เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1399

ตอนที่ 1399

“กระไรนะ!?”

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงโกรธจัดเมื่อได้ยินเรื่องนี้

แม้เขาจะมีภรรยาและนางสนมมากมายแต่เขาให้ความสำคัญกับนางสนมลำดับที่สามซุ้ยป๋อมากที่สุด

การสร้างปัญหาให้กับซุ้ยป๋อก็คือการดูถูกบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

มีความเป็นไปได้สองอย่าง

หนึ่งคนร้ายมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กลัวบรรพชนพันเปลี่ยนแปลง

สองมรดกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบของทะเลทรายตะวันตกล้ำค่าเกินไป มันจึงดึงดูดความโลภของผู้คนและทำให้พวกเขายอมรับความเสี่ยง

“ข้าจะจัดการพวกเขา!” บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงสูดหายใจลึกและพยายามระงับความโกรธ

เขาไม่สามารถออกไปได้ในเวลานี้

ยังมีเนื้องอกปรากฏขึ้นบนร่างกายของเขาและผลิตอสูรปีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

เขาต้องรักษาตัวเองเป็นอันดับแรก

หากออกไปเวลานี้จุดอ่อนของเขาจะถูกเปิดเผย

‘ข้าครอบครองทะเลทรายหมื่นรูปปั้นมานาน ทุกคนรู้ว่าข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง หากสถานะของข้าถูกเปิดเผย ทุกคนจะพุ่งเข้ามาโจมตีข้า ตอนนี้ข้าไม่สามารถเคลื่อนไหว ข้าจะปล่อยให้หงหยุนจัดการเรื่องนี้’

เมื่อคิดได้เช่นนี้ บรรพชนหมื่นเปลี่ยนแปลงจึงออกคำสั่ง “หงหยุน ออกเดินทางเดี๋ยวนี้ ตามหาซุ้ยป๋อและช่วยนาง”

ผู้อมตะหญิงที่อยู่ด้านนอกกล่าวด้วยความหวาดกลัว “สามี พลังการต่อสู้ของข้าค่อนข้างต่ำ ความปลอดภัยของข้าเป็นเรื่องรอง แต่หากข้าล้มเหลวในภารกิจนี้ นั่นจะเลวร้ายกว่า”

“อย่ากังวล ข้าจะให้เจ้ายืมวิญญาณอมตะระดับแปดพร้อมกับเจตจำนงและพลังงานอมตะของข้า ไปเถอะ” บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกล่าวก่อนส่งก้อนเนื้อที่บรรจุวิญญาณอมตะและพลังงานอมตะของเขาออกไป

ผู้อมตะหญิงหงหยุนดีใจมาก นางเร่งโค้งคำนับ “นางสนมผู้นี้รับบัญชา”

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงขอให้หงหยุนออกไปขณะที่เขากลับมาคิดถึงปัญหาของตนเอง

‘อสูรปีเหล่านี้เป็นสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาล’

‘แต่พวกมันเต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์และเป็นศัตรูของข้า ข้าจะใช้พวกมันไม่ได้!’

‘แทนที่จะสังหารพวกมัน ข้าอาจขายพวกมันในสวรรค์สีเหลือง’

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงไม่มีทางเลือก

หมื่นภัยพิบัติทำลายรากฐานเกือบทั้งหมดของเขา มิติช่องว่างของเขากำลังปั่นป่วน ร่างกายของเขาก็เช่นกัน ตอนนี้พลังการต่อสู้ของเขาตกลงถึงจุดต่ำสุด

‘การบ่มเพาะของผู้อมตะยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ’

‘แม้ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งแต่ข้ายังต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นหมื่นภัยพิบัติ’

‘ไม่แปลกใจเลยที่ผู้อมตะระดับเก้ามีน้อยมากในประวัติศาสตร์ เห้อ…’

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงถอนหายใจยาวขณะที่เขายัดอสูรปีเดียวดายเข้าไปในมิติช่องว่างของตน

โดยใช้มิติช่องว่างเป็นทางผ่าน เขาส่งอสูรปีตัวนี้ไปยังสวรรค์สีเหลือง

สิ่งที่เข้าสู่สวรรค์สีเหลืองจะถูกประเมินคุณค่าโดยแสงสมบัติ

แม้อสูรปีตัวนี้จะไม่ใช่อสูรปีที่แท้จริงแต่มันก็ถูกสร้างขึ้นจากเนื้อหนังของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงที่เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง หลังจากเข้าสู่สวรรค์สีเหลือง แสงสมบัติปลดปล่อยแสงสว่างออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ

แสงสมบัติดึงดูดความสนใจของผู้อมตะจำนวนมาก

บางส่วนเป็นเจตจำนงขณะที่บางส่วนเป็นสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของผู้อมตะที่เข้ามาทำธุรกรรม

“ท่านขายอสูรปีตัวนี้อย่างไร?” ในไม่ช้าผู้อมตะบางคนก็เข้ามาถาม

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่รีบ ไม่รีบ”

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ส่งอสูรปีเข้าไปในสวรรค์สีเหลืองอย่างต่อเนื่อง

อสูรปีเป็นสัตว์อสูรหายาก พวกมันอาศัยอยู่ในสายธารแห่งกาลเวลาและหาได้ยากในห้าภูมิภาคหรือสวรรค์ทั้งสอง การเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลายากกว่าการเข้าสู่สวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดำ มีเพียงผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเท่านั้นที่สามารถเข้าออกสถานที่แห่งนี้ได้อย่างอิสระ

อสูรปีเดียวดายและอสูรปีบรรพกาลทำให้สวรรค์สีเหลืองเกิดความโกลาหล

“มีผู้อมตะบางคนขายอสูรปีจำนวนมาก ไปดู!”

“อสูรปีเหล่านี้มีคุณภาพสูงมาก พวกมันน่าประทับใจ”

“มันยากที่จะจินตนาการว่ามีคนเลี้ยงอสูรปีมากมายเช่นนี้ คนผู้นี้ต้องเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน!”

เหล่าผู้อมตะพูดคุยและคาดเดา

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงค่อนข้างพอใจ ความโกลาหลดึงดูดผู้อมตะมากมายเข้ามา

“อสูรปีเหล่านี้สะอาดหมดจด ข้าไม่ได้ใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งทาสกับพวกมัน พวกเจ้าสามารถดูด้วยตาของตนเอง” บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงอธิบาย

ผู้อมตะเหล่านั้นพบว่ามันเป็นเรื่องจริงและรีบถามราคา

“ไม่รีบ ไม่รีบ” บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงกำลังรอ

อสูรปีเหล่านี้ไม่ใช่สัตว์อสูรที่แท้จริง มีความแตกต่างระหว่างพวกมันกับอสูรปีตามธรรมชาติ

อสูรปีทั่วไปสามารถตกเป็นทาส แต่อสูรปีเหล่านี้เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ ผู้อมตะไม่สามารถสะกดข่มพวกมันได้ด้วยวิธีทั่วไป

ดังนั้นบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงต้องขายพวกมันทั้งหมดในเวลาอันสั้นที่สุด

นี่ไม่ใช่การค้าที่ยั่งยืน

เมื่อเวลาผ่านไปทุกคนจะพบปัญหานี้และทำให้ธุรกิจของเขาไม่สามารถดำเนินการต่อ

‘หวังว่าบางคนจะเสนอราคาสูงและซื้อพวกมันไปในครั้งเดียว!’ บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงคิดถึงสถานการณ์ที่ดีที่สุด

เขาต้องการขายมันให้กับกองกำลังใหญ่หรือผู้อมตะระดับแปด

อสูรปีของบรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

กลุ่มผู้อมตะอ้าปากค้างกับธุรกรรมครั้งใหญ่ครั้งนี้

เมื่อเห็นคนมาเพิ่มขึ้น บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงจึงประกาศ “ข้าไม่ชอบปัญหา ผู้ใดให้ราคามากที่สุด ข้าจะขายให้คนผู้นั้น สำหรับราคาของมันข้าจะขายตามแสงสมบัติ นี่เป็นการค้าที่ยุติธรรม”

เมื่อเขากล่าวเช่นนี้ แน่นอนว่ากลุ่มผู้บ่มเพาะสันโดษรู้สึกไม่พอใจ

แต่ยังมีบางคนถามราคาของพวกมัน

พวกเขาล้วนเป็นผู้อมตะระดับแปดหรือตัวแทนจากกองกำลังใหญ่

บรรพชนพันเปลี่ยนแปลงเจรจากับคนเหล่านี้อย่างใกล้ชิด หลังจากขายอสูรปีทั้งหมด เขาจะได้รับกำไรไม่น้อย

มันจะชดเชยความสูญเสียของเขาได้บางส่วน

…..

ฟงจิวเก้อบินอยู่บนท้องฟ้า

มันเป็นท้องฟ้าที่แจ่มใสและไร้เมฆ

เมื่อมองลงไป เขาเห็นเนินทรายเคลื่อนตัวไปมาอย่างช้าๆ มีต้นกระบองเพชรรูปร่างเหมือนมือมนุษย์ในลักษณะต่างๆอยู่ที่นี่

มันเป็นทิวทัศน์ของทะเลทรายตะวันตกที่ทำให้ฟงจิวเก้อรู้สึกเพลิดเพลิน

แต่ความสนใจส่วนใหญ่ของเขาอยู่ด้านหน้า

‘ข้าเข้าใกล้ฟางหยวนแล้ว’ ฟงจิวเก้อบินลงไป

ในไม่ช้าเขาก็ลงจอดบนพื้นทรายที่ร้อนระอุ

ตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่ทำให้เกิดความโกลาหลและไม่มีแม้แต่ลมพัด

ฟงจิวเก้อมองไปรอบๆด้วยดวงตาส่องประกาย

‘มีภาพลวงตาอยู่ที่นี่!’

ฟงจิวเก้อค้นพบสิ่งนี้ก่อนจะยื่นแขนออกและใช้มือบีบอากาศ

ต่อมาท่าไม้ตายอมตะก็ถูกกระตุ้นใช้งานอย่างลับๆ กลิ่นอายของมันถูกเก็บซ่อนเอาไว้อย่างสมบูรณ์

ในที่สุดฟงจิวเก้อก็เปิดฝ่ามือขณะที่ลมที่อยู่ในกำมือลอยอยู่กลางหน้าอกของเขา

“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”

ลมเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วและทะลวงผ่านภาพมายาไปยังแกนกลางของค่ายกลวิญญาณ

วิสัยทัศน์ของเขาเปลี่ยนไปทันที

ทรายดูดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของฟงจิวเก้อ

เสียงของมันเหมือนเสียงน้ำตก

ควันที่ลอยอยู่รอบๆเหมือนไอน้ำ

มันดูยิ่งใหญ่มาก

ฟงจิวเก้อมองไปรอบๆแต่ไม่พบฟางหยวนและคนอื่นๆ

เขามองไปที่จุดศูนย์กลางของวังวนทราย

มีหลุมดำอยู่ที่นั่น

หลังจากตรวจสอบ ฟงจิวเก้อไม่ลังเลที่จะกระโดดลงไปในหลุมดังกล่าว

ฟงจิวเก้อบินลงไปในหลุมทรายและพบว่าตนเองอยู่ในความมืด

เขามองไม่เห็นสิ่งใดเลยแต่นั่นไม่สำคัญ วิธีการตรวจสอบของเขามีไม่มากแต่มันยังมีประโยชน์

ความมืดไม่สามารถหยุดเขา

‘กลิ่นอายของกาลเวลา!’ หัวใจของฟงจิวก้อเต้นแรง เขารู้ว่าตนเองมาถูกที่แล้ว

นี่อาจเป็นสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา มีความเป็นไปได้ที่ฟางหยวนจะพยายามเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาเพื่อค้นหามรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดง!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท