหยวนคิดเรื่องเหล่านี้ก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาจื่อกุ้ย “บอกความลับทั้งหมดเกี่ยวกับแนวป้องกันที่สามแก่ข้า”

จื่อกุ้ยอยู่ในสภาพเลวร้ายมาก เขาไม่สามารถใช้วิญญาณได้ในขณะนี้ เขาพยายามกล่าว “ประการแรก เราไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้บันทึกรายละเอียดทั้งหมดของค่ายกลวิญญาณนี้เอาไว้”

หลังกล่าวจบคำ เขาก็หมดสติไปทันที

‘บัดซบ!’ หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง

โดยปราศจากคำแนะนำของจื่อกุ้ย เขาต้องใช้เวลาอนุมานอีกมาก

แต่เขายังตรวจสอบวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งข้อมูล

หลังจากเห็นมัน ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้าง เขารู้สึกดีใจมากที่ได้รับสิ่งนี้!

ค่ายกลวิญญาณสี่ธาตุ!?

ปรากฎว่าค่ายกลวิญญาณนี้ใช้แนวคิดของธาตุทั้งสี่

หากไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งไฟ วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารี และวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวายุจะไม่สามารถใช้งาน ก่อนหน้านี้จื่อกุ้ยทำงานอย่างหนักเพื่อเติมเต็มวิญญาณบนเส้นทางแห่งปฐพี

‘ช่างบังเอิญนัก!’

‘ข้าไม่คุ้นเคยกับวิธีการอื่นแต่ข้าเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับธาตุทั้งสี่อย่างลึกซึ้ง’

ย้อนกลับไปตู้ซื่อเฉิงในอาณาจักรแห่งความฝันสร้างความเจ็บปวดให้กับฟางหยวนเป็นอย่างมาก

‘แนวคิดเรื่องธาตุทั้งสี่เป็นแนวคิดที่เข้มงวดเกินไปสำหรับคนรุ่นหลัง อย่างไรก็ตามแม้จะไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี ข้าก็สามารถใช้วิญญาณอมตะชนิดอื่นทดแทนมัน’

‘เส้นทางแห่งความมืดเป็นไปได้!’

‘ความมืด วารี วายุ ไฟ นี่คือสี่ธาตุเช่นกัน ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถสามารถสร้างแนวป้องกันที่สามได้อย่างแน่นอน’

ฟางหยวนตระหนักรู้ด้วยสัญชาตญาณ

เขามั่นใจมาก

เพราะเขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งค่ายกล!

‘แนวคิดของข้าจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน นอกจากนี้…ด้วยวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความมืด เรายังสามารถป้องกันท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทาได้อย่างมีประสิทธิภาพ’

ฟางหยวนมีความเข้าใจเกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทาของจ้าวเย่ฮุ้ย

เหตุผล?

เพราะเขาเคยเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันที่เกี่ยวข้องกับมันมาก่อน

อาณาจักรแห่งความฝันนั้นยากเกินไป ฟางหยวนเสียชีวิตนับครั้งไม่ถ้วน เขาแทบไม่สามารถข้ามผ่านมันแม้จะใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันมากมายก็ตาม

ฟางหยวนมีประสบการณ์เกี่ยวกับท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทาในอาณาจักรแห่งความฝัน

อย่างไรก็ตามดูเหมือนท่าไม้ตายอมตะค่ำคืนสีเทาของจ้าวเย่ฮุ้ยจะแตกต่างจากในอาณาจักรแห่งความฝันอยู่บ้าง

ในอาณาจักรแห่งความฝัน มันเป็นการโจมตีในวงกว้าง

ในปัจจุบันมันเป็นลำแสงสีเทา ชัดเจนว่านี่เป็นท่าไม้ตายที่พัฒนาแล้ว

แต่ไม่ว่าอย่างไรแก่นแท้ของมันก็ยังเหมือนเดิม ค่ำคืนสีเทายังเป็นค่ำคืนสีเทา

ด้วยประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับค่ำคืนสีเทา ฟางหยวนมั่นใจว่าจะสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันมันได้

‘อย่างไรก็ตาม…นี่หมายความว่าข้าต้องใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด มันเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความมืดเพียงดวงเดียวของข้า’

‘วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดมีประโยชน์มากในการปกปิดตัวตน ข้าควรดำเนินการต่อหรือจากไป?’

ฟางหยวนลังเลก่อนจะตัดสินใจ

“ข้าต้องซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณ แต่ข้าไม่สามารถเชื่อใจผู้ใด นำจื่อกุ้ยและปาฉวนฟงออกไป ปล่อยข้าไว้ที่นี่ ป้องกันไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้ข้า!”

ปาเต๋อรู้ว่าสิ่งใดสำคัญในเวลานี้ เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดและเร่งคว้าร่างผู้อมตะทั้งสองเคลื่อนที่ห่างออกไปหลายร้อยก้าว

ฟางหยวนสูดหายใจลึกก่อนจะเปลี่ยนร่างเป็นเต่าพยากรณ์

สัตว์อสูรบรรพกาลบนเส้นทางแห่งปัญญามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาที่จะช่วยในการอนุมานของฟางหยวน

เขาลงมือทันทีและคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว

“โฮก…”

จ้าวเย่ฮุ้ยเงยหน้าคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า

สมาชิกนิกายเงามีความสุขเมื่อได้ยินเสียงสายนี้ พวกเขาเร่งล่าถอยและทิ้งศัตรูเอาไว้

“โอ้ ไม่ ค่ำคืนสีเทากำลังมา!”

“เร็ว เข้าไปในค่ายกลวิญญาณ!”

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะไม่รู้ความจริง พวกเขาคิดว่ามันยังเป็นปราการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด

“ยังไม่เสร็จอีกงั้นหรือ?” ปาเต๋อกระตุ้น เขาเป็นคนที่ประหม่ามากที่สุด หากฟางหยวนไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาจะตายทั้งหมด

“เสร็จแล้ว” เต่าพยากรณ์กล่าว

ดวงตาของเขาส่องประกายขึ้น วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดบินออกไปพร้อมกับวิญญาณระดับมนุษย์อีกมากมาย

ปาเต๋อตกตะลึงและตื่นตระหนกมาก “มันคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งความมืด ไม่ใช่ว่าค่ายกลวิญญาณนี้ต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพีงั้นหรือ?”

“ข้าไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี ข้ามีเพียงเส้นทางแห่งความมืด” ฟางหยวนตอบอย่างไม่พอใจ

ปาเต๋อกรีดร้อง “เหตุใดไม่บอกข้าหากไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี ข้าจะให้เจ้ายืม!”

“ไม่รู้สิ่งใด หุบปาก!” ฟางหยวนตำหนิ

“เจ้า!” ปาเต๋อสูญเสียความหวังทั้งหมด เขากำลังจะตำหนิฟางหยวนต่อแต่ดวงตาของเขากลับเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน

เขาตะลึงเมื่อเห็นแนวป้องกันที่สามก่อตัวขึ้นด้วยกลิ่นอายที่ทรงพลัง

“เขาทำสำเร็จจริงๆ!” ปาเต๋อรู้สึกราวกับสามารถหลบหนีจากนรกและโบยบินขึ้นสู่สรวงสวรรค์

เฉียวซื่อหลิวและคนอื่นๆเห็นฉากที่แปลกประหลาดนี้

ปาเต๋อสูญเสียความสงบ นี่เป็นเรื่องแปลกมาก

“ปาเต๋อ เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดท่านถึงเหงื่อท่วมตัวเช่นนี้?” บางคนถาม

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท