เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1444

ตอนที่ 1444

วิญญาณอมตะล้างใจลอยอยู่บนฝ่ามือของฟางหยวน

“ในที่สุดข้าก็ทำสำเร็จ มันไม่ง่ายเลย” ฟางหยวนถอนหายใจ

อาจกล่าวได้ว่าการหลอมรวมวิญญาณคือการพนันครั้งใหญ่

พวกเขาใช้ความพยายามเกือบสามสิบครั้งก่อนที่จะประสบความสำเร็จและสูญเสียทรัพยากรมากมาย

ฟางหยวนต้องใช้มรดกของนิกายเงาแลกเปลี่ยนกับแต้มผลงานของนิกายหลางหยาและใช้แต้มผลงานเหล่านี้แลกเปลี่ยนสมบัติจากคลังสมบัติของนิกายหลางหยา

นอกจากนั้นเขายังต้องใช้แก่นแท้บัวหิมะและมันก็พิสูจน์แล้วว่าทรัพยากรอมตะระดับเจ็บชนิดนี้มีประโยชน์มาก

หลังจากดัดแปลงเคล็ดลับการหลอมรวม มันดีขึ้นและเหมาะสมกับฟางหยวนมากขึ้น

ความผิดหวังเพียงเล็กน้อยคือวิญญาณอมตะล้างใจดวงนี้เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก

หากมันเป็นวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด ฟางหยวนจะสามารถใช้มันทำลายกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในร่างผีดิบอมตะของเขาได้ทันที

วิญญาณอมตะล้างใจระดับหกสามารถใช้งานได้เช่นกันแต่ประสิทธิภาพของมันค่อนข้างต่ำ เขาต้องใช้เวลาถึงแปดปีก่อนจะสามารถทำลายกับดักทั้งหมด

แน่นอนว่านี่ยังไม่รวมกับวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

หากใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อสนับสนุน ฟางหยวนจะใช้เวลาสามปี

สามปีหมายถึงเวลาในห้าภูมิภาค นี่คือขีดจำกัดความสามารถในปัจจุบันของฟางหยวน

‘สามปีนานเกินไป!’

หากมันเป็นวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด เขาจะใช้เวลาครึ่งปี

อย่างไรก็ตามการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ดยากกว่าวิญญาณอมตะระดับหก นอกจากนั้นมันยังต้องใช้วิญญาณอมตะระดับหกเป็นวัตถุดิบในการหลอมรวมอีกด้วย

ท้ายที่สุดแล้ววิญญาณอมตะแตกละชนิดก็เพียงหนึ่งเดียว

เมื่อมีวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก จะไม่มีวิญญาณอมตะล้างใจระดับเจ็ด ระดับแปด หรือระดับเก้าอยู่บนโลกใบนี้

นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงในกระบวนการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับเจ็ด หากมันล้มเหลว วิญญาณอมตะล้างใจระดับหกอาจถูกทำลาย เขาต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด

โดยธรรมชาติแล้วฟางหยวนสามารถรับรองความปลอดภัยของวิญญาณอมตะได้ในระดับหนึ่งด้วยวิญญาณอมตะสมบัติเลือด แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถปกป้องวิญญาณอมตะล้างใจระดับหกได้ทันเวลาระหว่างกระบวนการหลอมรวมที่มีความเสี่ยงสูง

นอกจากนี้ฟางหยวนยังต้องค้นคว้าวิธีการทั้งหมดเป็นอันดับแรก

ฟางหยวนมีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือดแต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขายังต่ำกว่ามาตรฐาน

“ท่านผู้นำนิกาย เราจะทำการหลอมรวมต่อไปหรือไม่? ข้าสามารถเปลี่ยนวิญญาณอมตะล้างใจให้เป็นวิญญาณหลักของข้า” ผมที่หกถ่ายทอดเสียงมาหาฟางหยวน

หลังจากวิญญาณกลายเป็นวิญญาณหลัก วิญญาณจะไม่ถูกทำลายระหว่างการหลอมรวม อย่างมากที่สุดมันก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น

แต่ฟางหยวนปฏิเสธความคิดนี้ “นั่นไม่สมควร ยังไม้ต้องกล่าวถึงการเปลี่ยนวิญญาณหลักที่เป็นเรื่องอันตราย จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้โง่ เราไม่สามารถหลอกลวงเขาได้โดยง่าย ความสัมพันธ์บนพื้นผิวของเราไม่เพียงพอให้เจ้าเสียสละเช่นนี้”

“เช่นนั้นให้ท่านอิงอู๋เซี่ยหรือไห่ลั่วหลันเปลี่ยนมันเป็นวิญญาณหลักของพวกเขาดีหรือไม่?” ผมที่หกแนะนำต่อ

นี่เป็นคำแนะนำที่ดี

ไป่หนิงปิง เทพธิดากระต่ายขาว และเทพธิดาเมี่ยวหยินไม่สามารถเชื่อถือ แต่อิงอู๋เซี่ยกับไห่ลั่วหลันเป็นข้อยกเว้น อิงอู๋เซี่ยเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณขณะที่ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถขัดขืน

หากเปรียบเทียบคนทั้งสอง อิงอู๋เซี่ยเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าเล็กน้อย เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ ในอนาคตหากฟางหยวนนำวิญญาณของเขาไปเพื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน วิญญาณอมตะล้างใจจะสามารถเติมเต็มความแข็งแกร่งของเขา

อย่างไรก็ตามฟางหยวนปฏิเสธความคิดนี้

เขาหลอมรวมวิญญาณอมตะล้างใจมาอย่างยากลำบาก แล้วเขาจะมอบมันให้ผู้อื่นโดยง่ายได้อย่างไร อย่างมากเขาก็จะให้ยืมเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณอมตะล้างใจยังมีประโยชน์ในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ มันสามารถลบข้อบกพร่องของภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปได้เล็กน้อย

ฟางหยวนตั้งใจเก็บวิญญาณอมตะล้างใจไว้กับตนเอง

อย่างไรก็ตามคำกล่าวของผมที่หกทำให้เขานึกถึงบางสิ่ง

‘แม้ข้าจะเป็นผู้นำนิกายเงา แต่ความสามารถในการควบคุมสมาชิกนิกายของข้าค่อนข้างแย่’

‘ไป่หนิงปิงไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า เราถือเป็นพันธมิตรที่เท่าเทียม เทพธิดากระต่ายขาวและเทพธิดาเมี่ยวหยินติดตามข้าเพราะมรดกของนิกายเงาและการไล่ล่าจากกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคใต้เท่านั้น’

‘ไห่ลั่วหลันถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงพันธมิตรและไม่สามารถหักหลัง แต่นางมีความทะเยอทะยานสูง นางไม่พอใจกับสถานะปัจจุบัน มันเป็นเพียงว่านางยังไม่สามารถกบฏได้ในเวลานี้’

‘สำหรับอิงอู๋เซี่ยและผมที่หก พวกเขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณและคิดที่จะช่วยร่างหลักตลอดเวลา แต่ความหวังมีน้อยเกินไปขณะที่พวกเขาอ่อนแอเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาข้า’

หากฟางหยวนส่งวิญญาณอมตะล้างใจให้อิงอู๋เซี่ย ในอนาคตหากพวกเขามีโอกาสที่จะช่วยร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณแต่มันไม่สอดคล้องกับแผนการของฟางหยวน พวกเขาจะทำอย่างไร?

การตัดสินใจของอิงอู๋เซี่ยและผมที่หกจะไม่เอียนเองมาทางฟางหยวนอย่างแน่นอน

เมื่อเวลานั้นมาถึง การมอบวิญญาณอมตะล้างใจให้กับอิงอู๋เซี่ยก็จะกลายเป็นความคิดที่โง่เขลา

ดังนั้นฟางหยวนจึงกล่าวอีกแผนการหนึ่ง

“แม้มันจะเป็นเพียงวิญญาณอมตะล้างใจระดับหก แต่มีวิธีการบางอย่างในมรดกของนิกายเงาที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของมัน แต่วิธี้นี้ต้องใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเจ็ด”

ผมที่หกมึนงงเล็กน้อยก่อนอุทานออกมา “ท่านผู้นำกำลังกล่าวถึง? ท่านอย่าลืมว่าถ้ำสวรรค์นิรันดรและตระกูลฮวงจินทั้งหมดต้องการตัวท่าน”

“สบายใจได้ ข้าสามารถควบคุมสถานการณ์” ฟางหยวนตบไหล่ผมที่หกก่อนจะเดินจากไป

…..

แสงแดดยามเช้าส่องผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาในห้อง

มู่หลานชิงซื่อนั่งฮัมเพลงขณะจัดดอกไม้

วันนี้เป็นวันแห่งความสุขของนาง

เพราะคนรักของนาง หยุนเหลียงกำลังจะมาที่เผ่ามู่หลานเพื่อขอแต่งงานกับนางอย่างเป็นทางการ

แท้จริงแล้วมันเป็นเวลาเพียงไม่นานตั้งแต่ทั้งสองรู้จักกัน

มู่หลานชิงซื่อเป็นสมาชิกเผ่ามู่หลานขณะที่หยุนเหลียงเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือและได้รับฉายาว่าสุภาพบุรุษเมฆา

แม้ทั้งคู่จะเป็นตัวละครที่มีชื่อเสียงแต่ทั้งคู่พบกันครั้งแรกที่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กของเผ่าไห่ ทั้งสองพบกันที่แหล่งทรัพยากรแห่งหนึ่ง

เมื่อมูหลานชิงซื่อพบทรัพยากรชนิดนี้ หยุนเหลียงเริ่มรวบรวมมันแล้ว

เนื่องจากมันเป็นทรัพยากรที่เปราะบางมาก มูหลานชิงซื่อจึงไม่โจมตีและรอให้เขารวบรวมไปอย่างเงียบๆ

หยุนเหลียงแสดงความใจกว้างออกมาโดยเสนอการประลองเพื่อยุติปัญหา

โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับ

หลังจากนั้นทั้งสองยังพบกันเพราะเหตุบังเอิญอีกหลายครั้ง

เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกบางอย่างก็ก่อตัวขึ้นในใจของพวกเขา สุดท้ายพวกเขาจึงสัญญาที่จะแต่งงานกัน

แต่น่าเสียดายที่ตัวตนของทั้งสองเป็นอุปสรรคต่อการแต่งงาน

ฝ่ายหญิงเป็นสมาชิกตระกูลฮวงจินขณะที่ฝ่ายชายเป็นเพียงผู้บ่มเพาะสันโดษ

ความสัมพันธ์ของพวกเขาทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวล แต่ในไม่ช้าสถานการณ์กลับคลี่คลายไปในทางที่ดีอย่างไม่คาดคิด

เมื่อถ้ำสวรรค์นิรันดรเรียนรู้สถานการณ์นี้ พวกเขาเห็นด้วยกับการแต่งงานของหยุนเหลียงและมู่หลานชิงซื่อ

เนื่องจากความแข็งแกร่งของวังสวรรค์ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจึงต้องวางแผนรับมือกับยุคที่ยิ่งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา

ถ้ำสวรรค์นิรันดรต้องสะสมกำลังรบ ดังนั้นพวกเขาจึงอนุญาตให้การแต่งงานนี้เกิดขึ้น

หยุนเหลียงถือเป็นตัวแทนของผู้บ่มเพาะสันโดษ ดังนั้นงานแต่งงานของเขากับสมาชิกเผ่ามู่หลานจึงกลายเป็นเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ของภาคเหนือ

หากเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ ถ้ำสวรรค์นิรันดรจะสนับสนุนให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

แน่นอนว่ามูหลานชิงซื่อไม่ตระหนักถึงแผนการที่อยู่เบื้องหลัง นางรู้สึกมีความสุขและรู้สึกขอบคุณถ้ำสวรรค์นิรันดรเป็นอย่างมาก

“หยุนเหลียงจะมาขอข้าแต่งงานในวันนี้ ทุกอย่างจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว ข้าตรวจสอบรายการของขวัญและไม่มีปัญหาใดๆ ถ้ำสวรรค์นิรันดรไม่ขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ ตราบเท่าที่พิธีขอแต่งงานประสบความสำเร็จ งานแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น แต่…เหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างไร้เหตุผล?”

คิ้วของมู่หลานชิงซื่อขมวดเล็กน้อย นางวางฝ่ามือไว้บนหน้าอกและรู้สึกถึงความไม่สบายใจที่ไม่สามารถอธิบาย

“ข้ารู้สึกไม่ปลอดภัยเพราะความสุขที่มากเกินไปงั้นหรือ?”

“ฮ่าฮ่า ไม่มีปัญหา ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางเรื่องนี้”

“บางทีเพราะข้าอาจมีความสุขมากเกินไป สิ่งนี้ทำให้ข้ารู้สึกว่ามันยอดเยี่ยมมากเกินไป”

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

ใบหน้าของมู่หลานชิงซื่อกลายเป็นสีแดง จิตใจของนางกำลังล่องลอยออกไป

นางหัวเราะอยู่ท่ามกลางแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้อง

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา…

ร่างกายของนางกลับแข็งค้าง ใบหน้าของนางกลายเป็นซีดเผือด

เหตุผลเป็นเพราะโคมไฟวิญญาณและป้ายวิญญาณที่อยู่ในมิติช่องว่างของนางแตกสลายไป มันคือตัวแทนแห่งความรักที่นางกับหยุนเหลียงมอบให้แก่กัน

“หยุนเหลียง เขา…”

“ไม่…ไม่มีทาง!”

“เป็นไปไม่ได้!”

มูหลานชิงซื่อพุ่งออกไปจากหน้าต่างและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท