เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1453

ตอนที่ 1453

หวังหมิงเยว่นำสินค้าของนางออกมาวางขาย

หลายวันที่ผ่านมามีเพียงฟางหยวนที่ขายวิญญาณปี ตอนนี้เมื่อมีคู่แข่งรายใหญ่เข้ามา มันจึงทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นทันที

“ผู้หญิงก็คือผู้หญิง ไร้ความอดทน” หรงซินแห่งภาคกลางเย้ยหยันเมื่อได้รับข่าวนี้

“ด้วยวิธีนี้ มันจะเกิดการเปรียบเทียบ” เขาเต็มไปด้วยประสบการณ์และสามารถคาดเดาการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

ความเร่าร้อนของการซื้อวิญญาณปีในสวรรค์สีเหลืองลดลงอย่างกะทันหัน

หวังหมิงเยว่เข้าสู่ตลาดทำให้อุปทานมีมากกว่าอุปสงค์ ผู้อมตะคนอื่นๆกำลังรอดูการแสดงที่ดี

พายุกำลังก่อตัวขึ้นในสวรรค์สีเหลือง

ในปีก่อนๆธุรกิจวิญญาณปีร้อนแรงมาตลอด แต่ปีนี้สินค้ามาก่อนฤดูกาล สถานการณ์จึงกลายเป็นเงียบเหงา

หวังหมิงเยว่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย

แต่นางไม่มีทางเลือก นางมีวิญญาณปีในการครอบครองเป็นจำนวนมาก หากนางไม่เริ่มตอนนี้และรอให้ผู้ขายอีกสองคนออกมา สินค้าของนางอาจขายได้ช้ากว่าเดิม

“หวังหมิงเยว่จะขายก่อนเวลาจริงๆงั้นหรือ?” หรงซินและเซี่ยเปาซูยังลังเล

เซี่ยเปาซูเข้าใจหวังหมิงเยว่

“ข้ามีวิญญาณปีจำนวนมากอยู่ในคลังสินค้าเช่นกัน” เซี่ยเปาซูลอบกังวลอยู่ภายใน

วันต่อมาเขาก็ตัดสินใจนำวิญญาณปีออกมาวางขายในสวรรค์สีเหลืองเช่นกัน

“เซี่ยเปาซูเคลื่อนไหวแล้ว”

“สองในสามผู้ขายรายใหญ่วางขายสินค้าล่วงหน้าแล้ว”

“แน่นอน ปีนี้ต่างจากปีก่อน ตอนนี้มีผู้ขายรายที่สี่เพิ่มเข้ามา”

ในสวรรค์สีเหลือง กลุ่มผู้อมตะพูดคุยกัน

“บัดซบ!” หรงซินกัดฟันแน่นเมื่อได้ยินข่าวนี้

สถานการณ์แตกต่างไปจากเดิม

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนขายเพียงผู้เดียว หรงซินสามารถอดทนต่อเรื่องนี้ แต่เมื่อหวังหมิงเยว่เข้าร่วม มันทำให้หรงซินรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหลังจากเซี่ยเปาซูเข้าร่วม แรงกดดันต่อหรงซินจึงเพิ่มสูงขึ้น

หากเขาไม่ดำเนินการบางอย่าง เขาจะเป็นคนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด

แต่เขามีปัญหาของตนเอง

วิญญาณปีของเขามาจากการหลอมรวมวิญญาณ

เนื่องจากปีนี้ยังไม่ถึงฤดูกาลของมัน วิญญาณปีในคลังสินค้าของเขามีไม่เพียงพอ กล่าวได้ว่าเขามีสินค้าน้อยที่สุดท่ามกลางผู้ขายทั้งสี่ราย

แต่ด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับ หรงซินจึงทำได้เพียงกัดฟันและนำวิญญาณปีของตนเข้าสู่สวรรค์สีเหลืองเท่านั้น

“ข้ามีสินค้าน้อยที่สุด ข้าไม่สามารถแข่งขัน” หรงซินรู้สึกสังหรณ์ร้าย สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือเวลาในการหลอมรวมวิญญาณ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาจึงเริ่มติดต่อเซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่

ทั้งสามรู้จักกันมาหลายปี เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะมีช่องทางสำหรับการติดต่อ

“แม้จะมีผู้ขายรายใหม่แต่ข้าคิดว่าเราสามคนควรปฏิบัติตามข้อตกลงเดิมถูกต้องหรือไม่?” หรงซินเตือนอีกสองคน

เซี่ยเปาซูและหวังหมิงเยว่เห็นด้วย

แม้พวกเขาจะทำผิดเงื่อนไขเกี่ยวกับช่วงเวลาการวางขาย แต่เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์พิเศษ มันจึงสามารถเข้าใจได้

แต่เรื่องราคาเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเขาไม่ควรฝ่าฝืน

เมื่อจำนวนผู้ขายเพิ่มขึ้น สงครามราคาจะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

แต่หากมันรุนแรงเกินไป มันจะกลายเป็นการทำร้ายตัวเอง

เซี่ยเปาซู หวังหมิงเยว่ และหรงซินแข่งขันกันมานับครั้งไม่ถ้วน แต่พวกเขาไม่เคยเปลี่ยนราคาที่ตกลงกันไว้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาเอง

แต่สิ่งนี้เป็นปัญหา

หากฟางหยวนลดราคาลงอย่างกะทันหัน แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร?

ฟางหยวนเป็นผู้ขายรายใหม่ แม้หรงซินจะเกลี้ยกล่อมเขา เขาก็อาจไม่สนใจ

แต่หรงซิน เซี่ยเปาซู และหวังหมิงเยว่ดูเหมือนจะไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อมีผู้ขายรายสี่ปรากฏขึ้น ยอดขายของฟางหยวนก็หยุดนิ่งทันที

‘ข้าเป็นผู้ขายรายใหม่ แม้สินค้าของข้าจะมีคุณภาพสูง แต่สถานะของข้าในหัวใจของผู้ซื้อยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับสามผู้ขายรามเดิม’

หวังหมิงเยว่ เซี่ยเปาซู และหรงซินอยู่ในธุรกิจนี้มาหลายปีแล้ว พวกเขามีชื่อเสียงที่ดี แน่นอนว่าฟางหยวนยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขาในแง่นี้

นี่คือจุดอ่อนของฟางหยวน

แต่ฟางหยวนมีวิธีแก้ปัญหา

ในไม่ช้าหรงซิน เซี่ยเปาซู และหวังหมิงเยว่ก็ได้รับข่าวสำคัญ

ผู้ขายรายใหม่เริ่มลดราคาวิญญาณปี!

“เขาทำสิ่งนี้จริงๆ”

“หือ ข้ายังคิดว่าเขาจะใช้วิธีอื่น!”

อย่าางไรก็ตามพวกเขาไม่วิตกและกระทั้งเย้ยหยัน พวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าการลดราคาเช่นนี้จะทำให้ผู้ขายพบกับความทุกข์ทรมาน

ในสงครามราคา การลดราคาเป็นดาบสองคม มันจะทำร้ายทั้งผู้อื่นและตัวเอง

แต่สำหรับผู้ซื้อ การลดราคาของฟางหยวนถือเป็นข่าวดี

พวกเขากำลังรอคอยเวลานี้อยู่

วิญญาณปีของฟางหยวนถูกขายออกไปเป็นจำนวนมาก มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับสถานการณ์ของเซี่ยเปาซู หวังหมิงเยว่ และหรงซิน

“ดูเหมือนเขาจะเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์ การลดราคาครั้งนี้เป็นไปตามมาตรฐาน มันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของผู้คน” หวังหมิงเยว่เฝ้ามองสถานการณ์

“แต่แล้วอย่างไร?”

“สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดขนาดใหญ่ เจ้าจะสามารถจัดหาสินค้าให้กับผู้ซื้อทั้งห้าภูมิภาคได้ด้วยตนเองงั้นหรือ? สุดท้ายคนที่ต้องทุกข์ทรมานก็คือตัวเจ้าเอง เราสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่า”

สามผู้ขายรามเดิมยังรักษาราคาของพวกเขาเอาไว้

อย่างไรก็ตามหลายวันต่อมาพวกเขาก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีก

“เกิดสิ่งใดขึ้น? คนผู้นี้มีวิญญาณปีเท่าใด? มันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด!”

“เขารวบรวมวิญญาณปีมากมายมาได้อย่างไร? มีบางสิ่งผิดปกติ!”

สามผู้ขายรายเดิมรู้สึกเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย

พวกเขาควรปฏิบัติตามข้อตกลงเรื่องราคาอยู่หรือไม่?

สุดท้ายพวกเขาก็มีความคิดที่แตกต่างกัน

ฟางหยวนเป็นผู้ขายรายใหม่ แม้เขาจะมีสินค้าอยู่มากเพียงใด เขาก็ยังเป็นคนหน้าใหม่ ขณะที่สามผู้ขายรายเดิมเต็มไปด้วยประสบการณ์

แต่หากพวกเขาลดราคา กำไรของพวกเขาจะลดลง

เรื่องนี้ทำให้พวกเขาลังเลอย่างไม่ต้องสงสัย

หลายวันต่อมา ธุรกิจของฟางหยวนยังดำเนินไปอย่างดุเดือด สามผู้ขายรายเดิมเห็นสถานการณ์กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ไม่น่าพอใจ ดังนั้นหวังหมิงเยว่จึงเป็นคนแรกที่เริ่มพูดคุยเรื่องการลดราคากับอีกสองคน

เซี่ยเปาซูมีท่าทีเย็นชา “ดูเหมือนคนผู้นี้จะมีสินค้ามากพอ หากเราไม่ลดราคา เราจะไม่สามารถขายสินค้า”

“ถูกต้อง” หวังหมิงเยว่กล่าวเสริม “คนผู้นี้ไม่ง่าย เขาลดราคามากพอที่จะกำหราบพวกเรา”

หรงซินหัวเราะเย้ยหยัน “เราจะได้กำไรหรือขาดทุน เราจะได้เห็นกันหลังจากขายวิญญาณปีออกไปทั้งหมด หากเราลดราคามากเกินไป แม้พวกเราจะขายได้มาก แต่พวกเราก็จะสูญเสียมากขึ้น แล้วเราจะทำเช่นนั้นไปเพื่อสิ่งใด?”

เขาไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้และยังต้องการรอดูต่อไปอีกระยะหนึ่ง

หลังจากทั้งหมดเขาไม่มีทางเลือก เขามีสินค้าอยู่อย่างจำกัด หากเขาลดราคา สินค้าของเขาจะหมดลงอย่างรวดเร็วขณะที่เขาจะได้รับกำไรลดลงอย่างมาก หากทุกคนรู้ว่าเขามีสินค้าไม่มาก ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของเขาจะเสียหาย

แต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดเนื่องจากอีกสองคนต้องการลดราคา ดังนั้นหรงซินจึงต้องทำตามพวกเขาเท่านั้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท